เอเชีย ฟุตบอลญี่ปุ่น

ก่อนถึงตอร์เรส: รวมพลแข้งแชมป์โลกย้ายมาเล่นเจลีก

ฟุตบอลเจ1ลีก ฤดูกาล 2018 กลายเป็นกระแสฮือฮาเรื่องแข้งดังระดับโลกพาเหรดย้ายมาร่วมทีมกันต่อเนื่อง อย่างเมื่อไม่นานมานี้ อันเดรส อิเนียสต้า อดีตจอมทัพบาร์เซโลนาที่เคยคว้าแชมป์โลกกับสเปนตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมวิสเซล โกเบ รวมถึงดีลล่าสุดของเฟอร์นานโด ตอร์เรส ที่ก็เคยคว้าแชมป์โลกร่วมกับกระทิงดุ ก็กำลังจะย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ของซางัน โทสุ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่แฟนบอลจะเห็นฝีเท้าของสองสตาร์ดังในเลกสองของเจลีกฤดูกาลนี้ นี่คือเหล่านักเตะที่เคยคว้าโทรฟีบอลโลกและย้ายมาค้าแข้งในลีกฟุตบอลอาชีพแดนอาทิตย์อุทัยมาก่อน

 

กดลูกศรทางขวามือเพื่ออ่าน

ดาเนียล มาสซาโร

ทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์โลก 1982

สโมสรที่ค้าแข้ง : ชิมิสุ เอสพัลส์

อดีตกองหน้าระดับตำนานของเอซี มิลาน ได้รับโอกาสติดทีมชาติอิตาลีหนแรกในปี 1982 เมื่อครั้งที่ค้าแข้งอยู่กันฟิออเรนตินา และได้รับโอกาสสำคัญด้วยการเป็นหนึ่งในขุนพลอัซซูรีชุดลุยเวิลด์คัพ 1982 ที่สเปน แม้ตลอดทัวร์นาเมนต์เขาจะไม่ได้รับโอกาสลงเล่นเลย แต่เจ้าตัวได้ชูโทรฟีแชมป์โลกร่วมกับทีมจากฟอร์มร้อนแรงของกองหน้ารุ่นพี่อย่าง เปาลี รอสซี

 

ภายหลังที่ประสบความสำเร็จในระดับชาติ รวมทั้งการค้าแข้งในบ้านเกิด ที่มาสซาโรมีโอกาสชูถ้วยสคูเด็ตโต้กับปีศาจแดงดำถึง 4 สมัย กองหน้าส่วนสูง 179 เซนติเมตรตัดสินใจโยกมาค้าแข้งในญี่ปุ่นร่วมกับทีมดังจากจังหวัดชิสุโอกะ และนับเป็นหนึ่งในแข้งดังที่มาเล่นในเจลีกยุคแรก ช่วงปี 1995-1996 รวม 2 ซีซัน มาสซาโรได้ลงเล่นไป 25 เกม ทำได้ 11 ประตู ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดทันทีที่หมดสัญญา และผันตัวมาเป็นนักขับแรลลีในเวลาต่อมา

กุยโด บุชวาลด์

ทีมชาติเยอรมันชุดแชมป์โลก 1990

สโมสรที่ค้าแข้ง : อุราวะ เรดส์

อดีตกองหลังดีกรีทีมอินทรีเหล็กชุดใหญ่ 76 นัด ถือเป็นอีกหนึ่งนักเตะระดับตำนานของบุนเดสลีก้า ภายหลังที่เขามีสถิติรับใช้สตุ๊ตการ์ทเกิน 300 แมตช์ รวมถึงเป็นนักเตะตัวหลักของเยอรมันชนิดที่ลงเล่นตัวจริงตั้งแต่เกมแรกจนถึงนัดชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์โลกมาได้สำเร็จ  ภายหลังที่ประสบความสำเร็จในยุโรปแล้ว บุชวาลด์ตัดสินใจออกมาเล่นในลีกต่างแดนบ้าง และเป้าหมายของเจ้าตัวคือการสวมเสื้อทีมปีศาจแดงแห่งเอเชียในช่วงหน้าร้อนปี 1994 และลงเล่นให้ทีมไปทั้งสิ้น 3 ฤดูกาลด้วยกัน

 

