ฟุตบอลไทย ฟุตบอลญี่ปุ่น

ก่อนจะถึงฮอนดะ: แข้งเอเชียยิงประตูในบอลโลกถึงสามสมัย

ประตูจากปลายสตั๊ดของ เคซุเกะ ฮอนดะ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ญี่ปุ่นเก็บ1แต้มจากเซเนกัล มันยังทำให้เขากลายเป็นนักเตะจากเอเชีย คนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกชื่อว่าทำประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ 3 ครั้ง ซึ่งการทำประตูใน

ฟุตบอลโลกให้ประเทศ ทำให้ชื่อของคุณจะถูกจดจำในประวัติศาสตร์ ตลอดไป แต่การทำประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ถึง 3 ครั้งคุณจะกลายเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าตำนาน มาดูกันว่ากว่าจะถึงจอมทัพจากญี่ปุ่นมีใครบ้างที่ยิงประตูในรอบสุดท้ายได้ถึง 3 ครั้ง

 

กดลูกศรทางด้านขวาเพื่อร่วมติดตามไปกับเรา

ซามี อัลญาบิร | ซาอุดิอาระเบีย  (1994,1998,2006)

กองหน้าระดับตำนานของทีมชาติซาอุดิอาระเบีย ที่แฟนบอลทั่วเอเชียรู้จักเขาดี ซามี อัลญาบิร ได้โอกาสลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทั้งหมด 4 ครั้งด้วยกัน โดยครั้งแรกในปี 1994 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นการผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกของทีมเหยี่ยวมรกตด้วย ซึ่งในครั้งนั้น เขาได้โอกาสลงสนาม 2 เกมในรอบแรก และสามารถทำประตูสำคัญในเกมกับ โมร็อคโก ด้วยการยิงจุดโทษให้ทีมออกนำตั้งแต่ นาทีที่ 7 ก่อนที่จะเบียดเอาชนะไปด้วยสกอร์ 2-1 จากนั้นพวกเขาเอาชนะ เบลเยียม 1-0 ทำให้มี 6 คะแนน สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้เป็นครั้งแรกอีกด้วย ก่อนที่จะไปพ่ายสวีเดน ยุติเส้นทางเพียงแค่รอบนี้

หลังจากนั้นอีก 4 ปีในศึกฟร้องค์ 98 ที่ประเทศฝรั่งเศส อัลญาบิร ก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าตัวหลักที่พาทีมมาเล่นในรอบสุดท้ายได้อีกครั้ง และในครั้งนี้แม้ว่าทีมจะทำผลงานได้น่าผิดหวังจากการพ่าย 2 เกมแรกให้ เดนมาร์ก และ ฝรั่งเศสเจ้าภาพ แต่ในนัดสุดท้ายพวกเขาไว้ลายด้วยการเก็บแต้มจากแอฟริกาใต้ ด้วยการเสมอไป 2-2 ซึ่งซามี ซัดประตูจากลูกจุดโทษได้อีกครั้ง

จนถีงเวิลด์คัพฉบับเอเชีย ที่ประเทศเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น จับมือกันเป็นเจ้าภาพ ซาอุดิอาระเบีย ฝ่าฟันมาถึงรอบสุดท้ายได้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผลงานน่าผิดหวังสุดๆเพราะว่า ไม่สามารถเก็บได้แม้แต่คะแนนเดียว จาก อิตาลี, แคเมอรูน และ ไอร์แลนด์ แถมยังยิงประตูไม่ได้ด้วย ทำให้ทีมเศรษฐีน้ำมันต้องกลับบ้านแบบมือเปล่าอย่างแท้จริงเพราะพวกเขาไม่มีทั้งแต้ม และไม่มีทั้งประตู และแน่นอนวาครั้งนี้ ยอดดาวยิงของซาอุฯ ทำประตูไม่ได้

