ฟุตบอลทีมชาติ เอเชีย

ใครว่าเป็นไม้ประดับ: 7 แมตช์ตัวแทนเอเชียล้มยักษ์ในศึกฟุตบอลโลก

หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาว ที่รอสตอฟ อารีน่า ผู้เล่นญี่ปุ่นทรุดตัวลงนอน บ้างคนคว่ำหน้าทุบพื้น เพราะพวกเขาพ่ายให้กับ เบลเยียมอย่างน่า เจ็บใจ ในวินาทีสุดท้ายของเกม ทำให้ไม่เหลือตัวแทนจากทวีปเอเชียในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แม้จะมีแค่ทัพามูไรสีน้ำเงิน แค่ทีมเดียวเท่านั้นที่ผ่านเข้ารอบ แต่ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ตัวแทนจากเอเชียยังทำผลงานได้น่าพอใจ โดยที่สามารถเก็บชัยชนะได้ทุกทีม และเกมที่ยอดเยี่ยมของแฟนบอลเอเชีย คงหนีไม่พ้นเกมที่ เกาหลีใต้ เอาชนะ แชมป์เก่า เยอรมันไป 2-0 แล้วกอดคอตกรอบไปด้วยกัน ด้วยความรู้สึกที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว

 

สำหรับตัวแทนจากเอเชียที่ไปได้ไกลที่สุดยังคงเป็นเกาหลีใต้ ที่เข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศและคว้าอันดับที่ 4 มาครอง หลายครั้งที่ตัวแทนจากเอเชียมักจะถูกมองว่าเป็นไม้ประดับในฟุตบอลโลก แต่พวกเขาก็เคยสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซในฟุตบอลโลกด้วยการล้มยักษ์ใหญ่มาแล้ว และนี่คือ 9 เกมที่ตัวแทนจากเอเชีย จัดการล้มยักษ์ให้คนทั้งโลกได้ชม

 

กดลูกศรทางด้านขวาเพื่อร่วมติดตามไปกับเรา

เกาหลีเหนือ 1-0 อิตาลี | 1966

ครั้งสุดท้ายที่เกาหลีเหนือผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้เกิดขึ้นในปี 2010 แต่ย้อนไปก่อนหน้านั้น พวกเขาเคยไปเขย่า เวทีโลกมาแล้ว ในปี 1966 ในฟุตบอลโลกที่ประเทศอังกฤษ รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ เกาหลีเหนือ ที่นักเตะส่วนใหญ่ ไม่ใช่นักเตะอาชีพ เป็นเพียงราชการทหาร และตำรวจ ที่รวมตัวกันเล่นฟุตบอลยามว่างเท่านั้น ซึ่งพวกเขาคว้าโควตา ครึ่งทีม ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ เนื่องจากตัวแทนจาก แอฟริกา ที่ได้โควตา ครึ่งทีม ไม่พอใจกับโควตาที่ได้รับทำให้โสมแดงได้ลงเล่น

หลายคนมองพวกเขาเป็นเพียงไม้ประดับเท่านั้น และก็ตามคาดในเกมแรก พวกเขาโดนสหภาพโซเวียตถล่มขาดลอย 3-0 เกมที่สองพวกเขาเก็บแต้มแรกได้จากการเสมอกับชิลี ได้ด้วยสกอร์ 1-1 ก่อนที่จะลงเล่นเกมสำคัญกับ อิตาลี ที่มองเหลี่ยมมุมไหนก็สู้ไม่ได้ จนกระทั่งมีจุดเปลี่ยนเมื่อ จิอาโคโม่ บัลกาเรลลี่ กองหลังกัปตันทีม สกัดบอลพลาดจนตัวเองบาดเจ็บต้องออกจากสนามไป (กฎในเวลานั้นยังไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนตัว)

และนั่นทำให้เกาหลีเหนือได้เปรียบและมาได้ประตูนำจาก ปัค ดู-อิค และพวกเขารักษาสกอร์ไว้ได้ ทำให้พวกเขา เอาชนะ แชมป์โลกสองสมัยอย่าง อิตาลี ไปได้แบบหักปากกาเซียน จนผ่านเข้ารอบเข้าไปพบกับโปรตุเกส ที่มียอดนักเตะอย่าง ยูเซบิโอ ในทีม และพวกเขาเกือบที่จะสร้าง ปาฏิหาริย์ ได้อีกครั้ง เมื่อได้ประตูออกนำไปก่อน 3-0  แต่สุดท้ายกลับมาพ่าย 5-3 แม้จะจอดป้ายแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่การต่อสู้ในครั้งนั้นกลายเป็นตำนานที่เล่าขานถึงทุกวันนี้

