นับตั้งแต่ที่ฟุตบอลทีมชาติไทยเป็นตัวแทนของประเทศไทย และเริ่มมีแมตช์ลงทำการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ชาติลูกหนังดินแดนด้ามขวานทองผ่านประสบการณ์ทุกข์สุขหลากหลายเรื่องราวที่เป็นที่จดจำของแฟนฟุตบอลชาวไทยอยู่เสมอ ซึ่งส่วนหนึ่งของผลงานดังกล่าว เกิดขึ้นจากการทำหน้าที่ของหัวหน้าผู้ฝึกสอนในทีมแต่ละชุด
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การทำหน้าที่ของกุนซือทั้งชาวไทยและต่างชาติหลายราย ที่เข้ามาคุมทีมและสร้างผลงานทั้งรูปแบบการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ, นำประสบการณ์จากต่างแดนเข้ามาปรับปรุงระบบทีม, คว้าเกียรติประวัติในรูปแบบของถ้วยรางวัล ตลอดจนเรียกศรัทธาแฟนบอลในประเทศให้กลับมาเชียร์ทีมชาติอีกครั้ง และนี่คืออดีต 5 กุนซือที่ทำผลงานน่าประทับใจภายใต้การคุมทัพช้างศึก
บัวร์กฮาร์ด ซีเซอ – เยอรมัน (1985-1986)
ซีเซอนับเป็นกุนซือต่างชาติชาวเยอรมันรายที่สี่ ต่อจากกุนเธอร์ กลอมบ์, ปีเตอร์ ชนิตต์เกอร์ รวมถึง แวร์เนอร์ บิคเคลเฮาพท์ ที่ตอบรับการคุมช้างศึก แม้จะมีโอกาสคุมทีมชาติไทยเพียง 1 ปี ทว่าเขากลับนำรูปแบบการเล่นของฟุตบอลสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้กับเหล่านักเตะชื่อดังในยุคนั้น ทั้ง ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, สุทิน-สุรัก ไชยกิตติ รวมถึง เฉลิมวุฒิ สง่าพล ฯลฯ จนสร้างความประทับใจให้แฟนบอลชาวไทยกับการที่มีโค้ชต่างวัฒนธรรมมาคุมไม่น้อย และซีเซอก็มีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ซีเกมส์ ปี 1985 ที่ศุภชลาสัย ด้วยผลงานคุมทีมซัดมากถึง 17 ประตูจาก 4 เกม
แต่จากสัญญาคุมทีมเพียง 1 ปี ทำให้เทรนเนอร์จากเมืองเบียร์มีโอกาสสร้างเกียรติประวัติเพียงโทรฟีเดียวร่วมกับช้างศึก ก่อนจะตัดสินใจโยกไปคุมปากีสถาน, กานา, เบอร์มิวดา, แซมเบีย และมาลาวี ในเวลาต่อมา
คาร์ลอส โรแบร์โต คาวัลโญ – บราซิล (1989-1991, 2003-2004)
ก่อนหน้านี้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯใช้บริการโค้ชต่างชาติชาวเยอรมันมาคุมทีมถึง 4 ราย และประสบความสำเร็จต่างกันไป นายกสมาคมฯในยุคนั้นอย่าง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ตัดสินใจลองเลือกเทรนเนอร์ชาวแซมบ้าเข้ามาคุมทีมในช่วงปลายทศวรรษที่ 80
ซึ่งอดีตเทรนเนอร์ที่เคยคุมโบตาโฟโก ในลีบราซิลกว่า 400 เกม ก็ไม่ได้ทำให้แฟนบอลชาวไทยต้องผิดหวัง เพราะตลอดระยะเวลาการคุมช้างศึก เขานำรูปแบบการเล่นสไตล์บราซิลเลียนมาปรับใช้กับทัพช้างศึกอย่างเนียนตา โดยเฉพาะการป้อนทักษะลูกหนังฉบับชาวแซมบ้ามาให้ลูกทีม จนมีโอกาสพาทีมคว้าแชมป์คิงส์ คัพ 2 สมัยติด อีกทั้งยังเป็นโค้ชคนแรกที่พาไทยเข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลเอเชียนเกมส์ได้สำเร็จในปี 1990 ที่ประเทศจีน และนำช้างศึกอัดเจ้าภาพในวันชาติรอบ 8 ทีมสุดท้ายมาแล้ว
ทว่าหลังจากที่คุมทีมได้แค่รองแชมป์ซีเกมส์ ปี 1991 ที่กรุงมะนิลา หลังดวลจุดโทษพ่าย อินโดนีเซีย เขาตัดสินใจลาออกทันที ก่อนจะมีโอกาสคุมทีมชาติไทยหนสองหลังจากนั้นราว 12 ปี แม้จะเริ่มภารกิจแรกด้วยการพาทีมชาติไทยลุยศึกเอเซียน คัพ 2004 ที่จีนได้สำเร็จ แต่จากผลงานคุมไทยแพ้เกมเวิลด์คัพ 2006 รอบคัดเลือกต่อเกาหลีเหนือคาบ้าน 1-4 ทำให้เขาถูกปลดจากการทำหน้าที่ทันที
ปีเตอร์ วิธ – อังกฤษ (1998-2003)
อดีตตำนานทีมชาติอังกฤษและแอสตัน วิลลา ตัดสินใจเข้ามาคุมช้างศึกในยุคที่วิจิตร เกตุแก้ว เป็นนายกฯ ซึ่งนับเป็นช่วงที่กระแสฟุตบอลพรีเมียร์ลีกกำลังได้รับความนิยมในประเทศไทย ทำให้เขากลายเป็นกุนซือชาวอังกฤษคนแรกของทีมชาติไทยอีกด้วย