ภายใต้การค้าแข้งกับเรดส์ บุชวาลด์ประสบความสำเร็จจากการติดเป็นทีมยอดเยียมถึงสองปีติด (1995และ1996) อีกทั้ง ภายหลังที่เลิกเล่นในปี 1999 บุชวาลด์กลับมาสู่ทีมอีกครั้งในปี 2004 ในฐานะผู้จัดการทีม ก่อนจะพาเรดส์สู้ยุคเรืองอำนาจด้วยการคว้าแชมป์เจลีกในปี 2006 และเอมเพอเรอร์ คัพอีก 2 ครั้งในปี 2005 และ 2006 เรียกได้ว่าเป็นผู้เล่นระดับตำนานอย่างแท้จริง

ปิแอร์ ลิทบาร์สกี้

ทีมชาติเยอรมันชุดแชมป์โลก 1990
สโมสรที่ค้าแข้ง : เจฟ ยูไนเต็ด อิชิฮาระ, บรุมเมล เซนได

อีกหนึ่งแกนหลักของเยอรมันชุดแชมป์โลก 1990 ตัดสินใจเลือกมาใช้ชีวิตในญี่ปุ่น ด้วยวัย 33 ปี ภายหลังที่อิ่มตัวในการเล่นที่บ้านเกิด ซึ่งสโมสรแรกของเจ้าตัวในดินแดนซามูไรคือ เจฟ ยูไนเต็ด อิชิฮาระ หรือ เจฟ ยูไนเต็ด ชิบะ ในปัจจุบัน

ลิทบาร์สกี้อยู่กับเจฟ ยูไนเต็ดเป็นเวลา 2 ฤดูกาล และเป็นแกนหลักของทีมผ่านสถิติลงเล่น 74 นัด ทำ 12 ประตู รวมทุกรายการ พาทีมประคองอันดับกลางตาราง ก่อนจะย้านไปเล่นให้โยกย้ายสู่ บรุมเมล เซนได หรือเวกัลตะ เซนไดในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในลีกรองของญี่ปุ่น อยู่ลงเล่น 37 เกม ทำไป 6 ประตู และตัดสินใจยุติเส้นทางลูกหนังที่นี่ แถมยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับฟุตบอลญี่ปุ่นต่อเนื่อง เพราะการจับงานโค้ชหนแรกของเจ้าตัว ก็คือการคุมทีมในญี่ปุ่นกับโยโกฮาม่า เอฟซี ในปี 1999 รวมถึง อวิสปา ฟูกุโอกะ ช่วงปี 2007-2008

 

คาร์ลอส ดุงก้า

ทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลก 1994
สโมสรที่ค้าแข้ง : จูบิโล อิวาตะ

อดีตมิดฟิลด์ตัวตัดเกมทีมชาติบราซิล ชุดแชมป์โลก 1994 ทำเซอร์ไพร์สด้วยการเก็บข้าวของย้ายจาก ตุ๊ตการ์ท ในเวทีบุนเดสลีกามาเล่นกับ จูบิโล อิวาตะ หลังชูถ้วยแชมป์โลกได้เพียงแค่ปีเดียว ซึ่งภายใต้เวลา 4 ปีกับทัพนกกางเขนเหล็ก ดุงก้ารักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม หนึ่งในนั้นคือการพาทีมคว้าแชมป์เจลีกได้ในปี 1997 พร้อมทั้งพ่วงตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีอีกรางวัลมาแล้ว พร้อมฝากสถิติลงเล่น99 นัด กับอีก 16 ประตู

 

เบเบโต้

ทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลก 1994
สโมสรที่ค้าแข้ง : คาชิมา อันท์เลอร์ส

ภายหลังที่ประสบความสำเร็จมาอย่างโชกโชน ไล่มาตั้งแต่การค้าแข้งในบ้านเกิดที่เจ้าของท่าดีใจต้นตำรับอย่าง “กล่อมลูก” คว้าแชมป์ในบราซิลมาแล้วถึง 9 โทรฟี ไปจนถึงตำแหน่งแชมป์โลกกับทีมเซเลเซาชุดปี 1994 เบเบโตตัดสินใจย้ายมาหาความท้าทายใหม่ในช่วงบั้นปลายชีวิตค้าแข้งที่ญี่ปุ่นกับคาชิมา อันท์เลอร์ส เมื่อปี 2000 อย่างไรก็ดี ดาวยิงประสบการณ์สูงที่ขณะนั้นอายุ 36 ปี กลับไม่ได้เป็นแกนหลักของทีมคาชิมา ไม่สามารถทำผลงานได้ดีเหมือนช่วงต้นเส้นทางค้าแข้ง ก่อนยกเลิกสัญญาย้ายกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดกับวิทตอเรีย ทั้งที่ย้ายมาร่วมทีมได้เพียงแค่ 4 เดือน โดยฝากผลงาน 1 ประตู จากการลงสนาม 8 เกม เท่านั้น