เกาหลีใต้ 1-0 โปรตุเกส |  2002

ในปี 2002 ที่เกาหลีใต้ จับมืออกับญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย และเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชียที่มีโอกาสเป็นเจ้าภาพในทัวร์นาเม้นท์ กีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เจ้าภาพร่วมอย่าง เกาหลีใต้ หมายมั่นปั้นมือที่จะสร้างผลงานที่ดีในการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้ให้ได้ แม้ว่ารอบแรกพวกเขาจะอยู่ร่วมสายกับทีมแกร่งอย่าง อเมริกา, โปแลนด์ และ โปรตุเกส ซึ่งเกมแรก ดาวเตะโสมขาวออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อเอาชนะ โปแลนด์ไป 2-0 จากนั้นในเกมที่สองพวกเขาเสมอกับ สหรัฐอเมริกาได้ 1-1 โอกาสเข้ารอบเปิดกว้างขอแค่ 1 แต้มจากเกมสุดท้าย

แต่ว่ามันก็ไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะทีมที่ยืนขวางทางพวกเขาคือ โปรตุเกส ที่อุดมไปด้วยนักเตะระดับโลกอย่าง วิคเตอร์ บาย่า, เฟร์นานโด คูโต้, หลุยส์ ฟิโก้, เปาลิสต้า และพวกเขาก็ต้องการ 3 แต้มเพื่อเข้ารอบ หลายคนคิดว่าเจ้าภาพน่าจะทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้ แต่ว่าหลายอย่างไม่เป็นไปอย่างที่นักวิเคราะห์คาด เมื่อเกาหลีใต้ จัดการโค่น โปรตุเกส ลงด้วยสกอร์ 1-0 จากประตูชัยของ ปาร์ค จี ซุง ที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาที่แทบไม่มีแฟนบอลคนไหนรู้จักเขา จนทำให้ เกาหลีใต้ คว้าแชมป์กลุ่ม พร้อมกับส่งยักษ์ใหญ่จากยุโรปอย่าง โปรตุเกส กลับบ้านเพียงแค่รอบแรกเท่านั้น

เกาหลีใต้ 2-1 อิตาลี | 2002

ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เกาหลีใต้จะต้องเจอกับ ทีมชาติอิตาลี ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขาคือตัวเต็งอีกทีมของการแข่งขัน ส่วนนักเตะในทีมก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะอิตาลี ชุดนี้ขนดาวดังระดับโลกมาแบบครบทีม ทั้ง จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน, เปาโล มัลดินี่, จิอันลูก้า ซามบร็อตต้า, ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ, อเล็กซานโดร เดลปิเอโร่ และ คริสเตียน วิเอรี่ มองเหลี่ยมมุมไหน เกาหลีใต้ ที่ได้เปรียบแค่กองเชียร์ก็สู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง แล้วก็เป็นจริงดังคาดเมื่อ อิตาลี ได้ประตูออกนำไปก่อนจาก โบโบ้ วิเอรี่ แต่ในเกมที่เกาหลีใต้สู้ขาดใจบวกกับความได้เปรียบเรื่องเสียงเชียร์ และการตัดสินที่น่ากังขาของ ผู้ตัดสิน ไบรอน โมเรโน ชาวเอกวาดอร์

ในเกมที่นักเตะเกาหลีใต้ เตะติดดาบใส่ผู้เล่นอิตาลีตลอดทั้งเกม แต่แทบจะไม่มีจังหวะฟาลว์หรือการคาดโทษใดๆทั้งสิ้น นักเตะอัซซูรี่ ข่มอารมณ์เรื่อยมา จนถึงช่วงท้ายเกม ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ถูกใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงถูกไล่ออกจากสนาม โทษพุ่งล้ม ก่อนที่ช่วงท้ายเกม โซล คี เฮือน จะมาซัดประตูตีเสมอ ทำให้ต้องไปลุ้นกันต่อในช่วต่อเวลาพิเศษ และกลายเป็น อาห์น จุง ฮวาน ที่สวมบทฮีโร่ โขกประตูน็อคอิตาลี ในช่วงโกเด้นโกล จุดชนวนความบาดหมางของทั้งสองประเทศทันทีที่เกมจบ เพราะว่า ฮีโร่ ของชาวเกาหลีใต้ ที่ก่อนหน้านั้นค้าแข้งกับ เปรูจา ในอิตาลี ถูกยกเลิกสัญญาทันที แต่แม้ว่าชัยชนะจะน่ากังขาขนาดไหน เกาหลีใต้ ก็ได้ชื่อว่าคว่ำทีมระดับแชมป์โลก 3 สมัยผ่านเข้าไปรอบ 8 ทีมสุดท้ายจนได้

