ฟุตบอลอาเซียน ไทยลีก

ตามรอยรุ่นหนึ่ง: 5 แข้งอาเซียนน่าลุยไทยลีกปีหน้า

 

 

หลังจากที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้มีการหารือกับ 18 ทีมไทยลีกว่าจะเปิดโอกาสให้นักเตะอาเซียนโควตาเท่าเทียมกับนักเตะไทย แต่ว่าในสนามจะต้องมีแข้งไทยอย่างน้อย 4 คน และจะเริ่มใช้ในฤดูกาลหน้า ซึ่งมีหลายสโมสรได้ดึงผู้เล่นชั้นนำมาร่วมทีมพร้อมกับทำผลงานโดดเด่นจนก้าวมาเป็นแข้งแถวหน้าประจำลีกสูงสุดของไทย โดยเฉพาะสองดาวเด่นอย่าง อ่องธู แนวรุกตัวหลักของโปลิศ เทโร และ ไมเคิล ฟาสเคสการ์ด ของแบงค็อก ยูไนเต็ดที่พาทีมรั้งจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ดี ยังมีผู้เล่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกหลายรายที่ทำผลงานเด่นร่วมกับต้นสังกัดจนน่าลุ้นให้ย้ายมาเล่นในไทยลีกฤดูกาลหน้า และนี่คือ 5 ยอดแข้งสัญชาติอาเซียนลุ้นมาเล่นในไทยลีก

กดเลื่อนลูกศรทางขวาเพื่ออ่าน

 

อิวาน ดิมาส - อินโดนีเซีย

กองกลางวัย 23 ปีเคยมีประสบการณ์ย้ายไปร่วมทีมเอสปันญอล เบ เป็นเวลาถึง 4 เดือน และปัจจุบันเขาก้าวมาเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติอินโดนีเซียชุดใหญ่ได้แล้ว โดยหลังจากที่เจ้าตัวเป็นส่วนหนึ่งในการพาบายังการา ซูราบายา ยูไนเต็ด ทีมในบ้านเกิดคว้าแชมป์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ดิมาสเคยตกเป็นข่าวว่าอาจย้ายมาเล่นในไทยลีกช่วงเปิดฤดูกาล ทว่าสุดท้ายเจ้าตัวตัดสินใจโยกไปเล่นให้ทีมเศรษฐีในแดนมาเลย์อย่าง สลังงอร์ เอฟเอ ด้วยสัญญา 1 ปี

แม้ว่าช่วงหนึ่งจะมีข่าวว่าเจ้าตัวอาจถูกลอยปล่อยตัวก่อนหมดสัญญา แต่ตลอดผลงานร่วมกับสโมสร ดิมาสถือเป็นหนึ่งในแกนหลักในแดนกลางของทีมเสมอ จากสถิติลงเล่นในลีกไปแล้ว 11 จาก 14 นัด ทำไป 2 ประตู แน่นอนว่าพอหมดสัญญากับทีมแดนเสือเหลือง ก็มีโอกาสไม่น้อยที่เจ้าตัวจะเลือกมาผจญภัยในลีกไทย

 

ไมค์ อ็อตต์ - ฟิลิปปินส์

ดาวเด่นคนปัจจุบันของทีมชาติฟิลิปปินส์เคยมีประสบการณ์ลงเล่นในไทยมาแล้วกับอ่างทอง เอฟซี ในศึกไทยลีก2 เมื่อฤดูกาล 2017 โดยเจ้าตัวก็เป็นอีกหนึ่งแข้งที่มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ร่วมกับทีมในต่างแดนที่เยอรมันกับทีมสำรองของ 1860 มิวนิค และเนิร์นแบร์ก ก่อนจะถูกทาบทามให้มาเล่นในไทยกับทีมนักรบรวงทองที่มีโดยไรเนอร์ เมาเรอร์ อดีตเฮดโค้ชสมัยเยาวชนที่ 1860 มิวนิคคุมทีม

ตลอดเวลาในฤดูกาลก่อน แข้งลูกครึ่งที่มีพ่อเป็นเยอรมัน แม่เป็นฟิลิปปินส์ เกือบพาอ่างทองเลื่อนชั้นจากผลงานจบที่ 4 ของตาราง ก่อนที่ปี 2018 นี้ เขาจะตัดสินใจโยกมาเล่นให้เซเรส-เนกรอส ยักษ์ใหญ่ในลีกบ้านเกิดคุณแม่ และผ่านมาเกือบครึ่งฤดูกาล ตอนนี้อ็อตต์พาทีมรั้งจ่าฝูงตารางอย่างเฉิดฉาย และทำไปแล้ว 6 ประตู ส่วนผลงานในเอเอฟซี คัพ เขาจัดการทำ 5 แอสซิสต์ให้เพื่อนส่งทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในโซนอาเซียนรอเจอโฮม ยูไนเต็ด หากหมดฤดูกาลนี้กับเซเรส ก็มีโอกาสที่อ็อตต์จะกลับมาเล่นในไทยอีกครั้ง และแน่นอนว่าจากประสบการณ์ที่มีมาก่อน คงทำให้เจ้าตัวอาจไม่ต้องปรับตัวเหมือนแข้งรายอื่น