ล่วงเลยมาถึงเวิลด์คัพที่ประเทศเยอรมันในปี 2006 ซาอุยังคงผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 4 และเป็นรอบสุดท้ายครั้งที่ 4 ของ ซามี อัลญาบิร เช่นกัน และในเกมเปิดสนามกับตูนิเซียทีมก็กลับมายิงประตูได้อีกครั้งผลจบลงที่สกอร์เสมอกัน 2-2 และ ซามี อัลญาบิร เกือบยิงประตูชัยให้ทีมได้ เพราะยิงให้ทีมขึ้นนำตอนนาทีที่ 84 ซึ่งประตูนี้ถือว่าเป็นการยิงจากโอเพ่นเพลย์ลูกแรกในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของเขา ก่อนที่เกมที่เหลือจะพ่ายให้ ยูเครน และ สเปน ทำให้ยุติเส้นทางที่รอบแรก พร้อมๆกับการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ครั้งสุดท้ายของดาวยิงจากซาอุดิอาระเบีย

 

พาร์ค จี ซอง | เกาหลีใต้ (2002,2006,2010)

หากพูดชื่อของเขานี่คือตำนานลูกหนังตัวจริงเสียงจริงของทีมชาติเกาหลีใต้ จากสถิติการลงรับใช้ชาติ และความสำเร็จในการค้าแข้งในทวีปยุโรป และเขาคือนักเตะที่สามารถยิงประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ถึง 3 ครั้ง และเคยพาทีมไปได้ไกลถึงอันดับที่ 4 ในฟุตบอลโลก ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่ดีที่สุดที่ตัวแทนจากทวีปเอเชียจะไปถึง

โดยอดีตกองกลางแมนเขสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นได้โอกาสเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในปี 2002 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพร่วมกับ ญี่ปุ่น และในเกมสุดท้ายของรอบแรก เกาหลีใต้ ที่ต้องเอาชนะทีมแกร่งจากยุโรปที่อุดมไปด้วยซูเปอร์สตาร์ อย่างหลุยส์ ฟิโก้, วิคเตอร์ บาย่า, รุย คอสต้า และ เปาเลต้า เพื่อผ่านเข้ารอบ ซึ่งหลังจากที่ทีมฝอยทองเสียเปรียบเรื่องผู้เล่นเมื่อ เจา ปินโต้ และ เบโต้ โดนไล่ออกจากสนาม

เจ้าภาพโสมขาวก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย ซึ่งพาร์ค ในวัย 21 ปี โชว์ทักษะพักอกแล้วกระดกบอลหนี เซร์คิโอ คอนไซเซา ก่อนยิงลอดขาวิคเตอร์ บาย่า เป็นประตูชัยให้เกาหลีเฉือนโปรตุเกส 1-0 ซึ่งหลังจากที่พวกเขาเข้ารอบไปได้ก็หักปากกาเซียนด้วยการเอาชนะ อิตาลี ด้วยสกอร์ 2-1 แม้จะเต็มไปด้วยข้อครหาแต่พวกเขาก็ผ่านไปเอาชนะสเปนในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนไปพ่ายเยอรมัน ในรอบรองชนะเลิศ และพ่ายตุรกีอีกหนึ่งทีมม้ามืดคว้าอันดับที่ 4 จากการแข่งขันในครั้งนั้น

หลังจากนั้นอีก 4 ปี พาร์ค จี ซอง ที่กลายเป็นนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ติดเป็นขุนพลตัวหลักในฟุตบอลโลกรอบนี้อีกครั้งกับภารกิจการแสดงให้ชาวโลกได้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้ไปได้ไกลเพราะมีกรรมการช่วย หรือใช้ความได้เปรียบจากการเป็นเจ้าภาพเท่านั้น แต่ที่เยอรมัน ผลงานของพวกเขาต่างออกไป แม้ว่าจะประเดิมด้วยชัยชนะเหนือ โตโก และการเสมอฝรั่งเศส ซึ่งนัดนี้ ดาวเตะจากปีศาจแดงเป็นคนทำประตูตีเสมอให้ทีมในช่วงท้ายเกม ทำให้ความหวังในการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายกลับมาเปิดกว้างอีกครั้ง แต่เกมสุดท้ายพวกเขากลับไปพ่ายสวิตเซอร์แลนด์ ตกรอบไปอย่างน่าช้ำใจ

จนถึงฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นเจ้าภาพ พาร์ค ในวัย 29 ปีรับบทบาทเป็นกัปตันทีม นำลูกทีมไปแข่งขัน ในครั้งนี้พวกเขาออกสตาร์ทได้ดี ในเกมที่เอาชนะ กรีซ แชมป์ยูโร 2004 ได้ด้วยสกอร์ 2-0 ซึ่งพาร์ค ซัดประตูปิดกล่องให้ทีมได้ ซึ่งนี่คือการยิงประตูในฟุตบอลโลกได้เป็นหนที่สามของเขา แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายอาร์เจนติน่า ขาดลอย 4-1 ในเกมที่สอง แต่ผลเสมอกับ ไนจีเรีย ก็เพียงพอให้พวกเขาผ่านเข้ารอบที่ 2 ต่อไป ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับอุรุวัย ด้วยสกอร์ 2-1 และยุติเส้นทางเอาไว้ และถึงแม้ว่าในอีก 4 ปีต่อมาทีมชาติเกาหลีใต้จะผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกได้ที่ประเทศบราซิล แต่พาร์ค ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะไม่กลับไปเล่นทีมชาติอีกแล้ว ทำให้เขายุติการสร้างสถิติในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเอาไว้เท่านั้น

 

ทิม เคฮิลล์ | ออสเตรเลีย (2002,2006,2010)

ตำนานนักเตะของทีมชาติออสเตรเลีย ที่ติดเป็น 1 ใน 23 นักเตะมาเล่นในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แต่มีโอกาสลงเล่นแค่เกมสุดท้ายในนาทีที่ 53 เท่านั้น โดยนักเตะที่มีคุณพ่อเป็นชาวออสเตรเลีย และคุณแม่เป็นชาวซามัว ได้โอกาสลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรกในปี 2006 ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ที่ออสซี่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย หลังจากที่เคยทำได้เมื่อปี 1974 ซึ่งในเกมเปิดสนาม ออสเตรเลีย ที่ในตอนนั้นยังมาแข่งขันด้วยโควตา ตัวแทนจากทวีปโอเชียเนีย เปิดสนามพบกับ ทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งพวกเขาไล่ถล่มเอาชนะไป 3-1 และเกมนั้น คิม เคฮิลล์ โชว์ฟอร์มเป็นพระเอกด้วยการเหมาคนเดียว 2 ประตู และแม้ว่าจะพ่าย บราซิล แชมป์เก่า แต่ผลเสมอกับ โครเอเชีย ในเกมสุดท้ายก็ดีพอที่จะทำให้พวกเขาเข้ารอบ ก่อนจะไปพ่ายอิตาลี ที่ปีนั้นก้าวไปถึงแชมป์โลกจากจุดโทษในนาทีสุดท้าย

หลังจากนั้นอีก 4 ปีให้หลัง ในศึกฟุตบอลโลกที่ประเทศแอฟริกาใต้ที่ทำเรื่องย้ายมาอยู่ในทวีปเอเชีย ได้ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายอีกครั้ง เกมแรกพวกเขาพ่ายเยอรมันไป ขาดลอย 4-0 ก่อนจะเสมอกับ กานา ด้วยสกอร์ 1-1 และปิดท้ายที่เอาชนะ เซอร์เบีย 2-1 ซึ่งเคฮิลล์ ทำประตูได้ในเกมนี้ แต่มันก็ไม่เพียงพอให้ออสเตรเลียผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเลยต้องตกรอบไปอย่างชอกช้ำทั้งๆที่คะแนนเท่ากันกับกานา แต่ว่าประตูได้เสียเป็นรอง

และในฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล ออสเตรเลีย ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายอีกครั้ง ครั้งนี้พวกเขาออกสตาร์ทไม่ค่อยดีเช่นเดิม เพราะเกมแรกพ่ายให้กับชืลี 3-1 แต่เกมนี้ ทิม เคฮิลล์ ซัดประตูได้ จากนั้นในเกมที่สองที่พวกเขาเจอกับรองแชมป์โลกอย่าง ฮอลแลนด์ ทิม เคฮิลล์ ซัดประตูที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย จากลูกวอลเลย์อันแสนเฉียบขาด แต่ก็ช่วยให้ทีมเก็บแต้มไม่ได้ พ่ายไป 2-3 และปิดท้ายที่การแพ้สเปน 3-0 ทำให้ ขุนพลจากแดนจิงโจ้ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านตามระเบียบ อย่างไรก็ตามในฟุตบอลโลก 2018 เคฮิลล์ มีลุ้นที่จะกลายเป็นนักเตะจากเอเชียคนแรกที่ยิงในรอบสุดท้ายได้ 4 ครั้งแต่น่าเสียดายที่เขาแทบไม่ได้รับโอกาสจาก เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจ์ค ให้ลงสนามเลยโดยได้สัมผัสเกมในนัดสุดท้ายกับ เปรู แต่ก็ทำประตูไม่ได้ และทีมก็ตกรอบตามระเบียบ

