TRB FEATURE TRB TALK

TRIBE TALK : “โค้ชโย่ง รีเทิร์น” ตอนมหากาพย์เอเชียนเกมส์

ในช่วงนี้ฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก ได้ทำการหยุดพัก ทำให้ทีมชาติในชุดต่างๆวางโปรแกรมอุ่นเครื่องไม่ว่าจะเป็นชุดใหญ่ ที่โค้ชมิโลวาน ราเยวัช เตรียมพาลูกทีมดวลกับทีมชาติจีนในวันพรุ่งนี้

ซึ่งในทัพช้างศึก U23 ก็ได้มีการวางโปรแกรมอุ่นเครื่องเช่นกัน ด้วยการอุ่นเครื่องกับทีมชาติอินโดนีเซีย 2 นัด และจะเป็นการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งของ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ ที่หวนคำรบรอบสอง ซึ่งในนัดแรกก็ได้พาทีมเอาชนะอินโดนีเซียไปได้ 2-1 และจะมีโปรแกรมอีกนัดในวันที่ 3 มิถุนายน เพื่อเป็นการเตรียมทีมกับศึกใหญ่ เอเชียนเกมส์ ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในอีกสองเดือนข้างหน้า ที่จะกลายเป็นโจทย์ที่โค้ชโย่งต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งหลังเคยทำได้ในซีเกมส์เมื่อปีผ่านมา

วันนี้ฟุตบอลไทรบ์ ไทยแลนด์ ได้พูดคุยกับกุนซือรายนี้กับการคัมแบ็คนั่งแท่นเฮดโค้ชอีกครั้ง และการเตรียมพร้อมสำหรับศึกใหญ่ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้

ไทรบ์ : พูดถึงการกลับมาคุมทีมชาติไทยอีกครั้ง รู้สึกอย่างไร

โค้ชโย่ง : ต้องขอบคุณที่ให้โอกาส ทำให้เราได้ทำงานสานต่อ เพราะมันมีทัวร์นาเมนท์ที่เราวางงานไว้แล้วว่าจะมีแพลนอย่างไรต่อไป ถือเป็นโอกาสที่ดี

ไทรบ์ : การลดบทบาทตัวเองไปเป็นผู้ช่วยโค้ชเราได้เห็นอะไรจากตรงนี้บ้าง

โค้ชโย่ง : การที่เราลดบทบาทไปช่วยก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่ง ซึ่งโค้ชโซรันทำให้เราได้เรียบรู้การคุมทีมมากขึ้น

จุดบกพร่องชุดนี้ อันดับแรกต้องยกให้เป็นสภาพร่างกายนักเตะก่อน เพราะชุดนี้เมื่อปีก่อน บางคนยังไม่ได้เป็นตัวหลักกับสโมสร เป็นตัวสำรองส่วนใหญ่ ความต่อเนื่องการเล่นมันไม่มี ทำให้เวลามาเล่นทีมชาติแบบนี้ มีเวลานิดเดียว อีกอย่างก็คือปัญหาการจบสกอร์ ซึ่งเรามีปัญหามากในทัวร์นาเม้นท์ชิงแชมป์เอเชียเมื่อต้นปี ทำให้เราต้องเรียกผู้เล่นที่น้อยกว่ามาเล่นตรงนี้

ไทรบ์ : ช่วงที่เปลี่ยนมาใช้โค้ชโซรัน ยานโควิช ผลงานของทีมชุดนี้ก็แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด คิดว่ามาจากสาเหตุไหน

โค้ชโย่ง : ผมว่าเป็นช่วงเวลามากกว่า เพราะตอนเขาไปทำ ตัวหลักก็ไปร่วมทีมไม่ครบด้วย และนักเตะหลายๆคนไม่ได้เป็นตัวหลักสโมสร ทำให้การเรียนรู้มันจะยากกว่าคนที่ได้ลงเล่นเสมอ และก็สภาพร่างกาย ถ้ามีความฟิตที่ดี มันก็ช่วยทีมได้เยอะ เพราะฟุตบอลมันต้องใช้ความรวดเร็วในการตัดสินใจ และพยายามใช้พื้นที่ให้ได้น้อยที่สุด แต่ถ้าความฟิตไม่มี ก็เหมือนใจเราไป แต่ร่างกายไม่ไปด้วย

ไทรบ์ : เห็นบอกว่ามีปัญหาจบสกอร์มีการกำชับพวกกองหน้าหรือนักเตะที่คอยทำประตูอย่างไรบ้าง

โค้ชโย่ง : ปัญหามันอยู่ที่ว่าสโมสรในไทยลีก กองหน้าแต่ละทีมส่วนใหญ่จะใช้ต่างชาติหมด ทำให้เด็กไม่ได้ลงเล่น นี่คือปัญหาหลัก ถ้าลงเล่นใน T3, T4 มีโอกาสลงเล่นเสมอ จะช่วยแก้ไขสถานการณืเฉพาะหน้าได้ จะเห็นได้ว่าทำไมไม่ได้ลงเล่นในลีก แต่เราเรียกไปติด ก็เพราะว่าถ้าเราไม่เลือกไป มันก็ไม่มีตัวเล่น แต่เราก็โชคดีที่บางตัวตอบโจทย์สโมสรอย่างฟรองซ์ (ปรเมศย์ อาจวิไล) เป็นตัวหลักลงเล่นเกม หรือบาส (เสฏฐวุฒิ วงค์สาย) ที่ชลบุรีจะเปลี่ยนลงช่วง 30 นาทีสุดท้าย แต่มันก็เป็นประสบการณ์กับเด็ก และส่งผลดีกับทีมชาติด้วย อย่างเจนรบ ตอนนี้ถ้าไม่เจ็บเขาก็ยังเป็นตัวเปลี่ยน แต่ก่อนเรามีตัวเลือกแค่เจนรบ กับสิทธิโชค ภาโส ตอนนี้ย้าก็แทบไม่ได้ลงเล่นเลย

