ผู้รักษาประตู - ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน
จอมเซฟวัย 35 ปีได้รับเลือกให้เฝ้าเสาในทีมผสมของเราด้วยผลงาน 13 คลีนชีตจาก 25 นัด มากกว่า ดัง วาน ลัม ของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เก็บได้เพียง 7 คลีนชีต อีกทั้ง ศิวรักษ์ ยังโดนยิงเพียง 18 ประตูเท่านั้น นับเป็นสถิติน้อยใจในลีกขณะนี้อีกต่างหาก
เซ็นเตอร์แบ็ค - โอ บัน ซอค
"โอปป้า เบน" เปิดตัวบนเวที ไทยลีก ได้ไม่สวยนักเมื่อทีมพบความพ่ายแพ้ 2 นัดรวดที่เขาลงสนาม แถมตัวเองยังได้รับบาดเจ็บในเกมพบ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด จนอดรับใช้ต้นสังกัดใหม่ไปอีก 4 เกม
อย่างไรก็ตาม อดีตกองหลัง เจจู ยูไนเต็ด ยังกัดฟันสู้ รักษาตัวเอง กลับมาฟิตเต็มที่ ใช้เวลาค่อยๆ ปรับตัว และไม่นานนัก โอ บัน ซอค ก็ยึดตัวจริงทัพ "กิเลนผยอง" ไปโดยไม่รู้ตัว
เซ็นเตอร์แบ็ค - อันเดรส ตูเญซ
การย้ายทีมจากไปของ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ผลักให้พี่ใหญ่อีกราย เช่น อันเดรส ตูเญซ ต้องแบกความเป็นผู้นำ คอยกระตุ้นรุ่นน้องไว้มากกว่าเก่า เป็นภาพปกติที่เราจะเห็นแนวรับชาวเวเนซุเอลาสั่งการเกมรับด้วยความดุดัน เป็นนักเตะที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขาดไม่ได้เด็ดขาด
เซ็นเตอร์แบ็ค - ศฤงคาร พรมสุภะ
การเข้ามากู้สถานการณ์หนีตายโดย อเล็กซานเดร กาม่า ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของฤดูกาล และเส้นทางฟุตบอลของ ศฤงคาร พรมสุภะ แข้งทีมชาติไทย ยู23 เป็นตัวหลัก ช้างศูก ชุดเล็กของ กาม่า มาโดยตลอด และกุนซือชาวบราซิลก็สามารถดึงพลังลับของ ศฤงคาร ออกมาได้อีกครั้งในนามจอมโหดแห่งค่าย "กิเลนผยอง"
วิงแบ็คขวา - นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม
ฤดูกาลนี้ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม คัมแบ็คจากอาการบาดเจ็บหนักมายึดตำแหน่งตัวไว้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว แบ็คขวาทีมชาติไทยลงสนามให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปแล้ว 1909 นาที (ลงตัวจริง 22 สำรอง 2) นับเป็นกองหลังคนไทยที่ใช้เวลาในสนามนานมากอันดับ 2 ลองจาก ศศลักษณ์ ไหประโคน แถมยังเพิ่งยิงประตูสุดสวยในนัดที่พวกเขาเปิดบ้านถล่ม ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 6-0 ด้วย
มิดฟิลด์ - ฮาจิเมะ โฮโซไก
ด้วยประสบการณ์มากมายในนามทีมชาติญี่ปุ่น และบนแผ่นดินยุโรป ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำ ฮาจิเมะ โฮโซไก จึงเป็นได้อย่างเก๋าเกม มีความคลาสสิค ออกบอลสั้น-ยาว ซ้ายที ขวาดที ได้แม่นยำเหมือนจับวาง แต่นั่นยังไม่พอ หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่ามิดฟิลด์วัย 33 ปีก็มีลูกหนักติดตัวมาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นหากใครคิดจะไล่เตะเขาเล่นไม่ออก ระวังจะโดนเล่นคืนด้วยล่ะ!
