เอเชีย ฟุตบอลทีมชาติ

ก่อนลุยรัสเซีย: ยอดเยี่ยม-ยอดแย่ผลงานเกาหลีใต้ในเวทีฟุตบอลโลก

 

ย้อนรอยผลงานของ 5 ตัวแทนเอเชียในฟุตบอลโลก 2018 เดินทางมาถึงทีมที่ 4 แล้ว โดยคราวนี้ถึงคิวของเกาหลีใต้ ชาติที่ทะลุเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายมากที่สุดที่ 10 ครั้ง คือ ปี 1954, 1986, 1990, 1994, 1998, 2002, 2006, 2010 รวมทั้งปี 2014 และตลอดการแข่งขันในรอบสุดท้ายของทีมแทกุ๊ก วอริเออร์ส พวกเขาเคยประสบความสำเร็จถึงขั้นจบอันดับ 4 เมื่อครั้งที่ตนเองเป็นเจ้าภาพร่วม รวมถึงเคยฟอร์มบู่ทำประตูไม่ได้เลยถึง 4 ครั้งติดต่อกัน นี่คือ 6 ผลงานยอดเยี่ยมยอดแย่ทีมโสมขาวในเวทีฟุตบอลโลก

เลื่อนลูกศรทางขวาเพื่ออ่าน

 

ผลงานดีที่สุด : ฟุตบอลโลก ปี 2002

หากจะเอ่ยถึงความสำเร็จของชาติเอเชียในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมชาติเกาหลีใต้ชุดฟุตบอลโลก 2002 ในฐานะเจ้าภาพร่วมกับญี่ปุ่น คือทีมจากเอเชียที่ก้าวเข้าถึงรอบลึกสุดที่อันดับ 4 โดยทีมแทกุ๊ก วอริเออร์ส จบรอบแบ่งกลุ่มด้วยผลงาน ชนะโปแลนด์ 2-0, เสมอสหรัฐอเมริกา 1-1 และชนะโปรตุเกส 1-0 คว้าแชมป์กลุ่มดีไปดวลกับ อิตาลี ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนจะเฮประตูชัยโกลเด้นโกล จาก อาห์น จุง วาน ในนาทีที่ 117 เฉือนอัซซูรี 2-1 ท่ามกลางข้อครหาว่าอิตาลีถูกปล้นชัยจากการตัดสินของกรรมการ ซึ่งเกาหลีใต้ผ่านไปดวลกับสเปนในรอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อ

ในรอบตัดเชือกนี้ทีมโสมขาวยังคงถูกวิจารณ์เรื่องผลการแข่งขันเช่นเคย ในเกมที่พวกเขาเป็นฝ่ายดวลจุดโทษชนะกระทิงดุ 5-3 ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายเป็นหนแรกไปเจอกับเยอรมัน ก่อนจะถูกอินทรีเหล็กเฉือนหวิว 1-0 สุดท้ายจบการแข่งขันด้วยการเป็นที่ 4 หลังพ่ายตุรกีในนัดชิงที่ 3

 

ผลงานแย่ที่สุด : ฟุตบอลโลก ปี 1954

ในการแข่งขันเวิลด์คัพ รอบสุดท้าย บนดินแดนสวิตเซอร์แลนด์หนนี้ ถือเป็นการเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกของทีมแทกุ๊ก วอริเออร์ส แต่ในฐานะตัวแทน 1 เดียวจากเอเชีย น้องใหม่ทีมนี้โชคร้ายถูกจับมาอยู่ในกลุ่ม 2 ที่มีทั้งฮังการี และเยอรมันตะวันตก ซึ่งภายหลังทะลุเข้าไปชิงกันเองในรอบชิงชนะเลิศ (ฮังการีชนะ 3-2) รวมถึงตุรกี เป็นเพื่อนร่วมสาย สำหรับผลการแข่งขันของโสมขาว แน่นอนว่าจากประสบการณ์ที่ด้อยกว่าคู่ต่อกรร่วมสาย เกาหลีใต้โดนฮังการีถลุงยับในนัดแรก 9-0 และถูกตุรกีจัดหนักไปอีก 7-0 กระเด็นตกรอบชนิดชวดเล่นเพลย์ออฟหาทีมอันดับ 2 เข้ารอบต่อไปจากการเป็นบ๊วยของกลุ่ม แถมยังถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 16 ซึ่งเป็นอันดับสุดท้ายของการแข่งครั้งนี้

