ฟุตบอลไทย ไทยลีก

ลุ้นแล้วลุ้นอีก: สถานการณ์ขับเคี่ยวแชมป์ไทยลีก 12 ปีหลังสุด

แม้ว่าฟุตบอลโลกจะมีการขับเคี่ยวกันอยู่ตอนนี้ แต่ศึกโ๖โยต้า ไทยลีก นั้น ก็ยังคงไม่หยุดพัก ลงฟาดแข้งกันทุกสุดสัปดาห์ และเริ่มมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นหลังจากการเบียดแย่งตะแหน่งกันระหว่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ผลัดกันขึ้นไปอยู่จ่าฝูง วันนี้จึงได้รวมสถิติการลุ้นแชมป์บนลีกสูดสุดย้อนหลังไป 12 ปี มาให้ได้ติดตามกัน

 

กด NEXT เพื่อติดตาม

ปี 2007

แชมป์ : ชลบุรี เอฟซี

รองแชมป์ : ธ.กรุงไทย (บางกอกกล๊าส เอฟซี)

เป็นปีแรกที่รวมไทยลีกและโปรวิลเชียลลีกเป็นลีกเดียวกันซึ่งมีทีมแข่งขันทั้งสิ้น 16 สโมสร และเอาตกชั้นถึง 4 ทีมด้วยกัน ก่อนจะเป็นทีมชลบุรี เอฟซี ที่แต้มนำห่างอันดับสองอย่าง ธ.กรุงไทย (ปัจจุบันคือบางกอกกล๊าส เอฟซี) ถึง 9 แต้ม สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ ซึ่งการคว้าแชมป์ของชลบุรี เอฟซีนั้น เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฟุตบอลไทยเริ่มมีความสนใจมากยิ่งขึ้น

ปี 2008

แชมป์ : การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

รองแชมป์ : ชลบุรี เอฟซี

ในฤดูกาลนี้การช่วงชิงตำแหน่งแชมป์ลีกสูงสุดค่อนข้างสูสี โซนลุ้นแชมป์แต้มไม่ค่อยห่างกันมากเท่าไหร่ และต้องลุ้นแชมป์กันจนถึงเกมนัดสุดท้ายระหว่างทีมการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กับชลบุรี เอฟซี แชมป์เก่า ซึ่งเกมนัดติดสินอยู่ที่การไฟฟ้าฯจะต้องบุกไปเยือนโค้ก บางพระ เดิมพันตำแหน่งแชมป์ด้วยการต้องบุกไปเก็บชัยเท่านั้น และก็ทำสำเร็จด้วยการชนะด้วยสกอร์ 4-1 คว้าแชมป์ปีนั้นไปครอง

ปี 2009

แชมป์ : เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

รองแชมป์ : ชลบุรี เอฟซี

ในช่วงต้นซีซั่นเป็นบางกอกกล๊าส เอฟซี ที่สามารถครองจ่าฝูงได้ดี ทว่าช่วงท้ายเลกแรกกลับฟอร์มสะดุด ทำให้โดนชลบุรี เอฟซี แซงขึ้นมาเป็นจ่าฝูง แต่แล้วเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เพิ่งเลื่อนขึ้นชั้นมาเล่นบนลีกสูงสุดในปีแรกก็พยายามทำผลงานไล่ตีตื้นขึ้นมา และแซงขึ้นมานำแทนทัพฉลามชลหลังจากผ่านเกมเลกสองไป 5 นัด และนำยาวจนคว้าแชมป์ปีนั้นไป

ปี 2010

แชมป์ : เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

รองแชมป์ : บุรีรัมย์ พีอีเอ

ในปีนี้โซนลุ้นแชมป์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทีมลุ้นมากขึ้น จากเดิมเป็นเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ผลงานสูสีกับชลบุรี เอฟซี ทว่าบุรีรัมย์ พีอีเอ เริ่มทำผลงานได้ดีขึ้นตามลำดับจนแทรกเข้ามาอยู่หัวตารางได้ แต่สุดท้ายเป็นกิเลนผยองที่ปิดจ๊อบคว้าแชมป์ก่อนนัดสุดท้ายของฤดูกาล ทำให้การมอบถ้วยแชมป์มีความยิ่งใหญ่ด้วยการนำ “อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ นักแสดงชื่อดัง นั่งเฮลิคอปเตอร์ลงกลางสนามเอสซี สเตเดียม เชิญถ้วยมามอบหลังเกมนัดสุดท้ายของซีซั่น