มิดฟิลด์ - บรูโน่ กัลโล่
บรูโน่ กัลโล่ จัดเป็นอีกหนึ่งกองกลางที่มีคลาสบอลเนียนตาที่สุดในลีก รูปเกมของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ดูรัดกุม เป็นระเบียบวินัยขึ้นมากนับตั้งแต่ได้ กัลโล่ มาร่วมทีมในช่วงตลาดเลข 2 และไม่เพียงแต่เขาจะโดดเด่นในบทบาทตัวคุมจังหวะเท่านั้น เพราะช่วงหลังๆ เราจะเห็น กาม่า สลับ กัลโล่ ไปเล่นวิงแบ็คซ้ายบ่อยๆ แถมยังโชว์ฟอร์มได้ดีอีกต่างหาก
วิงแบ็คซ้าย - ศศลักษณ์ ไหประโคน
ฤดูกาลนี้นับเป็นฤดูกาลที่ ศศลักษณ์ ไหประโคน โชว์ศักยภาพในฐานะกำลังสำคัญของทัพ "ปราสามสายฟ้า" แบบเต็มตัวเลยก็ว่าได้ โดยแข้งตัวจี๊ดชาว บุรีรัมย์ โดยกำเนิดมีทักษะอันยอดเยี่ยม มีความเร็วแบบหาตัวจับยาก แถมยังเป็นนักเตะที่เข้าใจระบบของโค้ชโบซิดาร์ บันโดวิช อย่างแท้จริง จะจับไปเล่นตรงไหน ก็สามารถรักษามาตรฐานตัวเองไว้ได้ตลอดไม่ว่าจะวิงแบ็ค หรือมิดฟิลด์ตัวกลาง
มิดฟิลด์ตัวรุก - สุภโชค สารชาติ
แม้ผลงาน 6 ประตูจาก 24 เกมลีกจะดูไม่สวยหรูนัก แต่ฟอร์มการเล่น และการมีส่วนร่วมกับเกมของ สุภโชค ถือว่าพัฒนากว่าปีก่อนๆ มาก แน่นอนเขาอาจมีช่วงฟอร์มหลุดไปบ้างสักนัดสองนัด แต่นั่นคือเป็นเรื่องปกติมากสำหรับนักเตะอายุเพียง 21 ปีที่ต้องยืดอก แบกความรับผิดชอบเกมรุกต่อจากสุดยอดนักเตะเช่น ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต
ศูนย์หน้า - เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส
นี่จะเป็นทีมผสมตัวเทพของจริงได้อย่างไรหากขาดชื่อของ เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส "เดอะแบก" แห่งถิ่น เอสซีจี สเตเดียม โดยฤดูกาลนี้ เฮแบร์ตี้ ซัดไปแล้ว 11 ประตูจาก 25 นัด และดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากตั้งแต่การเข้ามาของ กาม่า ระเบิดฟอร์มร้อนแรงออกได้สำเร็จในบทบาทศูนย์หน้าฝั่งขวา พาบอลตัดเข้าในเพื่อทำประตูเอง หรือจ่ายทะลุช่องให้เพื่อน
ศูนย์หน้า - แดร์เลย์
ผลงาน 5 ประตูจาก 10 เกมในลีกใหม่ ทีมใหม่ ประเทศใหม่ วัฒนธรรมให้ของ แดร์เลย์ นับว่าไม่เลวนัก ทว่าความสำคัญของเขาไม่ได้อยู่ที่การถล่มประตูอย่างเดียว แต่ทักษาการเก็บบอลด้านหน้าของ แดร์เลย์ ได้กลายเป็นส่วนผสมสำคัญในระบบเกมรุก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องยิงให้ระเบิดเถิดเทิง แค่ช่วยให้ตัวรุกรอบข้างอย่าง เฮแบร์ตี้ หรือ อ่อง ธู เล่นดีขึ้น ก็พอแล้ว