โค้ชเลือดผู้ดีใช้เวลาปรับจูนทีมให้เข้ากับแท็คติกของตนเอง กอปรกับจิตวิทยาการคุมนักเตะ ให้โอกาสแข้งหลายคนพาเหรดมาติดทีม จนกลายเป็นที่ประทับใจของแฟนบอลไม่นาน ผ่านผลงานพาไทยคว้า อันดับ 4 เอเชียนเกมส์ 1998 ที่เกมรอบก่อนรองชนะเลิศ ช้างศึกได้สร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการชนะเกาหลีใต้ จากลูกยิงของ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ช่วงโกลเด้นโกลมาแล้ว
วิธยังคงคุมไทยซิวโทรฟีอย่างต่อเนื่อง ทั้งแชมป์แชมป์ ซีเกมส์ ปี 1999 ที่บรูไน, คิงส์คัพปี 2000 , พาทีมผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายศึกเอเซียน คัพ ปี 2000 ที่ประเทศเลบานอน, พาทีมผ่านเข้าสู่รอบ 10 ทีมสุดท้ายศึกฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รวมทั้งคว้าแชมป์ ไทเกอร์ คัพ ในปี 2000 และ 2002 มาแล้ว
จากผลงานเด่นดังกล่าวนี้ วิธเคยพาทีมชาติไทยรั้งอันดับที่ 45 ของฟีฟา แรงกิ้งโลกในปี 1998 มาแล้ว ซึ่งถือเป็นอันดับโลกที่สูงที่สุดที่ในประวัติศาสตร์ช้างศึกมาจนปัจจุบัน
ชาญวิทย์ ผลชีวิน – ไทย (2005-2008)
อดีตโค้ชยอดเยี่ยมแห่งทวีปเอเชียผู้พาธนาคารกสิกรไทย คว้าแชมป์สโมสรเอเชียเมื่อปี 1994, 1995 ก้าวขึ้นมารับงานคุมช้างศึกชุดใหญ่เมื่อช่วงปี 2005 หลังจากที่ผลงานก่อนหน้านี้ของทีมชาติไทยไม่สู้ดีนัก ไม่ว่าจะเป็นความล้มเหลวจากการตกรอบแรกเอเชียนคัพ 2004 ตกรอบอาเซียนคัพ 2004 ที่มาเลเซีย ส่งผลให้อันดับแรงกิ้งโลกร่วงไปอยู่ที่ 111 เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ (ปี 2005)
“โค้ชหรั่ง” เริ่มภารกิจฟื้นฟูช้างศึกด้วยการพาทีมเป็นแชมป์คิงส์คัพ 2006 และปี 2007 ซึ่งในปีนี้เจ้าตัวงัดแท็คติกพาไทยเดินหน้าเก็บชัยชนะทุกเกม และถือเป็นการอัดทีมชั้นนำร่วมทวีปอย่างอุซเบกิสถาน (3-2) และอิรัก (2-1 และ 1-0 ในเกมนัดชิง) รวมถึงมีผลงานคุมทีมคว้าเหรียญทองซีเกมส์ 2007 ได้อีกรายการ ถือเป็นการเรียกศรัทธาแฟนบอลชาวไทยกลับมามีแรงใจเชียร์ช้างศึกอีกยุคหนึ่ง
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง – ไทย (2014-2017)
ถึงแม้ว่าผลงานการคุมทีมระดับสโมสรในเมืองไทยของอดีตศูนย์หน้าจอมตีลังกากับ จุฬา-สินธนา, ชลบุรี เอฟซี, บีบีซียู เอฟซี และ บางกอก เอฟซี อาจจะไม่ได้มีโทรฟีติดมือ รวมถึงผลงานไม่ได้โดดเด่นทำทีมเป็นม้ามืดในหลายรายการที่ลงแข่ง ทว่าการจากที่เจ้าตัวได้รับโอกาสคุมทีมชาติไทยชุด ยู23 แบบเต็มตัวหลังเคยเป็นมือขวาของสตีฟ ดาร์บี ชุดตกรอบแรกซีเกมส์ที่ลาว รวมถึงคุมทีมชุดผสมบุกอุ่นเครื่องกับทีมชาติจีน ซิโก้เริ่มสานตำนานบทใหม่ในฐานะโค้ชเต็มตัวด้วยการบุกไปเอาชนะทีมชาติจีน 5-1 ถึงถิ่น
จากผลงานฮือฮาดังกล่าว ทำให้ในเวลาต่อมาอดีตแข้งขวัญใจแฟนบอลไทยก้าวขึ้นมารับงานคุมชุดใหญ่อย่างเป็นทางการในปี 2014 ก่อนจะพาแข้งช้างศึกเดินหน้าลบสถิติไม่น่าจำก่อนหน้านี้ ทั้งการพาทีมกลับมาซิวแชมป์ซีเกมส์ 2 สมัย, คว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2 สมัย, คุมทีมชุด ยู23 จบอันดับ 4 เอเซียนเกมส์ เมื่อปี 2014, และแชมป์คิงส์ คัพ 2016
นอกจากนี้ ซิโก้ยังพาทีมชาติไทย ทะลุรอบ 12 ทีมสุดท้าย คัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 โซนเอเชียมาแล้ว แต่หลังจากที่คุมทีมเก็บเพียง 1 แต้ม จาก 7 นัด เจ้าตัวได้ตัดสินใจขอยุติบทบาทดังกล่าวลง ก่อนที่สมาคมฟุตบอลฯจะแถลงตั้งมิโลวาน ราเยวัช เข้ามาคุมช้างศึกในเวลาต่อมา