ฟุตบอลทีมชาติ ฟุตบอลโลก

ใครมีลุ้น-ใครหมดหวัง: เช็คผลงานนัดแรกทีมเอเชียบอลโลก 2018

 

หลังจากที่สิ้นเสียงนกหวีดเกมระหว่างโปแลนด์กับเซเนกัล เป็นสัญญาณว่าฟุตบอลโลก 2018 ผ่านการแขงขันนัดแรกแล้วครบทุกทีม โดยบรรดา 5 ชาติในฐานะตัวแทนทวีปเอเชียทั้ง ซาอุดิอาระเบีย, อิหร่าน, ออสเตรเลีย, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ต่างก็สร้างผลงานในการต่อกรกับคู่แข่งที่มีทั้งความผิดหวังไปจนถึงเก็บสามแต้มแรกได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ทั้งโอกาสที่เริ่มปิดสำหรับการลุ้นเข้ารอบ-ตกรอบ และนี่คือภาพรวมผลงานนัดแรกทีมเอเชียบอลโลก 2018

กดลูกศรทางขวามือเพื่ออ่าน

 

ซาอุดิอาระเบีย

ผลงานนัดแรก

ขุนพลเหยี่ยวมรกตมีโอกาสลงเล่นในเกมประเดิมสนามฟุตบอลโลก 2018 กับรัสเซีย แม้ตลอดเวลา 90 นาทีซาอุฯจะมีโอกาสครองบอลมากกว่าที่ 60 ต่อ 40 แต่กลับเป็นชาติเจ้าภาพที่ไล่เอาชนะแบบขาดลอยถึง 5-0 อีกทั้งซาอุฯจบสกอร์ได้เพียง 3 หน ทว่าไม่เข้ากรอบเลย ถึงตอนนี้พวกเขามีสถิติเสียประตูเยอะที่สุดในบรรดา 32 ชาติ

 

เด่น - ไม่มี

ดับ - ทั้งทีม

จากฟอร์มการเล่นที่ล้มเหลวในเกมเปิดสนามของพวกเขาในเวิลด์คัพสมัยที่ 5 แน่นอนว่าพลพรรคเหยี่ยวมรกตทั้งทีมมีส่วนกับความผิดพลาดครั้งนี้ไปเต็มๆ แม้จะมีโอกาสครองบอลได้มากกว่า ทว่าซาอุฯกลับไม่มีโอกาสลุ้นจบสกอร์แบบน่าเป็นประตูได้เลย ยังคงสถิติไม่ชนะเลยเมื่อเล่นเกมแรกของทัวร์นาเมนต์ตลอดทั้ง 5 ครั้งที่ผ่านมาต่อไป

 

โอกาสเข้ารอบต่อไป

หลังผ่านเกมนัดเปิดสนามบอลโลกด้วยผลแพ้รัสเซียยับเยิน อีกทั้งเจ้าภาพก็ฟอร์มแรงเก็บแล้ว 6 คะแนนหลังผ่านนัดถัดมาที่ชนะอียิปต์ 3-1 ทำให้สถานการณ์ของซาอุดิอาระเบียจำเป็นจะต้องมีคะแนนสถานเดียวในเกมนัดที่สองกับทีมแกร่งอย่างอุรุกวัย หากพวกเขาเก็บไม่ได้แม้แต่คะแนนเดียว ก็จะกอดคอพร้อมกับทัพฟาโรห์ตกรอบทันที และเหลือแค่แย่งพื้นที่อันดับสามเท่านั้น

 

อิหร่าน

ผลงานนัดแรก

ทีมฉายา “นักรบเปอร์เซีย” สานผลงานดีต่อเนื่องมาจากทั้งผลงานที่พวกเขาทะลุมาเล่นในฟุตบอลโลก 2018 เป็นชาติที่สาม และการชนะ 7 แมตช์กระชับมิตรก่อนมารัสเซีย จากฟอร์มนัดเปิดสนามที่ผลจบสกอร์ตรงกรอบ 2 ครั้ง เปลี่ยนเป็น 1 ประตูชัยจากอะซิซ บูฮัดดูซ กองหน้าโมร็อคโคที่ทำเข้าประตูตัวเองพาอิหร่านเอาชนะคู่แข่งร่วมสาย 1-0 ในเกมประเดิมสนามกลุ่มบี รั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางอยู่ในขณะนี้