 

แข้งฟอร์มเด่นที่สุด : ฮอง เมียง โบ

อดีตกองหลังระดับตำนานทีมชาติเกาหลีใต้เคยมีส่วนร่วมกับทัพแทกุ๊ก วอร์ริเออร์สมากถึง 5 ครั้ง แบ่งเป็นการลงเล่นในนามทีมชาติ 4 สมัย เมื่อปี 1990, 1994, 1998 และ 2002 ส่วนอีกสมัยคือในฐานะเฮดโค้ชพารุ่นน้องลงเล่นในปี 2014 สำหรับผลงานในสมัยนักเตะ เจ้าตัวเคยได้รับบทบาทสำคัญในการสวมปลอกแขนกัปตันนำเพื่อนร่วมทีมประสบความสำเร็จคว้าอันดับ 4 ในฟุตบอลโลกครั้งที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วม และเป็นผู้เล่นชาวเกาหลีใต้ที่มีโอกาสลงสนามในเกมรอบสุดท้ายมากที่สุด ที่ 16 ครั้ง อีกทั้งยังมีชื่อติดทำเนียบผู้ทำประตูในทัวนาเมนต์ดังกล่าวในอันดับสามร่วมจากผลงาน 2 ประตูเมื่อปี 1994

ขณะที่บทบาทของกุนซือในฟุตบอลโลกแดนบราซิล เมื่อปี 2014 เขากลับไม่ประสบความสำเร็จเหมือนสมัยนักเตะ หลังพาทีมลงแข่ง 3 แมตช์ในกลุ่ม เอช แบ่งผลเป็น เสมอ 1 แพ้ 2 จบด้วยการเป็นบ๊วยของกลุ่ม

 

แข้งฟอร์มดับที่สุด : คิม บยอง จี

จากฟอร์มที่โดดเด่นในการเล่นระดับสโมสรร่วมกับ อุลซาน ฮุนได ที่เจ้าตัวมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เคลีก 1 สมัย และแชมป์เคลีกคัพ 2 สมัย ในช่วงก่อนทัวร์นาเมนต์เวิลด์คัพที่ฝรั่งเศส ปี 1998 ส่งผลให้คิม เริ่มกลายมาเป็นนายประตูมือหนึ่งในนามทัพแทกุ๊ก วอริเออร์ส เรื่อยมาจนถึงเกมรอบสุดท้ายที่ดินแดนน้ำหอม อย่างไรก็ดี เมื่อถึงคิวที่ทีมลงแข่งรอบสุดท้าย นี่คือผลงานบู่ของโสมขาวในฟุตบอลโลกรองจากครั้งแรก เพราะพวกเขาจบอันดับในกลุ่มอี ด้วยการเป็นบ๊วยกลุ่ม จากผลงานแพ้ เม็กซิโก 1-3 แพ้ ฮอลแลนด์ 0-5 และเจ๊าเบลเยียม 1-1 เสียรวมถึง 9 ประตู มากที่สุดในรอบแบ่งกลุ่มครั้งนั้น ท้ายสุดแล้วเกาหลีใต้ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 30 จากบรรดา 32 ชาติ

และในเวลาต่อมา ตำนานอุลซานเริ่มเสียตำแหน่งตัวจริงให้นายด่านรุ่นน้องอย่าง ลี วุน แจ ที่ภายหลังกลายเป็นมือหนึ่งในนามทีมชาติยาวนานถึง 133 เกม ได้เฝ้าเสาในฟุตบอลโลกถึง 3 ครั้ง และลงเล่นไปมากถึง 11 นัด

 

