ปัจจุบันมีนักเตะดาวรุ่งหลายๆคนที่ก้าวพ้นจากอะคาเดมีขึ้นมามีบทบาทกับทีมในไทยลีกมากกว่าเมื่อก่อน เหมือนเป็นการสร้างรากฐานความแข็งแกร่งให้กับทีมในอนาคต รวมไปถึงเป็นรากฐานต่อยอดไปยังทัพช้างศึก
ซึ่ง “ยิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ คือหนึ่งในแข้งดาวรุ่งที่เติบโตจากอะคาเดมีของทัพฉลามชล ก่อนจะก้าวมาเป็นกำลังหลักในชุดใหญ่ ซึ่งกว่าจะก้าวขึ้นมาอยู่จุดนี้ ถือว่าพบเจอกับคำสบประมาทมากพอสมควรกับการคาดหวังผลงานแบบก้าวกระโดด ก่อนที่ยิมจะฟูมฟักและทำผลงานได้ดีขึ้นในช่วยท้ายซีซั่นที่แล้วต่อเนื่องมายังในฤดูกาลนี้ที่ทำไปได้แล้ว 5 ประตู ฟุตบอลไทรบ์ ไทยแลนด์ ได้มีโอกาสพูดคุยกับผลงานในฤดูกาลนี้ รวมไปถึงอนาคตในการทดสอบฝีเท้าต่างแดน
“ปีแรกๆที่ขึ้นมามันก็ไม่ค่อยกดดันมาก เพราะมีรุ่นพี่ในทีมคองประคองอยู่ แต่พอเวลาผ่านไป รุ่นพี่เริ่มมีอายุมากขึ้น เขาย้ายไปอยู่ทีมอื่น ความหวังมันก็เริ่มตกมาที่เรา ทำให้เริ่มมีความกดดันบ้าง ก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แม้บางครั้งฟอร์มของตัวเองอาจจะไม่ค่อยได้ดั่งใจก็ตาม พอปีนี้เราสามารถทำประตูกับทีมได้ไว้เลยเรียกความมั่นใจกลับมาด้วย” วรชิตเริ่มกล่าว หลังกลายเป็นกำลังหลักของทัพฉลามชลเต็มตัว
ในฤดูกาลนี้ “ยิม” ได้มีโอกาสสืบทอดเสื้อชลบุรี เอฟซีหมายเลข 8 ต่อจากเทิดศักดิ์ ใจมั่น แข้งในตำนานทัพฉลามชลที่แขวนสตั๊ดเมื่อปลายปีที่แล้วอย่างเต็มตัว แต่ก็ยังมิวายโดนเจ้าของเลขเสื้อคนก่อนแซวเป็นประจำ เพื่อหวังที่จะเห็นรุ่นน้องโชว์ศักยภาพออกมาให้ทุกคนได้เห็น
“เขาก็ไม่ได้บอกอะไร แต่เขาชอบมาพูดว่าขนาดน้าใส่เบอร์แปดตอนอายุจะ 40 ยังยิงได้เยอะ จริงๆเขาพูดให้คนอื่น แต่เอาให้ผมได้ยินด้วย ฮ่าฮ่า ก็รู้แหละว่าตั้งใจพูดใส่ผม แกล้งผมนี่แหละ จริงๆผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องเบอร์ เขาให้ใส่ผมก็ใส่ครับ ไม่ได้กดดันเท่าไหร่”
ซึ่งอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ยิมทำผลงานได้ดี นั่นคือทัพฉลามชลตัดสินใจดันดาวรุ่งขึ้นมาเล่นชุดใหญ่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐ สนธิสวัสด์ หรือเสฏฐวุฒิ วงค์สาย ทำให้เล่นได้เข้าขาประสานงานในเกมรุกได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ปีนี้ดาวรุ่งชลบุรีขึ้นมาเล่นชุดใหญ่เพิ่มขึ้น ถ้ามองตามความจริงแล้วก็รุ่นๆเดียวกันนี่แหละ เราเล่นด้วยกันมานาน ทำให้รู้ใจกันมากกว่า เราก็บอกว่าให้เล่นง่ายๆ และคอยช่วยเหลือกันก็พอ”
“ถ้านับย้อนไปบางคนเล่นกันมาตั้งแต่ช่วงม.ต้น อย่างแจ๊บ (สหรัฐ สนธิสวัสดิ์) เล่นตั้งแต่ป.6 พอเล่นด้วยกันมานาน มาเล่นชุดใหญ่ทำให้รู้ใจและเล่นได้ง่ายขึ้น เหมือนมองตาก็รู้ใจกันแล้ว”