ปี 2011

แชมป์ : บุรีรัมย์ พีอีเอ

รองแชมป์ : ชลบุรี เอฟซี

การลุ้นแชมป์ในปีนี้แทบจะไม่ต้องลุ้นมากนัก แม้จะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง บุรีรัมย์ พีอีเอ กับเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทว่าปราสาทสายฟ้าโชว์ฟอร์มร้อนแรงด้วยการเอาชนะไปได้ถึง 26 นัด เสมอ 7 และพ่ายเพียงแค่นัดเดียวให้กับอีสาน ยูไนเต็ด (ศรีสะเกษ เอฟซี ในปัจจุบัน) กระชากโทรฟีจากกิเลนได้สำเร็จ พร้อมกับการสร้างสถิติใหม่เป็นทีมที่เก็บแต้มได้มากสุดในหนึ่งฤดูกาลอยู่ที่ 85 คะแนน

ปี 2012

แชมป์ : เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

รองแชมป์ : ชลบุรี เอฟซี

ต้องยกให้เป็นปีทองของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ทำกู้หน้าหลังเสียแชมป์ในปีก่อนด้วยการทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นแชมป์ไทยลีกตั้งแต่ยังไม่จบซีซั่น แถมยังไร้พ่ายด้วยการแข่งขันทั้งสิ้น 34 นัด ชนะ 25 นัด เสมอ 9 นัด เก็บไป 84 แต้ม ทิ้งห่างอันดับสองอย่างชลบุรี เอฟซี ถึง 14 คะแนน ส่วนแชมป์เก่าอย่างปราสาทสายฟ้าทำได้เพียงอยู่ในอันดับสี่และแต้มห่างถึง 30 คะแนน

ปี 2013

แชมป์ : บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

รองแชมป์ : เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

หลังจากโดนคู่ปรับเบอร์หนึ่งอย่างกิเลนผยองเอาคืนด้วยการเป็นแชมป์ไร้พ่าย ปราสาทสายฟ้าก็ทำการปรับโฉมทีมใหม่ไม่ว่าจะเป็นการเสริมทัพนักเตะที่มีคุณภาพ รวมไปถึงการดึงแข้งลูกครึ่งมาร่วมทัพ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีชาริล ชัปปุยส์ ย้ายมาเล่นในไทยลีกครั้งแรกอีกด้วย และยังคงเป็นปีทองของบุรีรัมย์ด้วยการเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ก่อนจะแซงเมืองทองเป็นแชมป์ไร้พ่ายในปีนี้ แถมยังคว้าแชมป์รายการ เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และถ้วยพระราชทานประเภท ก. อีกด้วย

ปี 2014

แชมป์ : บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

รองแชมป์ : ชลบุรี เอฟซี

ในการเบียดลุ้นแชมป์ของปีนี้ยังมีความเข้มข้นพอสมควร เนื่องจากเอาตกชั้นถึง 5 ทีมด้วยกัน (จาก 20 ทีมให้เหลือ 18 ทีม) มีทีมลุ้นทั้งหมด 3 ทีมได้แก่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี และเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทว่าดันมีเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอย่างแฟนบอลเมืองทอง ตีกันกับแฟนบอลท่าเรือ ทำให้มีบทลงโทษตัด 9 แต้มทั้งสองทีม และกิเลนผยองร่วงมาอยู่ในอันดับ 5  ทำให้แชมป์ตกเป็นของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แทน ส่วนรองแชมป์นั้นเป็นชลบุรี เอฟซี ที่แต้มห่างกันแค่ 3คะแนนเท่านั้น