แมตช์ประทับใจที่สุด : ดวลจุดโทษชนะทีมชาติสเปน 5-3 ฟุตบอลโลกปี 2002

หลังจากที่ทำเซอไพรส์ทะลุเข้ามาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายจากการเป็นแชมป์กลุ่มดี ของฟุตบอลโลก 2002 เกาหลีใต้ยังคงสร้างประวัติศาสตร์น่าจดจำในรอบน็อคเอาท์นี้ แม้จะมีข้อครหาถึงความไม่ยุติธรรมตลอดการแข่งขัน หลังไล่เอาชนะอิตาลี ทีมอันดับ 6 ในฟีฟ่าแรงกิ้ง จากประตูชัยโกลเด้นโกลนาทีที่ 117 โดยอาห์น จุง วาน พร้อมทะลุเข้ามายังรอบ 8 ทีมสุดท้ายมาเจอกับสเปน อีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ที่อันดับฟีฟ่าแรงกิ้งอยู่ที่ 8 แถมยังอุดมไปด้วยผู้เล่นระดับท็อปในลีกยุโรป

ในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายหนแรกของทีมโสมขาวที่สังเวียนกวางจู เวิลด์คัพ สเตเดียม พวกเขายันกระทิงดุอยู่ในเวลาตลอดเวลา 120 นาที และจบลงที่ 0-0 ท่ามกลางข้อครหาถึงความไม่ยุติธรรมที่ผู้ตัดสิน ที่ไม่เป่าเป็นประตูให้ทีมจากยุโรป แม้จะยิงเข้าไปอย่างขาวสะอาดไปแล้ว 2 ประตู ก่อนจะต้องมาตัดสินหาผู้ชนะเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายจากการดวลจุดโทษ และเป็น ฮวาง ซุน ฮอง, พาร์ค จี ซอง, โซล คี เฮือน, อาห์น จุง วาน และ ฮอง เมียง โบ สังหารไม่พลาดแม้แต่คนเดียว ส่วนสเปนมีเฟอร์นานโด เอียร์โร และรูเบน บาราฆา และชาบี เอร์นานเดซ ยิงเข้าไป ทว่าโจอาควิน ซานเชส คนชี้ชะตากลับยิงไม่เข้า ทำให้เกาหลีใต้เอาชนะไปด้วยสกอร์ 5-3 กลายเป็นทีมจากเอเชียชาติแรกที่ทะลุถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายจวบจนปัจจุบัน

 

แมตช์แย่ที่สุด : แพ้อัลจีเรีย 2-4 ฟุตบอลโลก 2014

แม้เกาหลีใต้ภายใต้การคุมทีมของฮอง เมียง โบ จะประเดิมการแข่งขันฟุตบอลโลกบนแผ่นดินบราซิลด้วยการเก็บ 1 คะแนนจากการเสมอรัสเซีย 1-1 ทว่าในแมตช์ถัดมาที่เจอกันอัลจีเรีย ที่ดูชื่อชั้นและขนาดผู้เล่นดูไม่เป็นรองกัน พวกเขากลับเสียท่าโดนทีมอันดับ 22 ในฟีฟ่าแรงกิ้งยุคนั้นเป็นฝ่ายเอาชนะไปอย่างน่าเจ็บใจ 4-2 ทำให้สถานการณ์จากที่เคยมีลุ้นผ่านเข้ารอบกลายเป็นต้องลุ้นเหนื่อยแทน นั่นเป็นเพราะนัดสุดท้ายทีมโสมขาวมีโปรแกรมดวลกับเบลเยียม ที่ล้วนมีแต่นักเตะระดับท็อป ซึ่งขอเพียงแค่ไม่แพ้ ทีมปีศาจแดงแห่งยุโรปจะการันตีพื้นที่แชมป์กลุ่มแน่นอน ในขณะที่เงื่อนไขของเกาหลีใต้คือจำเป็นจะต้องชนะเท่านั้น ซึ่งสุดท้ายก็เป็นเบลเยี่ยมที่เฉือนชนะไป 1-0 ในขณะที่อีกคู่อัลจีเรียเสมอกับรัสเซีย ทำให้ทีมจากแอฟริกากลายเป็นชาติที่สองที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนโสมขาวช้ำใจจบด้วยอันดับบ๊วยของกลุ่มไปตามระเบียบ