ONCE UPON A TIME : “สุเชาว์ นุชนุ่ม” กาลครั้งหนึ่ง ณ เปอร์ซิบ บันดุง

ทำไมถึงตัดสินใจไปเปอร์ซิบ บันดุง

กัปตันกบ : “ไม่ได้เชิงว่าพี่ตี๋ (สินทวีชัย หทัยรัตนกุล) ชวน  แต่วันนั้นนั่งกินข้าวอยู่หรือนั่งคุยกันอยู่ในห้องเนี่ยแหละ และพี่ตี๋ชวนเหมี่ยว(ณัฐพงษ์ สมณะ) เพราะตอนนั้นทีมเขาหาแบ็คซ้าย เราก็บอกว่าผมเล่นได้นะ ไปตอนแรกก็ยังไม่ได้เซ็นสัญญานะ เขาให้ไปเทสก่อนสองสามวัน และเขาก็โอเค เพราะตอนแรกเราไปเขาไม่ได้รู้จักเราเท่าไหร่”

เกมแรกที่ลงไปในฐานะนักเตะเปอร์ซิบ บันดุง

กัปตันกบ : “เกมแรกที่เราได้ลงตกใจเหมือนกันนะ ปกติบอลไทยสมัยนั้นยังไม่ได้รับความนิยมเหมือนสมัยนี้ กองเชียร์ที่อินโดแน่นเต็มสนาม สนามจุเท่าไหร่ คนดูก็เต็มความจุตลอด เราลงไปก็ตื่นเต้นไม่เคยมาเล่นต่างประเทศ และก็โชคดีเราเปิดตัวและยิงได้ด้วย เกมนั้นทีมโดนนำไปก่อน และเราก็ยิงได้ ก่อนที่เพื่อนจะช่วยมายิงให้ชนะ 3-1 เรียกว่าเปิดตัวได้สวยเลย”

ความคลั่งของแฟนบอลอินโดที่ได้สัมผัสมา

กัปตันกบ : “ยกตัวอย่างเช่นทีมเมืองทอง หรือท่าเรือ ที่มีคลั่งเยอะ อาจจะมีด่าบ้าง แต่อินโดเยอะกว่า ก็เข้าใจนะเพราะเป็นความคลั่งของแฟนฟุตบอลแต่ละคน รักในทีมของตัวเอง ผมถึงไม่ค่อยมีความรู้สึกเมื่อแฟนบอลด่า เพราะเขาด่าเขาก็มีเหตุผลของเขา แต่ถ้าเทียบกันแฟนบอลก็คลั่งไม่ต่างกันมาก แต่อินโดจะมีความอินกับฟุตบอลมากกว่า”

ได้อะไรจากการไปค้าแข้งต่างแดนครั้งนั้น

กัปตันกบ : “อันดับแรกเลยเราได้ประสบการณ์ แฟนบอลเปอร์ซิบ ที่ให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี รวมไปถึงเรื่องรายได้ สมัยก่อนไทยลีกรายได้เริ่มจะดีขึ้นแต่ยังไม่เยอะเท่าทุกวันนี้”

แมตช์ในความทรงจำในฐานะแข้งเปอร์ซิบ บันดุง

กัปตันกบ : “แมตช์ในความทรงจำ ก็คือแมตช์แรกที่เราลงให้เปอร์ซิบ เราก็ยิงได้เลย มันเลยประทับใจเป็นพิเศษ อีกแมตช์ก็คือแมตช์สุดท้ายก่อนจะกลับมาไทย เราก็ยิงได้อีก เหมือนกับเรายิงเปิดตัวในฐานะนักเตะเปอร์ซิบ และยิงอำลาทีมด้วย”

ความรู้สึกส่วนตัวที่เปอร์ซิบดึงนักเตะดังระดับโลกมาร่วมทีม

กัปตันกบ : “เขามาไกลมากนะ จริงๆเขาเป็นทีมที่ใหญ่ ด้วยความเป็นทีมในระดับต้นๆของอินโดนีเซีย แต่โชคไม่ดีเขาโดนแบนไปสองปี พอกลับมาแน่นอนว่าความคลั่งไคล้ของแฟนบอลทำให้ลีกกระตุ้นกลับมายิ่งใหญ่ อย่างแฟนบอลเปอร์ซิบเขาสนับสนุนทีมตลอด ส่วนเอสเซียงที่มาเตะให้กับทีม นั่นก็คือการยกมาตรฐานของลีกเขามาอีกในระดับหนึ่ง”