 

เด่น - คาร์ลอส เคยรอซ และทีมสตาฟอิหร่าน

จากความสำเร็จสามคะแนนแรกในฟุตบอลโลกหนนี้ ส่วนหนึ่งมาจากแท็คติกของคาร์ลอส เคยรอซ กุนซือใหญ่ที่อยู่คุมอิหร่านมาตั้งแต่ปี 2011 และทีมงานสตาฟของเฮดโค้ชชาวโปรตุเกส ที่ตลอดเวลา 90 นาที ทีมงานของนักรบเปอร์เซียต่างวางแผนให้นักเตะอิหร่านเล่นเกมรับให้แน่น มีวินัย และหาโอกาสสวนกลับได้ดุดัน นำมาซึ่ง 3 คะแนนประเดิมบอลโลกแบบสวยหรู

ดับ - ไม่มี

 

โอกาสเข้ารอบต่อไป

แม้จะได้สามคะแนนในเกมเปิดสนาม แต่หากดูโปรแกรมถัดต่อไปอีก 2 แมตช์ อิหร่านจะเจอกับงานหนักทั้งสเปน และโปรตุเกส ซึ่งต่างก็ต้องการสามคะแนนลุ้นเข้ารอบสองเพราะดันเสมอกันมาในนัดแรก (3-3) โดยทีมเปอร์เซียจะดวลกับกระทิงดุก่อนในนัดสอง ก่อนจะปิดท้ายลงสนามดวลกับทีมฝอยทอง แน่นอนว่าโอกาสลุ้นมากสุดคงเพียงแค่ยันเจ๊าให้ได้ พยายามกุมความได้เปรียบจากการมีสามคะแนนในมือ และอย่าพยามเสียประตูเร็ว มิเช่นนั้นพวกเขาอาจทำได้แค่จบอันดับ 3 หรือ 4 ที่ต้องตกรอบแรกไป

 

ออสเตรเลีย

ผลงานนัดแรก

ทีมซอคเกอร์รูส์เจอศึกหนักกับหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์โลกอย่างฝรั่งเศสตั้งแต่นัดเปิดสนาม แน่นอนว่าด้วยขุมกำลังและชื่อชั้นที่ต่างกว่าสิ้นเชิง ทำให้ออสเตรเลียมีรูปเกมและโอกาสจบสกอร์ที่เป็นรองทัพตราไก่ตลอด 90 นาที และตลอดการแข่งทำท่าจะจบด้วยผลเสมอ 1-1 อยู่แล้ว แต่นาทีที่ 81 กลับเป็นปอล ป็อกบา กองกลางเลอ เบลอส์ที่ซัดบอลไปติดอะซิช เบฮิช กองหลังออสเตรเลียเข้าประตูตัวเอง ทำให้อีกหนึ่งตัวแทนเอเชียเป็นฝ่ายแพ้ไป 1-2

 

ดาวเด่น - อารอน มอย

กองกลางคนสำคัญของออสเตรเลียงัดประสบการณ์ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกกับฮัดเดิลสฟิลด์มาช่วยทีมได้อย่างโดดเด่น เพราะตลอดการแข่งขัน เขาเป็นคนที่คอยเปลี่ยนเกมรุก-รับของออสเตรเลีย ทั้งยังคอยไล่บอลตลอดการเล่นแบบไม่มีหมด แถมยังเป็นผู้จุดประกายให้ทัพจิงโจ้ลุ้นมีแต้ม จากการครอสบอลเข้ากรอบเขตโทษตราไก่ไปโดนมือซามูเอล อุมตีตี้ จนทีมได้จุดโทษและเป็นไมล์ เยดินัคซัดจุดโทษมาทีมตามเสมอตราไก่ได้สำเร็จ