 

สิธู อ่อง - เมียนมา

นี่คือแข้งเลือดเนื้อเชื้อไขเมียนมาที่ติดในลิสต์ดาวซัลโวประจำลีกหลังผ่านการแข่งนัดที่ 16 ด้วยการเป็นที่ 4 จากผลงาน 9 ประตู แม้ในซีซันนี้ ยาดานาร์บอน ต้นสังกัดของเจ้าตัวจะอยู่กลางตารางมีลุ้นเหนื่อยหากจะหวังโควตาพื้นที่ลุยบอลเอเชียฤดูกาลหน้า ทว่าหากมองที่ฟอร์มส่วนตัวของแข้งวัย 21 กะรัต นอกจากจะเป็นจอมผลิตสกอร์แล้ว เขายังมีประสบการณ์ติดทีมชาติไล่มาตั้งแต่ U19, U23 รวมถึงทีมชุดใหญ่มาแล้วถึง 11 เกม และทำไปแล้ว 2 ประตู แน่นอนว่านอกจากชาติฉายา “เทวดาขาว” จะมีอ่องธู หรือ จอ โค โค เป็นสตาร์หลักแล้ว ชื่อของ สิธูอ่อง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งนักเตะน่าจับตา และมีโอกาสไม่น้อยที่จะเดินตามรอย 2 แข้งในการมาเล่นที่ไทย

 

จัน วัฒนากา - กัมพูชา

ดาวเตะซูเปอร์สตาร์ของกัมพูชาประสบความสำเร็จร่วมกับเบิงเก็ต อังกอร์ ทั้งการคว้าแชมป์ลีกในปี 2016 รวมถึงรางวัลส่วนตัวถึง 9 รายการ กระทั่งมีโอกาสย้ายไปเล่นให้ฟูจิเอดะ เอ็มวายเอฟซี เมื่อปี 2017 แต่กลับได้ลงสัมผัสเกมลีกไปเพียงแค่ 3 นาที ตลอดระยะเวลา 10 เดือน ก่อนจะเซ็นสัญญา 1 ปี กับ ปะหัง เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ก็ได้ลงเล่นเพียง 9 นัด จนถูกปล่อยตัวออกจากทีม

ล่าสุดเป็นโฮม ยูไนเต็ด ประกาศดึงแข้งฉายา “แกเร็ธ เบล แห่งกัมพูชา” มาเสริมทีมเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะกัมพูชาคนแรกในลีกแดนเมอร์ไลออนไปแล้ว แน่นอนว่าหากเขาประสบความสำเร็จในช่วงเวลาร่วมกับโฮมได้ไทยลีกก็นับเป็นอีกหนึ่งลีกที่เขาตกเป็นช่าวโยงมาตลอดว่าอาจจะย้ายมาเล่นสักครั้ง ก็ไม่แน่ว่าหลังจบปี 2018 แฟนบอลไทยอาจเห็นชื่อของจันอยู่ค้าแข้งให้ทีมใดทีมหนึ่งก็เป็นได้

 

เหงียน กง เฝิง - เวียดนาม

จากประสบการณ์ของแข้งฉายา “เมสซีเวียดนาม” ที่ผ่านการลงสนามให้ทั้งในระดับสโมสรอย่าง ฮอง อันห์ ยา ลาย รวมถึงมิโตะ ฮอลลีฮอค ทีมในเจทูไปทั้งหมด 6 เกม รวมถึงโอกาสติดทีมชาติชุดใหญ่มาตั้งแต่ปี 2015 ด้วยวัยเพียง 20 ปี จนตอนนี้เขามีลงติดทีมไปแล้ว 18 นัด ยิง 3 ประตู

สำหรับผลงานของกง เฝิงในปี 2018 นี้ ล่าสุดหลังผ่านการแข่งวีลีกมาแล้ว 14 นัด เจ้าตัวทำไป 5 ประตู ช่วยทีมขับเคี่ยวพื้นที่กลางตารางค่อนไปทางหนีตกชั้นอย่างสนุก ซึ่งหากฮอง อันห์ ยา ลายจบฤดูกาล 2018 ด้วยตำแหน่งที่ล้มเหลว ก็ไม่แน่ว่าเขาอาจตัดสินใจย้ายจากทีมที่ปลุกปั้นมาและมีสัญญายาวถึงปี 2022 ไปยังสโมสรอื่นด้วยสัญญายืม แน่นอนว่าในเวทีโตโยต้าไทยลีก ที่เจ้าตัวเคยตกเป็นข่าวว่าจะย้ายมาเล่นมาแล้วหลายหน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับกง เฝิง ก่อนจะมีโอกาสสัมผัสเกมลีกนอกภูมิภาคต่อไป