ในสุดสัปดาห์นี้ ฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก จะมีศึกซูเปอร์บิ๊กแมตช์ ระหว่างสองคู่ปรับของฟุตบอลไทยอย่าง ชลบุรี เอฟซี ที่ในฤดูกาลนี้สร้างทีมด้วยผู้เล่นจากอะคาเดมี่และทำผลงานได้น่าพอใจ จะเปิดสนาม ชลบุรี สเตเดี้ยม พบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงที่ยังผลงานแข็งแกร่งอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งหากนำเอายอดแข้งของทั้งสองทีมมารวมกันคงจะออกมาเป็นแบบนี้
กดลูกศรทางด้านขวาเพื่อร่วมติดตามไปกับเรา
GK: ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน | บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ถ้าเทียบกันในตำแหน่งผู้รักษาประตู นายทวารของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถือว่าเป็นนักเตะชาวไทยที่มีประสบการณ์สูงไม่แพ้ใคร และได้โอกาสลงเฝ้าเสามาอย่างต่อเนื่องในไทยลีกมาอย่างยาวนาน เขาประสบความสำเร็จมาแล้วทุกรายการในประเทศที่ลงเฝ้าเสาให้บุรีรัมย์ โดยที่เป็นตัวหลักของสโมสรมาโดยตลอด จากฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอ ส่วน ชนินทร์ แซ่เอียะ นายทวารของชลบุรี เอฟซี ที่ยังเป็นรองเรื่องของรูปร่าง รวมไปถึงประสบการณ์ ที่ยังไม่ได้ผ่านเวทีใหญ่ๆอย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยส์ลีก เท่ากับ ศิวรักษ์ และประสบความสำเร็จน้อยกว่า แบบเทียบกันไม่ได้ ทำให้ตำแหน่งนายทวารของปราสาทสายฟ้ายังเหนือกว่า
RB: ศศลักษณ์ ไหประโคน | บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
อดีตเด็กปั้นของแบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ถูกบุรีรัมย์ ทีมบ้านเกิดดึงตัวกลับมาร่วมทีมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยสัญญายืมตัว ก่อนที่จะเอาชนะใจบรอ์ดบริหารได้จนถูกเซ็นสัญญาถาวร เป็นดาวเตะที่ถนัดเท้าซ้าย แต่สามารถเล่นทางด้านขวาได้เหมือนอย่างเช่นตัวรุกในสมัยใหม่ ที่จะไปเล่นตรงข้ามกับเท้าถนัด เพื่อการลากเลื้อดตัดเข้าใน เหมือนตอนอยู่กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมเก่า และตอนเล่นให้ ทีมชาติไทยชุดU23 แต่ในช่วงแรกที่ย้ายมาอยู่กับทีม เขาถูกปรับให้ยืนในตำแหน่งทางกราบซ้าย ทั้งวิงแบ็ก และแบ็กซ้าย ก่อนที่จะมาถึงฤดูกาลนี้เมื่อ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม มีอาการบาดเจ็บ ทำให้เขาถูกโยกมาเป็นแบ็กขวา จำเป็น นับตั้งแต่เกมโตโยต้า ไทยลีก 2018 นัดที่ 10 ที่เปิดบ้านเอาชนะ การท่าเรือ เอฟซี 3-1 และยึดตำแหน่งหลังจากนั้นเรื่อยมา ทั้งในไทยลีก และในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งผลงานชิ้นโบว์แดงคือช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย และเป็นคนยิงประตูชัยใส่ ทีมเก่าอย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด
CB: อันเดรส ตูเญซ | บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