โรนัลเดา

ทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลก 1994
สโมสรที่ค้าแข้ง : ชิมิสุ เอสพัลส์

กองหลังสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทั้งปราการหลังตัวกลาง ฟูลแบ็คซ้าย-ขวา ทำผลงานโดดเด่นในการลงเล่นกับเซา เปาโล จนกลายเป็นใบเบิกทางให้มีชื่อติดทีมแซมบ้าลุยเวิลด์คัพ 1994 และแม้จะไม่มีโอกาสลงสนามเลย แต่เขาก็ได้ชูโทรฟีร่วมกับบราซิลมาได้ ก่อนที่อดีตนักเตะเจ้าของส่วนสูง 187 เซนติเมตร จะเข้ามาเป็นแข้งโปรไฟล์ดีที่มาเล่นในเจลีกยุคตั้งไข่กับชิมิสุ เอสพัลส์ ในปี 1994-1995 และเพียงซีซันแรก โรนัลเดาช่วยทีมจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งท็อปโฟร์ จากสถิติลงเล่น 36 นัด ทำ 3 ประตู ก่อนจะมีบทบาทในทีมน้อยลงเพียงแค่ 10 เกม กระทั่งตัดสินใจกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดอีกครั้งกับ ฟลาเมงโก้, ซานโต๊ส, คอร์ริติบา และพอนเต้ เพรตา จนแขวนสตั๊ดในปี 2002

 

เลโอนาร์โด้

ทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลก 1994
สโมสรที่ค้าแข้ง : คาชิมา อันท์เลอร์ส

อดีตแข้งหน้าหล่อทีมชาติบราซิล ที่เคยสร้างเรื่องไม่น่าจำจากช็อตฟาวล์หนักใส่คู่แข่งในบอลโลก 1994 ที่ ตัดสินใจย้ายจากเซา เปาโล ต้นสังกัดในบ้านเกิดมาสู่ดินแดนทวีปเอเชียกับลีกอาชีพที่ญี่ปุ่น ร่วมกับทีม คาชิมา อันท์เลอร์ส และเนื่องจากบอลลีกเพิ่งจะก่อตั้งเป็นอาชีพ จากศักยภาพของเลโอนาร์โด้ ทำให้เขากลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในเกมรุกพากวางเขาเหล็กคว้าแชมป์ลีกได้ 1 สมัย ในปี 1996 โดยตลอดเวลา 3 ฤดูกาล เจ้าตัวมีชื่อลงเล่นรวมทุกรายการ 63 แมตช์ ยิงได้มากถึง 36 ประตู ก่อนตัดสินใจย้ายไปเล่นในยุโรปกับปารีส แซง แชร์กแมงต์, เอซี มิลาน รวมถึงกลับไปอยู่กับทีมบ้านเกิดทั้ง เซา เปาโล (หนสอง) และ ฟลาเมงโก้ กระทั่งหันหลังในอาชีพนักเตะกับมิลาน ที่เลือกมาเล่นรอบสองในปี 2002-03

จอร์จินโญ

ทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลก 1994
สโมสรที่ค้าแข้ง : คาชิมา อันท์เลอร์ส

อีกหนึ่งซูเปอร์สตาร์ดีกรีแชมป์โลกกับทัพเซเลเซา ตัดสินใจย้ายมาค้าแข้งในเจลีกร่วมกับทัพกวางเขาเหล็ก ที่ขณะนั้นมีเพื่ิอนร่วมชาติที่คว้าแชมป์เวิลด์คัพ 1994 มาด้วยกันอย่าง เลโอนาร์โด และตลอดเวลา 4 ฤดูกาลกับคาชิมา ยอดแบ็คขวาพาทีมคว้าแชมป์ลีก 1 สมัย พ่วงรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าและติดทีมยอดเยียมในปีนั้น (1996) โดยรวมแล้วเขามีชื่อสัมผัสเกมรวมทุกรายการมากถึง 103 แมตช์ กับอีก 17 ประตู กลายเป็นหนึ่งในนักเตะขวัญใจแฟนบอล นอกจากนี้ เจ้าตัวยังมีโอกาสกลับมาคุมทีมช่วงสั้นๆในฤดูกาล 2012 อีกด้วย