ดาวดับ - โยชัว ลิสดอน

ผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คขวาของออสเตรเลียมีส่วนสำคัญกับการที่ทีมเสียสองประตูในเกมเจอฝรั่งเศส โดยประตูแรกที่ทีมเสียเกิดจากแข้งเวสเทิร์น ซิดนีย์ วอนเดอร์เรอร์สอย่างโยชัว ที่เขาเจตนาไปเสียบอองตวน กรีซมันน์ในกรอบโทษ และเมื่อผู้ตัดสินเช็คจาก VAR ก็ชัดเจนว่าเป็นจุดโทษ ก่อนที่กรีซมันน์จะสังหารเข้าไป กลายเป็นบทเรียนล้ำค่าของแข้งที่เพิ่งติดทีมชาติชุดใหญ่ 9 นัดทันที

 

โอกาสเข้ารอบต่อไป

แม้จะพลาดคว้าแต้มในเกมเปิดสนามกับฝรั่งเศส แต่พลพรรคจิงโจ้ยังมีโอกาสที่จะจบอันดับลุ้นรอบสองต่อ เนื่องจากคู่แข่งอีกสองทีมที่จะเจออย่างเดนมาร์กและเปรูนั้นมีมาตรฐานใกล้เคียงกัน ซึ่งเกมถัดไปออสซีจะต้องเจอเก็บ 1 คะแนนให้ได้เป็นอย่างน้อยในการเจอกับทัพโคนมที่ชนะเปรูมาในนัดแรก นั่นเป็นเพราะหากพวกเขาไม่มีคะแนนอีกเกม และอีกคู่เป็นฝรั่งเศสที่มีแต้มในเกมเจอเปรู ออสเตรเลียก็จะควงชาติจากอเมริกาใต้ตกรอบแรกทันที

 

เกาหลีใต้

ผลงานนัดแรก

ทัพแทกุ๊ก วอร์ริเออร์สสตาร์ทเกมการแข่งฟุตบอลโลก 2018 ด้วยผลงานบู่แพ้สวีเดน 0-1 ทำสถิติไม่ชนะใครเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกัน แถมทำประตูคู่แข่งไม่ได้เลยใน 3 นัดหลังสุด อีกทั้งสถิติจบสกอร์เกมพ่ายไวกิ้งก็ดูดับจากโอกาสจบสกอร์ได้แค่ 2 ครั้ง ซึ่งไม่ตรงกรอบเลย แถมโอกาสครองบอลก็น้อยกว่าทีมจากยุโรปเหนือที่ 48 ต่อ 52

 

ดาวเด่น - ไม่มี

ดาวดับ - แผงเกมรุกของทีม

จากสถิติบู่ที่ทัพโสมขาวทำประตูคู่แข่งไม่ได้เลยในช่วง 3 เกมหลังสุด รวมถึงตัวเลขที่บ่งชัดในเกมเปิดสนามที่แพ้สวีเดน ซึ่งเกาหลีใต้มีโอกาสจบสกอร์ 2 ครั้งแต่ไม่เข้ากรอบเลย บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเกมรุกของพวกเขายังมีปัญหา โดยเหล่าแนวรุกของทีมทั้ง ซน ฮึง มิน, คิม ชิน วุค และ ฮวาง ฮี ชาน ยังประสานงานกันขาดๆเกินๆ ไม่อาจเป็นสร้างสรรค์เกมบุกร่วมกันแบบรู้ใจได้เลย

 

โอกาสเข้ารอบต่อไป

ด้วยการที่เกาหลีใต้โชคร้ายมาอยู่ในกลุ่มเอฟ ที่มีทั้งเยอรมัน, เม็กซิโก และสวีเดนเป็นเพื่อนร่วมสาย แถมเกมแรกพวกเขายังพลาดมีแต้มแบบไม่มีอะไรให้ลุ้น ทำให้สถานการณ์ของทีมดูเป็นรองคู่แข่งชัดเจน และโอกาสผ่านเข้ารอบเริ่มริบหรี่ทันทีหลังจบแมตช์แรก โดยนัดถัดไปทีมของชิน แท ยอง จะต้องเจองานหนักกับเม็กซิโก ที่เพิ่งโชว์ฟอร์มหรูทุบอินทรีเหล็ก แชมป์เก่า หากเกมนี้ทีมแทกุ๊กไม่อาจเก็บ 1 คะแนนเพื่อต่อลมหายใจเข้ารอบเป็นอย่างน้อย ก็มีโอกาสสูงที่จะกระเด็นตกรอบไปก่อนใครเพื่อน