หากจะพูดถึงเซนเตอร์ต่างชาติที่ดีที่สุดในเมืองไทยตอนนี้ การเอ่ยชื่อ อันเดรส ตูเญซ ปราการหลังของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ดูจะไม่ใช่เรื่องที่โอเวอร์เกินเหตุ จากผลงานที่เขาแสดงให้เห็นมาตลอดนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นให้กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดตั้งแต่ปี 2014 โดยที่พกประสบการณ์ระดับลาลีก้าสเปนมาด้วยจากการเล่นให้กับ เซลตา บีโก การย้ายเข้ามาเป็นตัวตายตัวแทนของ ออสมาร์ อิบันเญซ ซึ่งเขาเข้ามาแทนได้อย่างแนบสนิทและกลายเป็นแกนหลักของทีมนับตั้งแต่นั้น แม้ว่าจะมีช่วงที่ย้ายกลับไปเล่นในสเปนกับเอลเชเพราะปัญหาทางด้านครอบครัวแต่ก็กลับมาช่วยทีมทวงแชมป์กลับมาได้ และยังยืนเป็นปราการหลังตัวหลักของทีมอยู่ในตอนนี้
CB: คิม คยองมิน | ชลบุรี เอฟซี
เซนเตอร์ชาวเกาหลีใต้ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีประสบการณ์ในการออกมาเล่นต่างแดนมาก่อน โดยทีผ่านมาค้าแข้งแต่เฉพาะที่เกาหลีใต้บ้านเกิดเท่านั้น โดยเริ่มต้นเล่นกับ อินชอน ยูไนเต็ด และจากนั้นย้ายไปอยู่ บูชอน ยูไนเต็ด และกลับมาอยู่กับ อินชอน ยูไนเต็ด จนเมื่อเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ก็ได้ไปเล่นให้กับ ซังจู ซังมู และกลับมาอยู่กับ อินชอน ยูไนเต็ด อีกครั้ง ก่อนที่จะย้ายมาเล่นในถิ่นชลบุรี สเตเดี้ยม และสามารถยึดตำแหน่งตัวหลักในทีมได้ทันที จนช่วยให้แนวรับของทีมมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น แถมยังเติมเกมขึ้นไปทำประตูได้ด้วยโดยยิงไปแล้ว 1 ประตูให้ทีม
LB: กรกช วิริยอุดมศิริ | บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
สำหรับด้านกราบซ้าย หลังจากที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เสียดาวเตะตัวเก่งอย่าง ธีราทร บุญมาทัน ไปให้คู่ปรับพวกเขาก็คิดเร็วทำเร็วด้วยการคว้าตัว กรกช วิริยอุดมศิริ จากชลบุรี เอฟซี มาแทน ดาวเตะที่ขึ้นชื่อเรื่องลูกตั้งเตะเลยได้กลับมาเล่น ทีมจังหวัดบ้านเกิด ซึ่งแม้ว่า กรกช จะเคยให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้มาแทน ธีราทร แต่แน่นอนว่า สิ่งที่บุรีรัมย์ ต้องการจากเขาจะต้องไม่แตกต่างจากที่คนเก่าเคยทำได้ และในซีซั่นนี้ อดีตแข้งเทโร ก็ซัดฟรีคิกเป็นประตูให้ทีมไปแล้วในเกมเปิดบ้านถล่ม กิเลนผยอง คู่ปรับตัวฉกาจของพวกเขา และยังทำได้อีก 3 แอสซิสต์ ซึ่งมาจากลูกเตะมุม และฟรีคิกทั้งหมด และยังเติมขึ้นมาเล่นเกมรุกและครอสบอลกดดันแนวรับได้เรื่อยๆ ซึ่งเกมนี้เขาจะได้กลับมาเยือนถิ่นเก่าอีกครั้ง
RW สุภโชค สารชาติ | บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