ไทรบ์ : จากแต่ก่อนที่ตัวหลักเป็นย้า แต่ช่วงหลังเขาหายไปจากทีม ส่งผลกระทบต่อทีมชาติอย่างไรบ้าง

โค้ชโย่ง : อย่างในกรณีของย้า มันเห็นข้อเสียของนักเตะไทยที่ไม่ยอมชนะใจตัวเอง จริงๆไม่ว่าอยู่ประเทศไทย มันสามารถทำได้ดีหมด มันอยู่ที่ว่าเราเอาชนะใจตัวเองได้หรือเปล่า ตัวเองต้องทำให้ได้ก่อน ถ้าเอาชนะใจตัวเองไม่ได้ ก็น่าจะอยู่ลำบากเพราะเดี๋ยวนี้ฟุตบอลจะมีพรสวรรค์อย่างเดียวไม่ได้ มันต้องมีพรแสวงด้วย และต้องยอมรับจากเพื่อนร่วมทีมอีกด้วย

ไทรบ์ : เกมอุ่นอินโดนีเซียถือเป็นเกมแรกที่กลับมาคุมครั้งที่สอง มีการโฟกัสตรงไหนเป็นพิเศษกับเกมอุ่นเครื่องสองนัดนี้

โค้ชโย่ง : เราโชคดีที่นักเตะชุดนี้เป็นการผสมกันระหว่าง U23 และ U21 อย่าสรรเสริญจะทำให้เกิดฟุตบอลอีกมิติใหม่ และเด็กในชุดนี้จะสร้างความแตกต่างให้กับทีมแน่นอน ฟุตบอลมันต้องทำตามบุคลากรที่เรามีอยู่ ไม่ใช่ว่าเราหวังสูง แต่ทรัพยากรเรามีไม่ดีพอ มันก็ทำไม่ได้

ไทรบ์ : ไปอุ่นเครื่องที่ประเทศอินโดนีเซีย น่าจะมีแฟนบอลเข้ามาเยอะพอสมควร มีการบอกเด็กอย่างไร

โค้ชโย่ง : เด็กพวกนี้ผ่านการเล่นที่มาเลเซียมาแล้ว เราโชคดีที่เจอกับทีมเวียดนาม หรือพม่าในซีเกมส์ปีที่แล้ว คนดูเต็มสนาม รอบชิงคนก็เข้าดูกันเต็ม ทำให้เด็กไม่มีการตื่นแฟนบอลแน่นอน รวมไปถึงเด็กเป็นกำลังหลักในเกมลีก ซึ่งลีกบ้านเรามีมาตรฐานสูงกว่าทำให้เด็กไม่เกิดความกดดันในเกมอุ่นเครื่อง กองเชียร์มีส่วนก็จริง แต่ก็ไม่ได้เป็นจุดสำคัญกับผลงานทีมขนาดนั้น

ไทรบ์ : การที่อินโดนีเซีย พ้นโทษแบนกลับมาและผลงานน่าติดตาม ส่วนตัวมองคู่แข่งรายนี้อย่างไร

โค้ชโย่ง : จริงๆมันก็ไม่ต่างนะ ตั้งแต่สมัยผมยังเป็นนักฟุตบอลอยู่ แต่มันขึ้นกับการจบสกอร์มากกว่า และการที่คู่แข่งไทยในอาเซียนต้องมาเจอเรา เหมือนได้วัดสภาพจิตใจด้วย การที่เราจะเป็นเบอร์หนึ่งอาเซียน เราต้องแกร่งทั้งเกมในบ้านและนอกบ้าน เวลาไทยออกไปเยือน จะมีความนิยมมาก แฟนบอลเข้ามาชมหนาตาตลอด

ไทรบ์ : ในการอุ่นเครื่องกับอินโดนีเซียสองนัด เราจะได้อะไรจากตรงนี้

โค้ชโย่ง : อันดับแรกคือเราต้องการดูความเคลื่อนไหวชาติเพื่อนบ้านเรา สองสนามที่เราต้องเล่นจริง สามประสบการณ์ที่จะได้เพราะนัดที่สองที่อุ่นนั้น จะได้เล่นท่ามกลางแฟนบอลมหาศาลแน่นอน ซึ่งเด็กเราอาจจะมีโอกาสได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลหลายหมื่น ถือว่าเป็นประสบการณ์ เพราะถ้าไม่ใช่ระดับรีล มาดริด แฟนบอลไม่เข้ามาเยอะขนาดนี้แน่นอน

กด NEXT เพื่อติดตาม

ก่อนหน้า
หน้า 1 / 2