พอกลับมาค้าแข้งที่ไทย มีติดต่อพูดคุยหรือติดตามข่าวสารทางอินโดนีเซียบ้างไหม

กัปตันกบ : “ก็มีได้คุยกับเอเยนต์ที่พาเราไปเตะที่อินโดบ้าง และก็มีคุยกัยพี่ตี๋บ้าง ว่าแบบเออเขายังอยากให้เรากลับไปอยู่นะ แต่เราก็บอกว่าเราไปไม่ได้แล้ว เรามีความสุขกับการอยู่ที่นี่ บุรีรัมย์กลายเป็นบ้านของเราไปแล้ว”

ประสบการณ์แปลกๆที่ไปเจอมา

กัปตันกบ : คุณภาพชีวิตที่อินโดเขาก็ยังกลางๆไม่ได้ดีมากในตอนนั้น ส่วนตัวผมเป็นคนกินง่ายอยู่แล้ว เรื่องการกินอินโดคล้ายบ้านเรา อย่างข้าวผัดซีอิ๊ว ไก่ทอด และอีกอย่างคนอินโดเขาชอบกินด้วยมือนะ (แล้วถ้าเป็นพวกอาหารแกงกินยังไง?) เขาก็มีช้อนกลางให้ไหม แหม่ ฮ่าฮ่า ไม่ได้ใช้มือตลอด ส่วนมากก็ใช้มือ เราก็ติดมาด้วย ซึ่งมันก็อร่อยดีนะ

การเดินทางตอนใช้ชีวิตในอินโดนีเซีย

กัปตันกบ : มันมีทั้งรถบัส เครื่องบิน เพราะอินโดเป็นประเทศที่กว้างเหมือนกันนะ มีครั้งนึงเราต้องไปเล่นที่ปาปัวนิวกีนี เกือบติดกับออสเตรเลียอยู่แล้ว และทีมเหมือนเป็นทีมชนเผ่า ที่รอการพัฒนา ซึ่งการแต่งกายก็เป็นแบบชนเผ่าเลย ซึ่งเราไม่เคยเห็นมาก่อนก็แปลกตาดี

คิดว่าลีกอินโดนีเซียเป็นอย่างไร

กัปตันกบ : ลีกอาเซียนตอนนี้อย่างอินโดนีเซีย มาตรฐานก็พอสู้กับไทยลีกได้นะ แต่เขาอาจจะเป็นรองนิดๆ ด้วยมาตรฐานฟุตบอลบ้านเราค่อนข้างสูง ทำให้เราต้องก้าวไปเหนืออาเซียนด้วย อย่างลีกอินโดนีเซียเขาก็เป็นลีกที่มีการพัฒนาได้อย่างรวดเร็วจากการถูกแบนไปสองปี

โอกาสที่ฟุตบอลอินโดนีเซียจะแซงหน้าฟุตบอลไทย

กัปตันกบ : มีโอกาสอยู่แล้วนะ แต่ก็ต้องดูว่าลีกไทยจะพัฒนาไปถึงไหนแค่นั้น พัฒนาต่อไปเรื่อยๆ หรือจะวนลูบกลับไปเหมือนเดิม ถ้ากลับไปเหมือนเดิม โดนเขาแซงแน่ๆ

สุดท้ายมีอะไรอยากฝากถึงแฟนบอลเปอร์ซิบ บันดุง

กัปตันกบ : ขอบคุณที่ยังจำผมได้ และยังนึกถึงเราตลอด ผ่านมาตั้ง8ปีแล้ว ก็ยังตามเชียร์เราตลอด ตอนมาอยู่บุรีรัมย์ เขาก็ยังมาตามเชียร์และติดตามไปด้วย ซึ่งเคยมีแฟนบอลเปอร์ซิบจากอินโดนีเซีย ตามมาดูถึงบุรีรัมย์ที่สนามไอโมบายเลยนะ ยังไงก็ต้องขอบคุณจากใจเลยครับที่ยังคิดถึงและให้กำลังใจสุเชาว์ นุชนุ่มตลอดครับ