ฟุตบอลไทย

HOW TO SURVIVE: 5 ทางรอดของช้างศึกU23 ในศึกชิงแชมป์เอเชีย

หลังจากที่ออกสตาร์ทเกมแรกไม่สวย ด้วยการพ่ายให้กับ เกาหลีเหนือ ด้วยสกอร์ 1-0  จากการเสียประตูให้ รี ฮุน ตั้งแต่ต้นเกม ทำให้สถานการณ์ของทีมชาติไทยU23 ภายใต้การนำทัพของ โซรัน ยานโควิช กุนซือชาวเซอร์เบีย ตกอยู่ในที่นั่งลำบากสุ่มเสี่ยงที่จะตกรอบแรก ก่อนที่จะพบกับทีมแกร่งอย่างญี่ปุ่นในเกมที่ 2 ที่จะแข่งขันกันในวันที่ 13 มกราคม เวลา 18.30 น.  และนี่คือ 5 รอดทางที่จะต้องทำหากหวังเข้ารอบ

 

กด NEXT เพื่อร่วมติดตามไปกับเรา

แก้ไขจุดอ่อนในเกมรับ

ต้องยอมรับว่าการขาดผู้เล่นแนวรับที่เป็นส่วนสำคัญของทีมอย่าง ชินภัทร ลีเอาะ และ สุริยา สิงห์มุ้ย รวมไปถึงห้องเครื่องตัวสำคัญอย่าง พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล  ที่ถอนตัวออกไปส่งผลโดยตรงกับแนวรับของทีมชาติไทยในชุดนี้ ซึ่งเกมนี้พวกเขาจะต้องปรับปรุงจุดอ่อนในเกมรับก่อนเป็นอันดับแรก เพราะว่านับตั้งแต่ โซรัน ยานโควิช เข้ามาคุมทีม ก็ไม่สามารถรักษาคลีนชีทได้เลย แม้แต่เกมเดียว เพราะฉะนั้นเกมนี้จะต้องแก้ไขจุดอ่อนในเกมรับก่อนเป็นอันดับแรก อย่างเกมที่ผ่านมากับเกาหลีเหนือยังมีจังหวะเช็คล้ำหน้าผิดพลาด และการป้องกันเกมรุกจาริมเส้นได้ไม่ดี โดยเฉพาะทางด้านกราบซ้ายที่ สหรัฐ ปองสุวรรณ รับผิดชอบอยู่ค่อนข้างมีปัญหาซึ่งเกมต่อไปเราอาจจะได้เห็นคนอื่นได้โอกาสลงมาเล่นแทนก็เป็นได้

 

เพิ่มตัวทำลายเกม

ในเกมแรกของทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี โซรัน ยานโควิช นั้นเลือกใช้ รัตนากร ใหม่คามิ ลงเล่นเป็นกองกลางตัวรับเพียงแค่คนเดียว ในระบบ 4-1-4-1 ซึ่งเห็นได้ชัดว่าภาระการทำหน้าที่ในแดนกลางของ กองกลางจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ค่อนข้างหนักกับการที่จะต้องคอยหยุดเกมแดนกลางของ ผู้เล่นเกาหลีเหนือ และในเกมนี้จะต้องเจอกับญี่ปุ่นที่มาตรฐานสูงกว่า เพราะฉะนั้นจะต้องเพิ่มมิดฟิลด์ตัวทำลายเกมลงไปอีก 1 คนซึ่งอาจจะเป็น นพพล พลคำ ที่อาจจะได้ลงมาช่วยขันเกมในแดนกลางให้แน่นขึ้น และพยายามที่จะทำลายเกมของญี่ปุ่น โดยเฉพาะการเล่นของ โคจิ มิโยชิ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของทีมชาติญี่ปุ่น ไม่ให้บัญชาเกมแดนกลางได้ถนัด