 

เคซุเกะ ฮอนดะ | ญี่ปุ่น  (2010,2014,2018)

หลายคนอาจจะมีคำถามว่าทำไม อะกิระ นิชิโนะ ถึงได้ตัดสินใจเรียก เคซุเกะ ฮอนดะ ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของการค้าแข้งเข้ามาติดทีมชาติญี่ปุ่นในชุดฟุตบอลโลกครั้งนี้ ซึ่งอย่างน้อยประตูในเกมกับ เซเนกัล น่าจะเป็นการตอบคำถามได้ว่าทำไม ดาวเตะวัย 32 ปีจากจังหวัดโอซาก้าถึงเป็น 1 ใน 23 นักเตะในทีมชาติชุดนี้

สำหรับอดีตแข้งนาโงยา แกรมปัส ได้โอกาสลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรก ใรปี 2010ที่ประเทศแอฟริกาใต้ และสามารถประเดิมประตูแรกในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายด้วยการใช้เวลา 39 นาทียิงประตูชัยให้ทีมเอาชนะ แคมเมอรูน ไป 1-0 แม้ว่าเกมที่ 2 พวกเขาจะแพ้ให้กับฮอลแลนด์ แต่นัดส่งท้าย ทีมลูกพระอาทิตย์โชว์ฟอร์มเฉียบถล่มเอาชนะ เดนมาร์กไป 3-1 ซึ่งเกมนัดนี้ ฮอนดะ ทำประตูให้ทีมได้อีกครั้งจากลูกฟรีคิกระยะไกล ร่วมๆ 35 หลาที่ซัดด้วยหลังเท้าบอลส่ายหนี โธมัส โซเรนเซ่น เข้าประตูไปอย่างสวยงามทำให้ญี่ปุ่นผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ก่อนที่จะไปแพ้จุดโทษปารากวัย ยุติเส้นทางที่รอบ 16 ทีมอีกครั้ง

จากนั้นในปี 2014 ที่ประเทศบราซิล ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลูกหนัง ฮอนดะ ยังคงเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติญี่ปุ่น และถูกเรียกติดทีมชุดนี้อีกครั้ง พวกเขาออกสตาร์ทเกมแรกไม่ดีนักเมื่อพ่ายให้ ไอวอรี่โคสต์ ไป 2-1 แต่ฮอนดะก็ยิงประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเกมเปิดสนามได้อีกครั้ง ก่อนที่จะไปเสมอกับ กรีซ 0-0 และพ่าย โคลอมเบียไป 4-1 ทำให้ยุติเส้นทางไว้ที่รอบแรก

ในฟุตบอลโลก 2018 แม้ว่า ฮอนดะ จะมีส่วนกับการผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้าย จากการช่วยทีมในรอบคัดเลือกโซนเอเชีย แต่ว่า ชื่อของเขาก็สุ่มเสี่ยงที่จะถูกตัดออกหลังจากที่ไม่ค่อยมีผลงานในระดับสโมสรที่ดีมากนัก แต่ว่า อะกิระ นิชิโนะ ที่ถูกแต่งตั้งให้ทำหน้าที่แทน วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช กุนซือชาวบอสเนีย ก็ตัดสินใจใส่ชื่อ เคซุเกะ ฮอนดะเป็น 1 ใน 23 ขุนพลบูลซามูไร แม้ว่าสองเกมแรกจะเป็นเพียงแค่ตัวสำรอง แต่ว่าในเกมกับเซเนกัล เขาลงมาสวมบทซูเปอร์ซับทำประตูตีเสมอให้กับทีมคว้า 1 แต้มสำคัญ และจะได้ไปชี้ชะตากับโปแลนด์ในนัดสุดท้าย ซึ่งต้องติดตามว่า ดาวเตะวัย 32 ปีจะพาทีมชาติญี่ปุ่นไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลกครั้งนี้