หากจะพูดถึงนักเตะดาวรุ่งชาวไทยที่มีฝีเท้าเก่งเกินอายุของเขาคงหนีไม่พ้นชื่อของ สุภโชค สารชาติ ผลผลิต จากอคาเดมี่ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ถูกผลักดันให้ขึ้นมาเล่นปราสาทสายฟ้าชุดใหญ่ตั้งแต่วัยแค่ 17 ปี และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมได้ลงเล่นในทัวร์นาเม้นท์ระดับทวีปอย่าง เอเอฟซีแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ว่าถูกตัดชื่อออกจากทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปีที่ไปป้องกันแชมป์ ซีเกมส์ที่ประเทศมาเลเซีย แต่เขาได้โอกาสที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เพราะถูก มิโลวาน ราเยวัช เรียกไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ ก่อนที่จะมอบประสบการณ์อันล้ำค่าในการลงเล่นเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกับทีมชาติอิรัก โดยถูกส่งลงสนามในช่วง 5 นาทีสุดท้ายแทนที่ชอง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ทำให้ถือว่าเป็นนักเตะทีมชาติไทยชุดใหญ่มาแล้ว ส่วนผลงานในสนามในนามสโมสรแม้อายุจะน้อยกว่าคนอื่นๆ แต่ฝีเท้าของเขาไม่ได้เป็นรองใครเลย แลสามารถสอดแทรกตัวเองลงเล่นกับนักเตะระดับหัวแถวของไทยลีกได้อย่างเนียนตาจนกลายเป็นหัวใจหลักของทีม
MF: จักรพันธ์ แก้วพรม | บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
เชื่อว่าแฟนฟุตบอลไทยหลายคนคุ้นชื่อของเขามาอย่างยาวนาน และเชื่อหรือไม่ว่า จักรพันธ์ แก้วพรม เพิ่งจะอายุแค่ 30 ปีเท่านั้น โดยผลผลิตจากโรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับ บีอีซี เทโร ศาสน ก่อนที่จะถูก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ดึงตัวมาร่วมทัพ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ ระเบิดฟอร์มกับกิเลนผยอง เขาก็ตัดสินใจย้ายมาอยู่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมบ้านเกิดของตัวเอง และกลายเป็นตัวหลักนับตั้งแต่ตอนนั้นแม้จะมีอาการบาดเจ็บหนักรบกวนบ้าง แต่เขาก็คือแข้งที่ช่วยให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กวาดโทรฟี่ มาเต็มตู้โชว์
MF: วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ | ชลบุรี เอฟซี
เด็กสร้างของชลบุรี เอฟซี ดาวเตะที่เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนที่จะย้ายตามเส้นทางลูกหนังมาอยู่ในอะคาเดมี่ของ ชลบุรี เอฟซี ตั้งแต่อายุได้แค่ 10 ขวบ และได้ วิทยา เลาหกุล ตำนานนักเตะของไทยเป็นคนที่คอยช่วยปลุกปั้น เคยถูกส่งไปฝึกฟุตบอลที่ต่างประเทศ ที่อังกฤษ กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก รวมไปถึงที่ญี่ปุ่นกับ วิสเซล โกเบ ต้นสังกัดของ ธีราทร บุญมาทัน รวมไปถึงกับ เอฟซี โตเกียว นอกจากนี้เขายังได้ลงเล่นทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุแค่ 16 ปี 11 เดือน และ 9 วัน จากนั้นก็ทำสถิติกลายเป็นผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่ยิงประตูได้ในไทยพรีเมียร์ลีก ด้วยอายุ 17 ปี 340 วัน ในเกมกับ ราชบุรี ก่อนที่สถิติจะถูก เอกนิษฐ์ ปัญญา นักเตะเชียงราย ยูไนเต็ด และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กองหน้าจากบุรีรัมย์ ทำลายสถิติลง แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับในฤดูกาลนี้ เขากลายเป็นตัวหลักของทีมอย่างเต็มตัวและซัดไปแล้ว 9 ประตู จนนำตำแหน่งดาวซัลโวหากนับเฉพาะนักเตะไทย