ใช้ประโยชน์จากลูกตั้งเตะ

ในเกมแรกกับเกาหลีเหนือ ทีมชาติไทยมีลุ้นจะได้ประตูจากลูกตั้งเตะอยู่บ้าง เมื่อ โซรัน ยานโควิช จะใช้สูตรเล่นสั้นเพื่อเปลี่ยนจุดก่อนที่จะเปิดเข้าไป จนทำให้ ศฤงคาร พรหมสุภะ เกือบที่จะยิงประตูได้แต่โชคร้ายโหม่งไปชนคาน ซึ่งการเล่นกับทีมที่แข็งแกร่งกว่า อย่างญี่ปุ่น การใช้ลูกตั้งเตะทุกลูกให้เกิดประโยนช์ จะเป็นอีกหนึ่งกุญแจที่ทำให้ทีมคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการได้ ซึ่งดูจากนัดแรกที่ผ่านมาถือว่าการเล่นลูกตั้งเตะทพได้ดีพอสมควร และต้องไม่ลืมว่าในเกมที่ทีมชาติไทยเอาชนะ ญี่ปุ่นในศึก M-150 Cup ที่เพิ่งจัดมาไม่นาน ทีมไทยนั้นได้ประตูที่มีจุดเริ่มต้นมาจากลูกตั้งเตะ ทั้งนี้นอกจากเกมบุกแล้ว การป้องกันลูกตั้งเตะก็เป็นส่วนสำคัญไม่แพ้กัน

 

ใช้เกมโต้กลับเร็วให้เกิดประโยชน์

ทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปีถือว่าเป็นชุดที่มีนักเตะที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูงและสามารถไปกับบอลได้ดี สามารถพูดได้ว่าเป็นจุดแข็งของทีมชุดนี้ก็ว่าได้ ในมือของ โซรัน ยานโควิช มีนักเตะที่มีทั้งทักษะ และความเร็ว สามารถไปกับบอลได้ดี และจะทำให้เกมโต้กลับเร็วน่ากลัวขึ้น หากใช้งานนักเตะอย่าง สุภโชค สารชาติ, พิชา อุทรา, ธนาสิทธิ์ ศิริผลา,  อานนท์ อมรเลิศศักดิ์  และ ชัยวัฒน์ บุราญ ที่เป็นคนยิงประตูชัยใส่ญี่ปุ่นในเกม M-150 Cup  โดยมี เจนรบ สำเภาดี เป็นคนคอยพักบอล ซึ่งหากว่า กุนซือทีมชาติไทยที่เป็นอดีตกองหน้าทีมชาติบัลแกเรีย สามารถปรับจูนวางหมากการเล่นโต้กลับเร็วด้วยจุดแข็งของนักเตะเหล่านี้จะทำให้เกมรุกอันตรายและสร้างปัญหาให้กับคู่แข่งอย่างทีมชาติญี่ปุ่นได้

ภาวนาให้ผลการแข่งขันอีกคู่เป็นใจ

ช้างศึก U23 จะลงแข่งขันกับทีมชาติญี่ปุ่น เป็นคู่ที่สอง ต่อจากคู่ของเกาหลีเหนือ กับปาเลสไตน์ ซึ่งตอนนี้คงต้องยอมรับว่า ทีมชาติไทยไม่ได้เป็นฝ่ายกุมชะตาของตัวเองเอาไว้ทั้งหมด เพราะผลการแข่งขันในนัดแรกที่ไม่ได้แต้มมา ผลของคู่เกาหลีเหนือ กับ ปาเลสไตน์ นั้นจะส่งผลกับทีมชาติไทยไม่น้อย เพราะหากว่า เกาหลีเหนือสามารถเอาชนะ ปาเลสไตน์ ได้ ก็จะทำให้พวกเขาแทบจะการันตีตั๋วเข้ารอบได้เลย แต่ก็อาจจะไม่ใช่งานที่ง่ายของเกาหลีเหนือ เพราะในเกมเปิดสนาม ปาเลสไตน์ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาไม่ใช่งานง่ายของใครแม้แต่ญี่ปุ่นที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งของรายการยังเอาชนะได้แค่ 1-0 เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดก็อยู่ที่นักเตะทีมชาติไทย ที่จะต้องลงเล่นกับญี่ปุ่นเหมือนกับว่ามันเป็นเกมสุดท้ายของพวกเขาด้วย