ฟุตบอลทีมชาติ ฟุตบอลโลก

BEST & WORST: ยอดเยี่ยม-ยอดแย่ ฟุตบอลโลก 2018 รอบแบ่งกลุ่ม

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับฟุตบอลโลก 2018 รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เยอรมัน แชมป์เก่า พลิกตกรอบไปอย่างช็อคโลก ขณะที่บอลโลกครั้งนี้ มีเทคโนโลยี VAR เข้ามาช่วยตัดสิน ให้มีความยุติธรรมมากขึ้น และนี่คือการจัดอันดับยอดเยี่ยมยอดแย่ประจำรอบแบ่งกลุ่มนี้

 

กดลูกศรทางด้านขวาเพื่อร่วมติดตามไปกับเรา

BEST MOMENT  : VAR ความยุติธรรมถือกำเนิด

ฟุตบอลโลกครั้งนี้มีการนำเทคโนโลยี VAR มาใช้เพือช่วยตัดสิน ซึ่งการมาถึงของเทคโนโลยีนี้ ทำให้มาตรฐานการตัดสินมีความยุติธรรมมากขึ้น ถึงแม้หลายคนมองว่า จะขาดสีสันหรือเสน่ห์ของฟุตบอลไป แต่ว่าความตรงฉินในการตัดสิน ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในการแข่งขันกีฬาอยู่ดี ซึ่ง VAR สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้เป็นอย่างดี

WORST MOMENT : เยอรมันตกรอบแรก

ทีม อินทรีเหล็ก เดินทางมายังรัสเซียด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะอาถรรพ์ที่ว่า แชมป์เก่าจะตกรอบแบ่งกลุ่มในฟุตบอลโลกครั้งถัดไปได้ ซึ่งเป็นการตกรอบแบ่งกลุ่มครั้งที่ 2 ของพวกเขาในประวัติศาสตร์ นอกจากนั้นการตกรอบครั้งนี้พวกเขาจบที่อันดับบ๊วยของกลุ่มด้วย เรียกได้ว่าน่าผิดหวังเป็นอย่างมาก

BEST PLAYER : ฟิลิเป คูติญโญ
ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ เนย์มาร์ เป็นคนที่ได้รับการคาดหวังว่าจะเป็นคนที่พาทีมชาติบราซิล โชว์ฟอร์มได้สุดยอด แต่กลับเป็น ฟิลิปเป คูติญโญ ที่โชว์ผลงานได้อย่างสุดยอดแทน ซึ่งจากผลงาน 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม เขามีส่วนร่วมกับประตูของบราซิลทุกๆนัด ด้วยสถิติ ยิง 2 จ่าย 1 พร้อมทั้งบัญชาการเกมแดนกลางของทีมจนผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้แบบไม่ยากลำบากมากนัก

WORST PLAYER  : โธมัส มุลเลอร์

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผลงานของทีม เยอรมัน นั้นไม่เป็นไปตามคาด คือฟอร์มของโธมัส มุลลอร์ แม้จะมีดีกรีดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2014 มา แต่มาถึงคราวนี้ เขากลับโชว์ฟอร์มไม่ออก ไม่สามารถยิงประตูได้แม้แต่ลูกเดียว ส่งผลให้เขาและพลพรรคอินทรีเหล็กต้องกลับบ้านไปก่อนอย่างน่าเสียดาย

BEST GOAL : คริสเตียโน โรนัลโด

ลูกฟรีคิกตีเสมอ 3-3 ของโรนัลโด เป็นประตูที่สุดสวยและเปี่ยมไปด้วยความหมาย ซึ่งรูปเกมในเกมนั้น ทีมฝอยทองเป็นรอง สเปนอย่างมาก แต่ก็เป็นกัปตันทีมของพวกเขา ที่ปั่นฟรีคิกช่วงท้ายเกม เก็บ 1 แต้มสำคัญจากทีมกระทิงดุ พร้อมทำให้ทีมผ่านเข้ารอบ 16 ทีมมาได้

WORST GOAL : ซน ฮึง มิน

ดาวเตะจากสเปอร์ส ได้ยิงประตูที่อาจเป็นประตูที่ง่ายที่สุด หลัง มานูเอล นอยเออร์ เติมขึ้นไปเล่นเกมรุกและเสียบอล บอลถูกสาดยาวมาจากแดนเกาหลีใต้ ก่อนที่จะเป็นซน ฮึง มิน ที่เข้าไปยิงง่ายๆ ประตูโล่งๆ เข้าไป ลากเยอรมันให้ตกรอบไปกับพวกเขาเป็นผลสำเร็จ

BEST MATCH : โปรตุเกส 3-3 สเปน

เป็นเกมที่แฟนบอลนั่งไม่ติเก้าอี้เกมหนึ่ง โดยโปรตุเกสขึ้นนำ 2 ครั้ง ในตอน 1-0 และ 2-1 แต่สเปนก็ตามตีเสมอได้ทั้งสองครั้ง เท่านั้นไม่พอ พวกเขามาแซงขึ้นนำได้จากลูกยิงไกลของ นาโช ชัยชนะเกือบตกเป็นของสเปนอยู่แล้ว แต่ก็เป็น คริสเตียโน โรนัลโด ปั่นฟรีคิกสุดสวย เสมอกันไปแบบสุดมัน 3-3

WORST MATCH :  เดนมาร์ก 0-0 ฝรั่งเศส

ก่อนเริ่มเกม ทั้งสองทีมขอแค่เสมอกัน ก็จะกอดคอกันเข้ารอบแน่นอน ซึ่งรูปเกมทั้งทีม ตราไก่และโคนม เอาแต่ส่งบอลกัน โอกาสเข้าทำและยิงประตูของเกมนี้น้อยมาก ทำให้ได้ยินเสียงโห่ของแฟนบอลเกรียวกราวทั้งระหว่างเกมและหลังจบเกม นอกจากนี้ แมตช์นี้เป็นแมตช์เดียวในรอบแบ่งกลุ่ม ที่จบด้วยการไม่มีสกอร์เกิดขึ้น

BEST TEAM : อุรุกวัย

ผลงาน ชนะ 3 นัดรวด เก็บ 9 คะแนนเต็ม โดยที่ไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว ทำให้ อุรุกวัยเป็นทีมเดียวที่รักษาคลีนชีทได้ในรอบแบ่งกลุ่มนี้ ต้องชมเกมรับที่มี ดีเอโก โกดินคอยบัญชาการ ทำให้ทีม จอมโหดผ่านเข้ารอบไปได้แบบสบายๆ ต้องดูว่าพวกเขาจะสานต่อผลงานที่ดีแบบนี้ไว้ได้ในรอบ 16 ทีมหรือไม่

WORST TEAM : เยอรมัน

ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนท์ พวกเขาเป็นเต็ง 2 รองจากบราซิลเท่านั้น แต่ผลงานพวกเขากลับล้มเหลวไม่เป็นท่า ทั้งรูปเกม การจบสกอร์ ถ้าเทียบกับชื่อเสียงและผลงานก่อนหน้านี้ ทีมที่น่าผิดหวังที่สุดก็คงหนีไม่พ้นแชมป์เก่าที่ตกรอบแรกอย่างพวกเขาแน่นอน