ปี 2015

แชมป์ : บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

รองแชมป์ : เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

ปราสาทสายฟ้ายังคงทำฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องจากซีซั่นก่อน แม้ผลงานจะสะดุดในช่วงแรกและช่วยรอยต่อเลกสองแต่สุดท้ายก็สามารถปิดจ๊อบคว้าแชมป์ลีกสูงสุดก่อนจบฤดูกาล และยังทำแต้มห่างจากอันดับสองอย่างเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดถึง 13 คะแนน และเป็นปีไร้พ่ายของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดอย่างแท้จริง เพราะสามารถคว้าทั้งแชมป์ไทยลีก เอฟเอ คัพ และลีกคัพ เป็นปีทริปเปิ้ลแชมป์ได้อีกครั้ง

ปี 2016

แชมป์ : เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

รองแชมป์ : แบงค็อก ยูไนเต็ด

แชมป์เก่าอย่างปราสาทสายฟ้าแทบจะกรำศึกหนักตั้งแต่ในช่วงปรีซีซั่น บวกกับสภาพร่างกายนักเตะที่มีอาการบาดเจ็บ และล้าจากโปรแกรมการแข่งขันที่ค่อนข้างถี่ ทำให้เป็นเมืองทองขึ้นมาเบียดลุ้นแชมป์กับแบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ทำผลงานไล่ตีตื้นขึ้นมา ก่อนที่ช่วงท้ายฤดูกาลจะมีเหตุการณ์สวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช (รัชกาลที่ 9) ส่งผลให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยมีการหารือก่อนประกาศยุติการแข่งขันทุกรายการที่ทางสมาคมเป็นผู้ดูแล ทำให้แชมป์ในปีนี้ตกเป็นขของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่นำจ่าฝูงอยู่ ณ ตอนนั้น แทน

ปี 2017

แชมป์ : บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

รองแชมป์ : เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

ในฤดูกาลนี้ยังคงเป็นทัพกิเลนผยองที่ออกสตาร์ทได้ดีในช่วงแรก และครองจ่าฝูงยาวมาอย่างต่อเนื่อง ทว่าด้วยโปรแกรมที่ค่อนข้างแน่นทั้งเกมลีก และเกมเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ที่ผ่านทะลุเข้าไปในรอบ 16 ทีมนั้น ทำให้นักเตะกิเลนเริ่มออกอาการล้าอย่างเห็นได้ชัด และผลงานเริ่มสะดุดในช่วงท้ายเลกแรก ก่อนที่จะมาโดนคู่ปรับอย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แซงในช่วงต้นเลกสองยาวก่อนจะคว้าแชมป์ก่อนจบซีซั่น พร้อมกับทำลายสถิติคะแนนรวมสูงสุดที่ 86 คะแนน

ปี 2018

แชมป์ : ?

รองแชมป์ : ?

ปีนี้ตำแหน่งจ่าฝูงค่อนข้างเดือดพอสมควร หลังจากมีการปรับให้ตกชั้น 5 ทีมอีกครั้ง เพื่อต้องการให้ฤดูกาล 2019 มีทีมบนลีกสูงสุดแค่ 16 ทีมเท่านั้น ซึ่งตั้งแต่เปิดซีซั่นที่หน้าประจำอย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ไม่ได้ยึดตำแหน่งนี้ แต่เป็นการท่าเรือ เอฟซี ที่ทำผลงานเก็บชัยต่อเนื่อง และมีพีที ประจวบ เอฟซี น้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนขึ้นเล่นลีกสูงสุดปีนี้ครั้งแรก เข้าร่วมแจมชิงจ่าฝูงอีกเช่นกัน

ก่อนที่ช่วงกลางเลกแรกเป็นบุรีรัมย์มาทวงตำแหน่งคืนได้อีกครั้ง พร้อมกับทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ไล่ตีตื้นแต้มเบียดจนได้ไปยึดจ่าฝูงมาหนึ่งวีคในช่วงต้นเลกสองที่ผ่านมา ซึ่งในซีซั่นนี้ก็คงต้องดูกันไปยาวๆว่าสุดท้ายถ้วยโทรฟีไทยลีกนั้นจะยังอยู่ทีมเดิม หรืออาจจะมีเซอร์ไพรซ์ในช่วยท้ายก็เป็นได้