ฟุตบอลไทย ไทยลีก

คอลัมนิสต์ดัง ESPN เขียนถึง 5 เรื่องใหม่ที่อยากเห็นในบอลไทย 2018

พอล เมอร์ฟี่ย์  ถือเป็นคอลัมนิสต์ชาวต่างชาติที่ชื่อคุ้นชื่อชาวไทยไม่น้อย โดยมักจะมีบทวิเคราะห์วิจารณ์เกี่ยวกับฟุตบอลไทย ออกมาให้แฟนบอลได้อ่านเป็นประจำผ่านทาง ESPN ต้นสังกัดของเขา และในปีนี้ เขาก็ได้เขียนถึง 5 เรื่องที่อยากเห็นในฟุตบอลไทยปี 2018

โดยฟุตบอลไทยกำลังเดินทางเข้าสู่ปี 2018 ในปีที่ผ่านมามีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นชนาธิป สรงกระสินธ์ นักเตะไทยคนแรกในเจลีกทำผลงานได้อย่างโดดเด่น กับทีมใหม่ , ทีมชาติไทยตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ทำให้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ประกาศลาออก รวมไปถึง เมืองทอง ยูไนเต็ด โชว์ผลงานได้อย่างน่าประทับใจในการผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการผ่านทีมจาก เกาหลีใต้ และ ออสเตรเลียได้

แต่ว่าไทยไทยลีกแชมป์เป็นของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่คว้าแชมป์ได้ 4 สมัยจาก 5 ปีหลังสุด และในปีนี้ทีมชาติไทยจะต้องป้องกันแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ อีกครั้งและนี่คือสิ่งที่อยากจะได้เห็นจากฟุตบอลไทยในปี 2018

 

กด NEXT เพื่อร่วมติดตามไปกับเราได้เลย

 

1 แชมป์หน้าใหม่

ทั้ง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต่างทำให้การคว้าแชมป์ไทยลีกเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินเดา แต่เราก็เห็นผู้ท้าทายหน้าใหม่ๆอย่าง ชลบุรี เอฟซี ในปี 2014 และ แบงค็อก ยูไนเต็ด ในปี 2016 แต่ 9 ปีหลังสุดมีแค่ 2 ทีมที่คว้าแชมป์ได้เท่านั้น

แต่เชียงราย ยูไนเต็ด ยังคงลงทุนต่อไปหลังจากที่สามารถคว้าอันดับที่ 4 มาครองและได้แชมป์ เอฟเอคัพในปี 2017 ส่วนแบงค็อก ยูไนเต็ด ได้ทำการเปลี่ยนแปลงนักเตะในทีม อาจจะไม่ได้ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งเหมือนก่อน

ส่วนม้ามืดตัวจริงในปีนี้อาจจะเป็น การท่าเรือ ที่เสริมทัพด้วยการดึงปีกดีกรีทีมชาติไทยอย่าง นูรูล ศรียานเก็ม มาเสริมทีมรวมไปถึง บดินทร์ ผาลา และ แชมป์ ACL อย่าง คิม ซุง ฮวาน  แต่คีย์แมนตัวจริงของพวกเขาคือ ดราแกน บอสโควิช ที่ได้ตัวมาจาก แบงค็อก ยูไนเต็ด หลังพัง 38 ประตูในโตโยต้า ไทยลีก 2017 ซึ่งเขาถูกคาดหมายว่าจะพาท่าเรือไปถึงท็อปไฟร์เป็นอย่างน้อย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่เราจะเห็นทั้งเมืองทอง ยูไนเต็ด หรือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไทยลีกได้อีก แต่มันคงจะเป็นการดีหากเราได้เห็นทีมอื่นๆขยับเข้ามามีลุ้นมากกว่านี้

2 การพักเบรกที่เหมาะสม

ทีมชาติไทยมีทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 22ปี และ 23 ปี รวมไปถึงทีมชาติชุดใหญ่ที่ลงแข่งขันตลอดปี 2017 ที่ผ่านมาและเราก็ได้เห็นการพักเบรกโปรแกรมลีกที่ค่อนข้างแปลกหลายครั้ง

ในปีที่ผ่านมาการพักเบรกกลางฤดูกาลในปฏิทินฟีฟ่าเดย์ในเดือนมิถุนายน ตามด้วยการพักเบรกอีก 3 อาทิตย์ในเดือนกรกฏาคม สำหรับรายการคิงส์คัพ และในฟุตบอล เอเอฟซี U23 รอบคัดเลือก และมาหยุดอีกครั้งเพียงหลีกทางให้ฟุตบอลซีเกมส์ และโปรแกรมฟีฟ่าในเดือนสิงหาคม ทำให้บางทีมมีโปรแกรมอัดแน่น อย่างเมืองทอง จะต้องลงเล่น 11 เกมในเดือนเดียวรวมไปถึงการออกไปเล่นเกม เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เกมเยือนที่ญี่ปุ่นด้วย ซึ่งในช่วงนั้นพวกเขาแก้ 3 เกมติดต่อกันภายใน 1 สัปดาห์ ทำให้ถูกบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แซงขึ้นนำและคว้าแชมป์