LW: เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ | ชลบุรี เอฟซี
อีกหนึ่งผลผลิตจากอะคาเดมี่ของ ชลบุรี เอฟซี ที่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลัก เด็กหนุ่มจาก ปักษ์ใต้ ที่ย้ายมาอยู่จังหวัดชลบุรี และเล่นกับ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย จนติดทีมชาติชุดเยาวชนตั้งแต่อายุ 14 ปี เคยได้รับโอกาสไปฝึกฟุตบอลที่ บาร์เซโลน่า มาแล้ว ในตอนที่ถูกปล่อยไปเล่นให้กับ ทีมศรีราชา ก่อนที่จะถูกดึงเข้ามาเล่นทีมชุดใหญ่ แต่ยังไม่ได้รับโอกาสมากนักทำให้ถูกปล่อยให้ อีสาน ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ ยืมตัวไปใช้งาน ซึ่งเขาระเบิดฟอร์มได้ที่แพทสเตเดี้ยม จนช่วยให้ สิงห์ท่าเรือ เลื่อนชั้นขึ้นสู่ไทยลีก ก่อนที่จะถูกเรียกกลับไปเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของชลบุรี จนได้สวมปลอกแขนลงเล่นให้กับทีม และแม้ว่าจะมีหลายทีมต้องการได้ตัวไปร่วมทัพแต่เขายังปักหลักค้าแข้งในถิ่นชลบุรี สเตเดี้ยมต่อไป
FW ดิโอโก หลุยส์ ซานโต | บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากกับสรรพคุณของ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต กองหน้าตัวเก่งของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ในฤดูกาลนี้กลับมาสภาพร่างกายฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง จนกลับมาหลอกหลอนแนวรับในไทยลีกได้อีกครั้ง ซึ่งเขามีส่วนร่วมกับเกม ไม่ใช่แค่การพังประตูเท่านั้น แต่ยังสามารถถอยลงมารับบอลจากเพื่อนร่วมทีมได้แทบจะทุกมุมของสนาม และยังทำทางให้กับเพื่อนได้อีกด้วย จากการที่บางครั้งถูกขยับออกมาเล่นริมเส้นมากขึ้น ทำให้มีส่วนร่วมกับการทำประตู ไม่ใช่แค่รอยิงเท่านั้น เรียกว่าเป็นดาวเตะที่คุณประโยชน์ครบถ้วน จนทำให้ ปราสาทสายฟ้า รั้งตำแหน่งจ่าฝูงจนถึงตอนนี้
FW: มัทเธอุส อัลเวส | ชลบุรี เอฟซี
กองหน้าชาวแซมบ้าท่ชลบุรี เอฟซี เพิ่งจะเซ็นสัญญามาเสริมทัพในช่วงเลกที่สองด้วยสัญญายืมตัวจาก ซูวอน เอฟซี ในลีก เกาหลีใต้ มาร่วมทีม กลายเป็นขวัญใจคนใหม่ในถิ่นชลบุรี สเตเดี้ยมอย่างรวดเร็ว จากการระเบิดฟอร์มลั่นสกอร์ให้ทีมเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะในฟุตบอลถ้วยที่เขากดแฮตทริกใส่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ช่วยให้ฉลามชลถล่มเอาชนะ คู่แค้นไปแบบขาดลอย โดย มัทเธอุส อัลเวส เป็นเด็กปั้น ของ สโมสร ฟลูมิเนนเซ่ ยอดทีม ในลีก บราซิล แต่ไม่สามารถสอดแทรกขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ ทำให้ถูกปล่อยไปเล่นกับสโมสรอื่นแบบยืมตัว ได้แก่ อีสตร์ (ฝรั่งเศส), ลาห์ติ (ฟินแลนด์), กังวอน เอฟซี (เกาหลีใต้), ปาหัง เอฟเอ (มาเลเซีย) และ ซูวอน เอฟซี (เกาหลีใต้) ก่อนที่จะย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ของ ชลบุรี เอฟซี เมื่อเลกที่สอง