กิลมาร์

ทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลก 1994
สโมสรที่ค้าแข้ง : เซเรโซ โอซากา

แม้จะไม่ใช่ตัวเลือกแรกในตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่งทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลก 1994 แต่จากดีกรีที่กิลมาร์เคยเฝ้าเสาให้ทีมดังทั้ง อินเตอร์นาซิอองนาล, เซา เปาโล รวมถึง ฟลาเมงโก้ ดีพอที่จะทำให้เซเรโซ โอซากา ตัดสินใจยื่นข้อเสนอคว้าเจ้าตัวมาเล่นในเจลีกเมื่อปี 1995 ภายหลังที่คว้าแชมป์โลก 1 ปี และภายใต้โอกาสร่วมกับทัพซากุระกับลีกสูงสุดหนแรกในนามเจลีก นายทวารที่ัปัจจุบันอายุ 59 กะรัต ยึดมือหนึ่งให้ทีมได้ทันที ก่อนจะทีมจบอันดับกลางตารางตลอด 3 ฤดูกาลที่ได้เฝ้าเสา แม้จะไม่มีแชมป์ใดๆติดมือ แต่ก็ถือว่ารักษามาตรฐานการเล่นที่ยอดเยี่ยมผ่านผลงาน 103 แมตช์ ก่อนตัดสินใจแขวนถุงมือในปี 1997

 

ลุยเซา

ทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลก 2002
สโมสรที่ค้าแข้ง : นาโงยา แกรมปัส

ดาวเตะตัวสำรองของทีมชาติบราซิล ชุดแชมป์โลก 2002 ที่ชื่อคล้ายคลึงกับกองหลังรุ่นน้องในนามทีมชาติยุคต่อมา ตัดสินใจย้ายมาเล่นในเจลีกร่วมกับทีมวาฬเพชฌฆาตในช่วง 3 ปีหลังชูโทรฟีอันทรงคุณค่า และแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆในเจลีก ที่เขาได้ลงสนามเพียง 6 เกม แต่ลุยเซาก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพจากสถิติซัดถึง 4 ประตู ก่อนไม่ได้รับการขยายสัญญาออกไป และเลือกกลับไปเล่นในทีมบ้านเกิดอีก 3 สโมสร จนถึงเวลาตัดสินใจเลิกเล่นทีมชาติในปี 2007 ด้วยวัย 32 ปี

เอดิลสัน

ทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลก 2002
สโมสรที่ค้าแข้ง : คาชิวา เรย์โซล, นาโงยา แกรมปัส

กองหน้าตัวต่ำที่เคยผ่านประสบการณ์ลงเล่นไม่น้อยกว่า 10 สโมสร ก็เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นแซมบ้าที่ถูกเรียกติดทีมลุยเวิลด์คัพ 2002 แต่ไม่ได้ลงเล่นเช่นเดียวกับลุยเซา โดยเจ้าตัวเคยมีประสบการณ์เล่นในเจลีกสองช่วงเวลา แบ่งเป็นช่วงปี 1996-97 กับคาชิวา เรย์โซล ด้วยสัญญายืมจากพัลเมรัส ที่กลายเป็นแกนหลักทีมเจ้าชายสุริยะผ่านสถิติลงเล่นในลีก 54 นัด ยิงได้ถึง 44 ประตู รวมถึงช่วงเวลาหลังบอลโลกบนแผ่นดินเอเชีย ที่เขาถูกคาชิวาดึงมาเสริมทัพด้วยสัญญายืมจากฟลาเมงโก้ในช่วงสั้นๆ แต่ก็ยังรักษามาตรฐานเด่นเช่นเคย จากสถิติยิง 7 จาก 16 ประตู แต่ก็ยังคงไม่มีโทรฟีติดตัวร่วมกับทีมเช่นเคย ก่อนจะย้ายมานาโงยาในอีก 3 ปีต่อมา แต่ก็เป็นช่วงสั้นๆที่เขาไม่ได้รับโอกาสลงเล่นเลย กระทั่งกลับไปเล่นในบ้านเกิดอีกครั้ง และประกาศเลิกเล่นในปี 2010