ในปีนี้มีการแข่งขันเอเชี่ยนส์เกมส์ รออยู่ในเดือนสิงหาคม หวังว่าโปรแกรมพักเบรกจะไม่ซ้ำรอยเดิมเหมือนปีที่ผ่านมา

3 แฟนบอลมากขึ้น

การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ที่เพิ่งจบไป ปัญหาที่เห็นได้ชัดอย่างไม่ต้องสงสัยเลยคือจำนวนแฟนบอลที่ลดลงเนื่องมากจากโปรแกรมแข่งขันที่ชุก, การเดินทางไปยังสนาม การทำการตลาด และการล็อคผลการแข่งขัน ที่มีนักเตะบางส่วน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถูกดำเนินคดี รวมไปถึงการเริ่มและหยุดเกม การถ่วงเวลาจากการแกล้งเจ็บของนักเตะ และการถกเถียงกันระหว่างนักเตะและผู้ตัดสิน

แม้ว่าทีมอย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะคว้าแชมป์ได้อีกครั้งแต่ว่าตัวเลขของแฟนบอลพวกเขาก็หล่นลงไปถึง 25 เปอร์เซ็นใน 2 ปีหลังสุด นครราชสีมา เคยเป็นทีมที่มีแฟนบอลมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในปี 2015 แต่ว่าตัวเลขของแฟนบอล ก็ตกลงไปกว่าครึ่ง ซึ่งตัวเลขที่ตกต่ำนี้ทำให้สโมสรจะต้องทำอะไรซักอย่างเพียงให้แฟนบอลของตัวเองกลับมาเพิ่มมากขึ้น

4 ดาวยิงเลือดไทยหน้าใหม่

ในฟุตบอลโตโยต้าไทยลีก 2017 ที่ผ่านมาในตารางดาวยิงมีแต่เพียงนักเตะต่างชาติ โดย ธีรศิลป์ แดงดา เป็นนักเตะไทยที่อยู่ในอันดับสูงสุดในรายชื่อด้วยผลงานการยิงไป 14 ประตูทำให้เขาอยู่ที่ 11 ตามด้วยนักเตะไทยอีก 4 จาก 5 อันดับมีอายุเกิน 30 ทั้งนั้น ยกเว้นแต่ อดิศักดิ์ ไกรษร ที่อายุ 27 เท่านั้น

สิทธิโชค กันหนู ยิงไป 7 ประตูให้ ไทยฮอนด้า ที่ร่วงตกชั้น ในวัย 21 ปี เขาต้องมีฤดูกาลที่ยิ่งใหญ่กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมใหม่ได้แล้ว และแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถสืบทอดตำแหน่งกองหน้าจาก ธีรศิลป์แดงดา ได้ รวมไปถึง เจนรบ สำเภาดี ที่ย้ายจาก บีอีซี เทโร มาอยู่กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้

และนี่น่าจะเป็นเวลาของแนวรุกที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์อย่าง อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ และ สุภโชค สารชาติ ที่จะต้องพัฒนามากกว่านี้ เมื่อ ธีรศิลป์ ย้ายไป ฮิโรชิมา ในเจลีก 1 ควรจะต้องมีดาวยิงสัญชาติไทยที่ฉายแววออกมา สโมสรจะต้องให้ความเชื่อมั่นกับนักเตะเยาวชนในทีมมากขึ้น เพื่อการพัฒนา ให้พวกเขาได้เกี่ยวประสบการณ์

5 ได้เวลาแข้งอาเซียน

ในฤดูกาลนี้ ไทยลีกมีการเพิ่มโควตาสำหรับนักเตะอาเซียนในทีม เพื่อให้สโมสรได้ดึงนักเตะจากประเทศเพื่อนบ้านมาร่วมทีมแทนที่จะเป็นนักเตะพรสวรค์ที่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกล

ซึ่งในโควตาอาเซียนที่มีการเซ็นสัญญาแล้วมีนักเตะที่น่าจับตามาร่วมทีมแล้ว อย่างยอดกองหน้าจากเมียนมาร์อย่าง อองธู และ จอ โคโค มาร่วมทีม บีอีซี เทโรศาสน และ เชียงราย ยูไนเต็ด กองกลางทีมชาติสิงคโปร์อย่าง ซุลฟาห์มี อาริฟิน ย้ายมาอยู่กับ ชลบุรี เอฟซี ในขณะที่กองหน้าทีมชาติเวียดนามที่โอนสัญชาติมาอย่าง ฮอง วู แซมสัน ก็ย้ายมาอยู่กับบุรีรัมย์ และก่อนที่ไทยลีกจะเริ่มแข่งขันนัดแรก คาดว่าจะมีนักเตะจากอาเซียนเข้ามาเพิ่มอีก

และโควตาอาเซียนนี้จะกลายเป็นโอกาสทำให้ ไทยลีกกลายเป็นลีกเบอร์หนึ่งของอาเซียน เพราะจะทำให้ประเทศเพื่อนบ้านให้ความสนใจไทยลีกมากขึ้น ซึ่งความสำเร็จของนักเตะในสนาม คือสิ่งที่จำเป็น และแน่นอนว่านี้คือสิ่งที่จะเป็นประโยชน์หากว่ามีนักเตะในอาเซียนก้าวมาเป็นซูเปอร์สตาร์ของไทยลีกได้