 

เกาหลีใต้ 0-0 (5-3) สเปน | 2002

แม้ว่าสเปน จะเคยสัมผัสแชมป์โลกมาแล้วในปี 1964  แต่พวกเขาก็ถูกมองว่าเป็นทีมยักษ์หลับที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบคัดเลือก แต่ว่าพอถึงรอบสุดท้ายผลงานก็มักจะไม่เอาอ่าวเสมอ ซึ่งในฟุตบอลโลกปี 2002 ที่สเปน ทะลุมาถึงรอบ 8 ทีมขุนพลกระทิงดุมองไกลไปถึงแชมป์โลก ด้วยขุนพลนักเตะที่มีศักยภาพที่ทำได้เพราะตอนนั้นพวกเขามีนักเตะระดับโลกอย่าง อิเคร์ กาซียาส, กาเลส ปูโยล, ราอูล กอนซาเลส และ เฟอร์นันโด เฮียร์โร่ กุนซือคนปัจจุบัน พูดได้ว่าดาวดังของพวกเขาไม่น้อยหน้าใครในทัวร์นาเม้นท์นี้ และการเจอกับเจ้าภาพที่เพิ่งเขี่ย อิตาลี มาได้ก็ไม่น่าจะเป็นงานที่ยากเกินไป

แต่ว่าพอเข้าสู่เกมจริงๆ เกาหลีใต้ ยังคงได้เปรียบเล็กๆในเรื่องการเป็นเจ้าภาพ และในเรื่องการตัดสิน ที่พวกเขาได้เปรียบจากจังหวะที่ สเปน ซัดถึง 2 ประตูเข้าไปก้นตาข่ายแล้ว แต่ผู้ตัดสิน อามาล อัล กันดูร์ จากอียิปต์ไม่เป่าเป็นประตูทั้ง 2 ลูก จนทำให้นักเตะสเปนออกอาการหัวเสีย อย่างเห็นได้ชัด จนครบ 120 นาทีเกมจบที่เสมอกันไป 0-0 และต้องดวลจุดโทษตัดสิน และเป็น โจอาควิน ซานเชซ ที่ยิงจุดโทษพลาด ทำให้เกาหลีใต้เอาชนะไป และผ่านเข้ารอบไปพ่ายเยอรมัน 1-0 และคว้าอันดับที่ 4 ของการแข่งขันในเกมชิงที่ 3 ที่พ่ายให้ม้ามืดประจำทัวร์นาเม้นท์อย่างตุรกี ไปในเกมชิงที่ 3 ด้วยสกอร์ 1-0 คว้าอันดับที่ 4 มาครอง ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดของตัวแทนจากเอเชียในฟุตบอลโลก

ญี่ปุ่น 3-1  เดนมาร์ก | 2010

ในปี 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2010 ทีมชาติญีปุ่น ที่เพิ่งล้มเหลวในฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมัน ทำให้พวกเขาเจอกับความกดดันก่อนที่จะมาเล่นในฟุตบอลโลกในครั้งนี้ และในเกมแรกรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาเอาชนะ แคเมอรูน ไปด้วยสกอร์ 1-0 และแม้ว่าจะพ่ายให้กับ ฮอลแลนด์ ในเกมที่สองด้วยสกอร์ 1-0 แต่ความหวังในการผ่านเข้ารอบ 16 ทีมให้ได้อีกครั้งเหมือนอย่างตอนที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพในปี 2002 ก็ยังเปิดกว้าง แต่โจทย์คือพวกเขาจะต้องเอาชนะ เดนมาร์ก ที่มีดีกรีเป็นแชมป์ยุโรป 1 สมัยให้ได้ในเกมสุดท้าย

ซึ่งขุนพลซามูไรสีน้ำเงิน ระเบิดฟอร์ม ด้วยการยิงประตูนำเดนมาร์กไปก่อน จากฟรีคิกของ เคซุเกะ ฮอนดะ และมาได้ประตูจาก ยาสุฮิโตะ เอนโดะ แม้ว่าเดนมาร์ก จะมาตีไข่แตกได้จาก ยอน ดาล โทมัสสัน แต่ว่า ทีมลูกพระอาทิตย์ก็มาได้ประตูตอกย้ำชัยจาก ชินจิ โอกาซากิ ทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ ก่อนที่จะไปยุติเส้นทางด้วยน้ำมือของ ปารากวัย ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายจากการพ่ายจุดโทษ