 

ญี่ปุ่น

ผลงานนัดแรก

ทีมของอะกิระ นิชิโนะ ต้องมาเจอกับศึกหนักในเกมเปิดหัวบอลโลกหนนี้กับโคลอมเบีย ชาติที่เคยดวลกันเมื่อ 4 ปีก่อน และเป็นทีมจากอเมริกาใต้ที่เคยชนะท่วมท้นถึง 4-1 แต่พอหนนี้ ซามูไรบลูโชคดีจากการที่ได้ประตูออกนำไปก่อน จากจุดโทษของชินจิ คางาวะ จากจังหวะโดนใบแดงของคาร์ลอส ซานเชซ ตั้งแต่นาทีที่ 3 ของการแข่งขัน ทำให้ญี่ปุ่นเล่นได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ดี โคลอมเบียก็ไม่ยอมง่ายๆ และมาตามตีเสมอนาทีที่ 39 จาก ฮวน ควินเตโร อย่างไรก็ตาม ทีมลูกพระอาทิตย์มาได้ทีเด็ดจากลูกเตะมุมที่เคซุเกะ ฮอนดะ ครอสเตะมุมเข้ามาถึงยูยะ โอซาโกะ โหม่งประตูชัยส่งให้ญี่ปุ่นเป็นเอเชียทีมที่สองต่อจากอิหรานที่คว้า 3 คะแนนในเกมแรก

 

ดาวเด่น - ยูยะ โอซาโกะ

กองหน้าป้ายแดงของแวร์เดอร์ เบรเมน ออกสตาร์ทเป็นหัวหอกตัวเป้าในเกมประเดิมสนาม และตลอด 85 นาทีในสนาม เจ้าตัวมีส่วนสำคัญในการนำมาซึ่งสองประตูของญี่ปุ่น ไล่มาตั้งแต่พาบอลปั่นป่วนในเขตโทษ และนำมาสู่จุดโทษประตูแรกของทีม แม้ช่วงเวลาจากนั้นอดีตดาวเตะคาชิมา อันท์เลอร์สจะดูหายไปพักใหญ่ แต่กลับสวมสัญชาตญาณกองหน้าโหม่งประตูชัยจากลูกเปิดของฮอนดะส่งญี่ปุ่นประเดิมชัยชนะในฟุตบอลโลกในดินแดนหมีขาว พิสูจน์ให้เห็นว่าแข้งวัย 28 ปีพร้อมจะเป็นดาวยิงตัวหลักของทีมชุดนี้ ในยามที่ชินจิ โอคาซากิไม่พร้อมลงเล่นอย่างไม่ต้องสงสัย

ดาวดับ - ไม่มี

 

โอกาสเข้ารอบต่อไป

หลังประเดิมชัยชนะเหนือโคลอมเบีย 10 คน ทำให้ซามูไรบลูเพิ่มความได้เปรียบเข้าสู่รอบสองกับการมีสามคะแนนอยู่ในกำมือแล้ว โดยเกมหน้าญี่ปุ่นจะมีโปรแกรมเจอกับเซเนกัล ที่เก็บชัยจากผลเฉือนชนะโปแลนด์ 2-1 แน่นอนว่าหากนัดที่สองญี่ปุ่นมีเพิ่มอีก 1 คะแนนเป็นอย่างน้อย โอกาสทะลุสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายก็จะสดใสขึ้นมาทันที ทว่าหากไม่มีแต้มในการเจอทีมจากทวีปแอฟริกา พวกเขาก็ยังมีลุ้นชี้ชะตาในเกมสุดท้ายกับโปแลนด์อยู่ดี เพียงแต่เงื่อนไขจะอาจเพิ่มขึ้นในแง่ของต้องเก็บชัยชนะให้ได้เท่านั้น