ฟุตบอลไทย ทีมชาติไทย

จีน ปะทะ ไทย หรือนี่คือศึกออดิชั่นเก้าอี้กุนชือทีมชาติของทั้ง 2 ทีม?

อีกไม่กี่ชั่วโมงเจ้าภาพ จีน ก็จะประเดิมรายการอุ่นเครื่อง ไชน่า คัพ 2019 กับ ไทย หลังจากทั้ง 2 ทีมชาติเพิ่งพบกันมาสดๆ ร้อนๆ ในศึก เอเอฟซี เอเชียนคัพ 2019 ซึ่ง “ขุนพลแดนมังกร” เอาชนะไปได้ 2-1

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมเปลี่ยนแปลงไปมากเมื่อพวกเขาโคจรมาพบกันอีกครั้ง 3 เดือนให้หลัง

เริ่นกันที่ทีมชาติจีน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเรียกเสียงฮือฮาไม่ได้น้อยด้วยการแต่งตั้ง ฟาบิโอ คันนาวาโร่ กองหลังระดับตำนานทีมชาติอิตาลี และสโมสรยูเวนตุส เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนแทนที่ มาร์เซโล่ ลิปปี้

การรับตำแหน่งของ คันนาวาโร่ มาพร้อมคำวิจารณ์ด้านลบอย่างหนาหูจากกูรู และแฟนบอลทั่วทั้งประเทศจีน เนื่องจาก คันนาวาโร่ ดันไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งกุนซือ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ สโมสรกระเป้าหนักแห่งศึก ไชนีสซูเปอร์ลีก อีกทั้ง สมาคมฟุตบอลจีน (CFA) เองก็ไม่เคยออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่า คันนาวาโร่ คือกุนซือถาวร หรือนี่เป็นแค่จ๊อบฟรีแลนซ์ของแชมป์โลก 2006 เท่านั้น

จริงอยู่ที่ คันนาวาโร่ เคยเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง แต่ความสามารถในการคุมของเขายังคงเป็นที่ตั้งคำถาม

“แน่นอนเราปฏิเสธความสำเร็จของ คันนาวาโร่ ในฐานะนักเตะไม่ได้ แต่การตัดสินใจ และผลงานการคุมทีมที่ผ่านมาของเขายังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่” ลี้ ยาน อดีตกองกลางทีมชาติจีนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว the Youth Daily

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ คันนาวาโร่ สืบทอดตำแหน่งกุนซือต่อจาก มาร์เซโล่ ลิปปี้ เพราะงานคุมทีมครั้งแรกของ คันนาวาโร่ เมื่อปี 2014 ก็คือการรับไม้ต่อจาก ลิปปี้ ให้คุมทัพ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์

ทว่าไม่กี่เดือนต่อมา เอเวอร์แกรนด์ ก็เสียแชมป์ลีกที่ตนครอบครองไว้ทีมเดียว 7 ฤดูกาลติด และ คันนาวาโร่ ก็ถูกปลดไปตามระเบียบ

อย่างไรก็ดี คันนาวาโร่ สามารถเรียกเครดิตให้ตัวเองอีกครั้งด้วยการพา เทียนจิน ฉวนเจียน ทีมอันดับ 8 ของตารางที่ไม่ชนะใครมา 7 เกม ผงาดคว้าแชมป์ ไชนีส ลีก วัน (ลีกรองของจีน) เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด และจบถึงอันดับ 3 ในปีแรกบน ไชนีสซูเปอร์ลีก เป็นเหตุให้ เอเวอร์แกรนด์ ดึงเขากลับไปร่วมงานอีกหน

คันนาวาโร่ ในฐานะกุนซือ เทียนจิน ฉวนเจียน

ข้อได้เปรียบของ คันนาวาโร่ คือเขายังมี ลิปปี้ เป็นที่ปรึกษาอยู่ห่างๆ และ คันนาวาโร่  เองก็ได้รับคำชมพอสมควรเรื่องการดันเด็กดาวรุ่ง

ทว่าการเรียกแข้ง เอเวอร์แกรนด์ ติดทีมชาติถึง 8 รายก็ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดปัญหาความไม่สบายใจระหว่างนักเตะจากสโมสรอื่นหรือไม่?

ทางด้าน โค้ชโต่ย ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยเอง ที่ถึงแม้แฟนบอลสวนใหญ่ยังพอใจกับผลงานขัดตาทัพของเขาในศึกชิงแชมป์เอเชีย แต่ความจริง โค้ชโต่ย ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ไม่แตกต่างจาก คันนาวาโร่ เมื่อสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็ไม่ชี้แจงให้ชัดเจนว่าตอนนี้ มองหาเฮดโค้ชใหม่ไปถึงไหนแล้ว และทีมงานของ โค้ชโต่ย จะได้ทำงานต่ออีกนานแค่ไหน? จะถูกตัดสินด้วยผลงานในทัวร์นาเมนต์ ไชน่า คัพ ใช่ไหม?

เช่นเดียวกับที่ คันนาวาโร่ ขนแข้ง เอเวอร์แกรนด์ มาติดทีมชาติถึง 8 ราย โค้ชโต่ย เองก็เรียกนักเตะชุด “โกลเด้น เจเนอเรชั่น” ในยุค โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กลับมาติดทีมหลายคนไม่ว่าจะเป็น สารัช อยู่เย็น, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา หรือ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์

ซึ่งนักเตะ 4 รายที่ยกตัวอย่างมานี้ รวมๆ กันแล้วได้ลงสนามในยุคของ โค้ชมิโลวาน ราเยวัช เพียง 638 นาทีเท่านั้น (สารัช เล่น 45 นาที บวกกับ พีระพัฒน์ 593 นาทีจากการลงสนามเพียง 7 นัด)

สิ่งที่เราพอจะเดาได้จากการทำทีมของ โค้ชโต่ย ในศึกชิงแชมป์เอเชียคือการกลับมาของสไตล์ฟุตบอลเท้าสู่เท้า ต่างจากแทคติกโต้กลับอันรัดกุมของ ราเยวัช

หาก คันนาวาโร่ มี ลิปปี้ เป็นที่ปรึกษา ทางฝั่ง โค้ชโต่ย ก็มี โค้ชโชค โชคทวี พรหมรัตน์ กุนซือเหรียญทองซีเกมส์ และอดีตมือขวา โค้ชซิโก้ เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน

ทำให้แฟนบอลไทยพอเบาใจได้ว่าสไตล์ฟุตบอลที่เรากำลังจะได้เห็นกันนั้น ไม่ใช่ของเลียนแบบ โค้ชซิโก้ มาแต่เปลืองๆ อย่างแน่นอน

น่าสนใจว่าเมื่อได้เลือกนักเตะตามสเปคตัวเองแล้ว ทีมชาติไทยของ โค้ชโต่ย จะออกมาเป็นแบบไหน รวมถึงในอนาคต ผู้เล่นในชุด ราเยวัช ที่หลุดทีมไป ณ ตอนนี้จะปฏิกิริยา และทัศนคติในการทำงานอย่างไรกับ โค้ชโต่ย

การพบของทีมชาติไทย และจีน ไม่น่าจะเป็นเกมที่ห่างกันอย่างที่คิด ทว่าความน่าสนใจของแมตช์นี้คือการที่เราจะได้เห็นรูปโฉมใหม่ของทั้ง 2 ทีม อีกทั้งผลการแข่งขันวันนี้ ก็อาจมีผลถึงเก้าอี้กุนซือของทั้ง โค้ชโต่ย และ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ก็เป็นได้