 

เกาหลีใต้ 2-0 เยอรมัน |  2018

เกาหลีใต้ออกสตาร์ทฟุตบอลโลก 2018 ด้วยความพ่ายแพ้ต่อ สวีเดน และมาแพ้ เม็กซิโก ทำให้ความหวังในการเข้ารอบแทบจะหมดลง และพวกเขาจะต้องเจอกับ ทีมชาติเยอรมัน แชมป์เก่า ที่ต้องการสามแต้ม เพื่อที่จะเข้ารอบ และพวกเขาจะต้องเอาชนะเยอรมันให้ได้เยอะที่สุด และยังจะต้องลุ้นผลอีกคู่ระหว่าง เม็กซิโก กับ สวีเดน ไปด้วย

และเมื่อเกมดำเนินไปความหวังของเกาหลี เหมือนจะหมดไปเพราะว่าผลอีกสนามไม่เป็นใจเมื่อ สวีเดน ที่ออกนำไปก่อน ทำให้เกาหลีใต้เล่นแบบไม่มีอะไรจะเสีย แต่เกมรับของพวกเขายังแข็งแกร่ง จนเยอรมันเจาะไม่เข้า มาถึงช่วงท้ายเกม เกาหลีใต้ ส่งบอลเข้าประตูไปได้จาก คิม ยอง กวอน แต่ไลน์แมน ยกธงให้เป็นจังหวะล้ำหน้า แต่ว่าผู้ตัดสินใตเทคโนโลยี VAR ช่วยตัดสิน ก่อนที่ภาพช้าจะฟ้องว่าเป็นการจิ้มบอลของ โทนี่ โครส ทำให้ลูกดังกล่าวเป็นประตู ที่แทบจะไม่เหลือเวลาให้เยอรมัน ได้แก้ตัว ก่อนที่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ มานูเอล นอยเออร์ นายทวารอินทรีเหล็ก พยายามที่จะ ขึ้นมาช่วยเปิดเกมรุกแต่กลายเป็นเปิดช่องให้ เกาหลีใต้ ยิงประตูเพิ่ม จนมาได้ ซน เฮือง มิน ซัดประตูปิดท้าย จากการหลุดไปยิงโล่งๆ ทำให้พวกเขาคว่ำแชมป์โลกพร้อมกับกอดคอกลับบ้านไปพร้อมกัน

ญี่ปุ่น 2-1 โคลอมเบีย | 2018

ทีมชาติญี่ปุ่น เคยอยู่ร่วมสายกับ โคลอมเบีย มาก่อนในฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งในครั้งนั้น ทีมซามูไร พ่ายไปขาดลอย พร้อมกับกระเด็นตกรอบแรก ซึ่งเกมแรกที่ถือว่าเป็นเกมที่ยากที่สุดในทัวร์นาเม้นท์ พวกเขาต้องเจอกับ คู่ปรับเก่าอีกครั้ง แถมสถิติทีมจากเอเชียไม่เคยเอาชนะ คู่แข่งจากอเมริกาใต้ได้เลย ในฟุตบอลโลก

เริ่มเกม เทพี แห่งโชคดูเหมือนว่าจะเข้าทางญี่ปุ่น เมื่อ คาร์ลอส ซานเชซ จงใจใช้แขนสกัดบอล พร้อมเสียเป็นลูกจุดโทษซึ่ง ชินจิ คางาวะ ซัดเข้าไปในนาทีที่ 6 ให้ "ซามูไร บลูส์" ออกนำ 1-0 แต่โคลอมเบียยังแสดงให้เห็นถึงความเขี้ยวลากดินเมื่อมาตามตีเสมอได้แม้ว่าจะคนน้อยกว่า จากฟรีคิกของ ฮวน ควินทาโร ที่หลอกยิงจน เอจิ คาวาชิมา เสียท่า แต่ญี่ปุ่นที่ครเยอะกว่ามาบดเอาประตูเพิ่มได้จาก ยูยะ โอซาโกะ ที่โขกลูกเตะมุมเข้าไป และทำให้ ญี่ปุ่นคว้าสามแต้มสำคัญ จนมีส่วนสำคัญทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบ 16  ทีมสุดท้ายก่อนที่จะไปพ่าย เบลเยียมตกรอบแบบน่าปวดใจ