อันเดรส อิเนียสตา

ทีมชาติสเปนชุดแชมป์โลก 2010
สโมสรที่ค้าแข้ง : วิสเซล โกเบ

ถือเป็นดีลฮือฮาของการย้ายทีมมากที่สุดครั้งหนึ่งในวงการลูกหนังโลกหลังสิ้นสุดฤดูกาล 2017-18 ภายหลังที่สโมสร วิสเซล โกเบ ที่มีฮิโรชิ มิคิตานิ เจ้าของสโมสรและเป็นผู้ก่อตั้ง ราคุเต็ง บริษัทอีคอมเมิร์ชยักษ์ใหญ่ และเป็นสปอนเซอร์หลักของบาร์เซโลนา ประกาศเซ็นสัญญาคว้า อันเดรส อิเนียสตา กองกลางดีกรีทีมชาติสเปนชุดแชมป์โลก 2010 มาเสริมทีมลุยช่วงเลกสองของเจ1ลีก ฤดูกาล 2018 ส่งผลให้ดาวเตะวัย 34 ปีกลายเป็นแข้งเวิลด์คลาสรายล่าสุด ที่ประสบความสำเร็จผ่านโทรฟีติดตัวรวมทั้งระดับสโมสรและทีมชาติไม่น้อยกว่า 35 รายการ ที่จะมีโอกาสโชว์ฝีเท้าในเจ1ลีกเร็วๆนี้

ลูคัส โพดอลสกี

ทีมชาติเยอรมันชุดแชมป์โลก 2014
สโมสรที่ค้าแข้ง : วิสเซล โกเบ

อดีตสตาร์ดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ร่วมกับทีมชาติเยอรมัน ตัดสินใจย้ายมาเล่นฟุตบอลอาชีพบนแผ่นดินเอเชียหนแรกกับวิสเซล โกเบ และกลายเป็นดีลฮือฮาสะเทือนลีกอาชีพญี่ปุ่นเมื่อช่วงต้นปี 2017

 

แม้ช่วงแรกโพลดีจะช่วยทีมทำอันดับจบแค่กลางตาราง พร้อมฝากสถิติลงเล่น 15 เกมทำ 5 ประตูกับ 1 แอสซิสต์เท่านั้นเมื่อซีซันก่อน แต่พอเข้าสู่ปี 2018 เจ้าตัวได้รับบทบาทที่สูงขึ้นจากโอกาสสวมปลอกแขนกัปตันทีมโกเบ พร้อมขยับบทบาทเล่นแดนกลางขับเคลื่อนเกม และแม้ช่วงหนึ่งของเลกแรก เจ้าตัวจะมีอาการเจ็บจนชวดเล่นหลายนัด แต่ถึงตอนนี้เขากลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง และอดีตดาวยิงดีกรีอินทรีเหล็ก 130 แมตช์รายนี้พร้อมจะไล่ล่าความสำเร็จอีกครั้ง แถมเตรียมผนึกฟอร์มกับสตาร์อันเดรส อิเนียสตา อีกด้วย

เฟอร์นานโด ตอร์เรส

ทีมชาติสเปนชุดแชมป์โลก 2010
สโมสรที่เตรียมค้าแข้ง : ซางัน โทสุ

อดีตหัวหอกลิเวอร์พูลเคยคว้าแชมป์โลกร่วมกับทีมชาติสเปนในปี 2010 ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่กับแอตแลนติโก มาดริด หลังจบฤดูกาล จนมีข่าวว่าหลายทีมให้ความสนใจดึงตัวไปร่วมทัพ ทั้งในยุโรปและเอเชีย ก่อนจะเป็นซางัน โทสุ ทีมในเจ1ลีก ที่เตรียมได้ตอร์เรสมาร่วมทีม จากทั้งกระแสข่าวลือจากสื่อหลายสำนัก รวมถึงเว็บไซต์ทางการของเจลีกเอง เหลือเพียงการประกาศอย่างเป็นทางการ ก็จะถือว่าแข้งฉายา “เอล นินโญ” จกลายเป็นดาวเตะที่เคยคว้าแชมป์โลกรายล่าสุดที่จะเข้ามาเล่นในเจลีกกับทีมฉายา “นกเมจิโร” ลุยเลกสองของปี 2018 นี้