ฟุตบอลไทย ฟุตบอลทีมชาติ

นับถือใจ!ธีรศิลป์แจงเหตุไม่ถอนตัวช้างศึกแม้มีอาการบาดเจ็บ

ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้ากัปตันทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดใจเมื่อล่าสุดได้รับคำชื่นชมจาก นาย สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยรวมถึงแฟนบอล หลังตัดสินใจขออยู่ซ้อมกับทีม แม้มีอาการบาดเจ็บบริเวณหลัง ก่อนทีมชาติไทยจะเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่ 8

กองหน้าวัย 29 ปี มีอาการบาดเจ็บบริเวณหลัง กระนั้นเจ้าตัวยังตัดสินใจขออยู่ซ้อมกับทีม โดยล่าสุดทำได้เพียงวิ่งวอร์มเบาๆ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งหากไม่พร้อมลงสนามยังมี อดิศักดิ์ ไกรษร ที่ถูกเรียกมาสแตนด์บายไว้เรียบร้อยแล้ว

“ยอมรับว่ายังมีอาการบาดเจ็บครับ แต่ไม่ได้ถึงขั้นไม่ไหว ก็เลยตัดสินใจเข้ามาอยู่กับทีมก่อน สุดท้ายถ้าไม่เป็นประโยชน์ต่อทีมโค้ชน่าจะตัดสินใจได้ครับ”ธีรศิลป์กล่าว

“ผมก็เหมือนคนอื่นๆครับที่เข้ามาเป็นตัวเลือกเฉยๆ จะใช้หรือไม่ใช้ขึ้นอยู่กับโค้ช ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของโค้ชครับ”

“ตอนนี้ยังไม่ได้คุยโดยตรงกับโค้ชครับ แต่หมอน่าจะคุยคร่าวๆแล้วว่าอาการเป็นยังไงบ้าง ต้องทำยังไงบ้างครับ ส่วนตอนนี้ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ครับว่าจะพร้อมแค่ไหน คงต้องดูอาการวันต่อวันครับ”

“เรื่องนี้มันแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน บางคนอาจเจ็บแล้วถอน มันก็อาจไม่ไหวจริงๆ หรืออย่างผมเข้ามาแล้วอาจไม่ไหวจริงๆก็ได้ ผมว่าเรื่องนี้มันแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่ละเคสมากกว่า”

“ผมเชื่อว่าทีมชาติทุกคนอยากเล่นอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่เป็นผลดีต่อทีมชาติ ซึ่งมันเป็นของทุกคน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่ของผม ไม่ใช่ของนักฟุตบอลคนใดคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นทีมชาติควรมีตัวเลือกที่พร้อมที่สุด อย่างผมถ้าไม่เต็มร้อย โค้ชก็มีตัวเลือกคนอื่นอยู่แล้ว หรือเข้ามาแทนผมก็ไม่มีปัญหาครับ เป็นปกติอยู่แล้วที่มีคนเจ็บต้องมีคนที่พร้อมกว่าเข้ามา เป็นเรื่องดีกว่าอยู่แล้วที่จะมีคนที่พร้อมกว่าเข้ามาแทนครับ”

“แน่นอนว่าผมอยากช่วยทีม ผมไม่รู้หรอกว่าจะเหลือเวลาเล่นกับทีมชาตินานเท่าไหร่ ผมยังดีใจทุกครั้งที่มีชื่อติด ไม่รู้ว่าครั้งไหนจะเป็นครั้งสุดท้ายบ้าง เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่มีโอกาส ผมอยากรักษาโอกาสนั้นให้ดีที่สุดครับ”

ทีมชาติไทย มีโปรแกรมเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่ 8 วันที่ 13 มิถุนายนนี้ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน