เอเชีย ฟุตบอลทีมชาติ

ก่อนลุยรัสเซีย: 6 ที่สุดผลงานออสเตรเลียในเวทีฟุตบอลโลก

 

พลพรรคจิงโจ้เป็นอีกหนึ่งขาประจำที่ทะลุเข้ามาเล่นในเวิลด์คัพรอบสุดท้ายต่อเนื่อง โดยในรอบสุดท้ายที่รัสเซียนี้คือครั้งที่ 5 ทีมพวกเขาผ่านเข้ามาเล่นได้ อย่างไรก็ดี ออสซีแบ่งการผ่านเข้ามาเล่นในฐานะตัวแทนของโซนโอเชียเนีย ปี 1974 และ 2006 ส่วนปี 2010, 2014 รวมถึง 2018 เป็นการเข้ามาเล่นจากตัวแทนทวีปเอเชีย โดยในแต่ละครั้ง ทัพซอคเกอร์รูส์ทำผลงานโดดเด่น-ล้มเหลวสลับไปตามคู่แข่งที่เผชิญหน้า และนี่คือผลงานก่อนหน้าของออสเตรเลีย ก่อนจะมีโอกาสลงเผชิญหน้ากับคู่แข่งในกลุ่มซี ของปี 2018 ที่มีฝรั่งเศส, เดนมาร์ก และเปรู เป็นคู่ต่อกร

เลื่อนลูกศรทางขวาเพื่ออ่าน

 

ผลงานดีที่สุด : ฟุตบอลโลก ปี 2006

หลังจากที่ห่างหายในเวทีเวิลด์คัพถึง 7 ครั้ง ออสซีกลับเข้ามาเล่นในทัวร์นาเมนต์รอบสุดท้ายอีกครั้งที่เยอรมันในปี 2006 แถมทีมชุดนี้ของ กุสต์ ฮิดดิงส์ พร้อมไปด้วยแกนหลักที่อยู่ค้าแข้งในยุโรปครบครัน อาทิ แฮร์รี คีลล์, ทีม เคฮิลล์, ลูคัส นีลล์ รวมถึง มาร์ค วิดูก้า ช่วยกันพาทีมจิงโจ้เดินหน้าคว้า 4 คะแนน ชนะ 1 เสมอ 1 และแพ้ 1 จากผลงานชนะญี่ปุ่น 3-1, พ่ายบราซิล 0-2 และเสมอโครเอเชีย 2-2 ดีพอที่จะผ่านสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นหนแรก จากผลงานรั้งอันดับ 2 ของกลุ่มเอฟ ก่อนจะไปพ่ายอิตาลี แชมป์โลกปีนั้นในรอบต่อมา 0-1 ถือเป็นการทะลุสู่รอบน็อคเอาท์ครั้งแรกในประวัติศ่าสตร์จวบจนปัจจุบัน

 

ผลงานแย่ที่สุด : ฟุตบอลโลก ปี 2014

เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ออสเตรเลียคว้าสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลโลกชนิดที่มีขุมกำลังเพียบพร้อมไปด้วยประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็น ไมล์ เยดินัค, ทิม เคฮิลล์ สลับกับผู้เล่นดาวรุ่งรอวันเฉิดฉายทั้ง แมทธิว เลคกี้, แมท ไรอัน ภายใต้การคุมทีมของ อันเก ปอสเตโคกลู เฮดโค้ชลูกครึ่งออสซี-กรีซ ทว่าตลอดการแข่งขัน 3 นัดในกลุ่มบี ที่มีฮอลแลนด์, ชิลี และ สเปน เป็นเพื่อนร่วมสาย พลพรรคจิงโจ้ไม่อาจต้านความแกร่งของทั้งสามชาติได้ จากฟอร์มบู่ที่พ่ายรวดทั้ง 3 เกม ยิงได้ 3 ลูก และเสียมากถึง 9 ประตู รั้งบ๊วยของกลุ่มแบบไม่มีอะไรให้ลุ้น แถมยังถูกจัดอันดับหลังจบทัวร์นาเมนต์ที่ 30 จากทั้งหมด 32 ทีม

 

แข้งฟอร์มเด่นที่สุด : ทิม เคฮิลล์

อดีตแนวรุกเอฟเวอร์ตันจารึกเป็นผู้เล่นทีมชาติออสเตรเลียที่มีชื่อติดทีมชาติลุยฟุตบอลโลกมากที่สุดเป็นสมัยที่ 4 หลังจากที่ถูกเบิร์ต ฟาน มาไวค์ เรียกติดทีมในปี 2018 ภายหลังที่เขาเคยมีชื่อติดทีมมาแล้วเมื่อปี 2006, 2010 และ 2014 และตลอดโอกาส 8 แมตช์ก่อนหน้านี้ เจ้าตัวทำไปแล้วถึง 5 ประตูด้วยกัน เป็นแข้งที่ยิงได้มากสุดในฟุตบอลโลกในนามออสเตรเลีย ซึ่งดาวยิงวัย 38 ปีก็ยังคงมีโอกาสเพิ่มสถิติลงเล่น ตลอดจนทำประตูในทัวร์นาเมนต์รอบสุดท้ายต่อไปอีก หากเขาถูกเลือกเป็นกองหน้ารอจบสกอร์ใส่คู่แข่งเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา

 

แข้งฟอร์มดับที่สุด : กองหลังออสเตรเลีย ชุดฟุตบอลโลก ปี 2014

อันที่จริง ออสเตรเลียเคยทำสถิติไม่ชนะใครเลยในฟุตบอลโลกหนแรกเมื่อปี 1974 ทว่าในครั้งนั้นพวกเขาไม่โดนกระหน่ำประตูเท่ากับปี 2014 บนแผ่นดินบราซิล (ปี 1974 ยิงไม่ได้ และเสีย 5 ประตูจาก 3 แมตช์) ส่วนปี 2014 แม้จะยิงได้ 3 ลูก ทว่ากลับโดนคู่แข่งยิงมากถึง 9 ประตู จากการเล่น 3 เกม เป็นสถิติเสียมากที่สุดของรอบแบ่งกลุ่มในตอนนั้น ซึ่งความล้มเหลวหนนี้ส่วนหนึ่งมาจากแผงเกมรับที่มีผู้เล่นกำลังหลักอย่าง อิวาน ฟรานยิช, เจสัน เดวิดสัน, แมทธิว สปิราโนวิช, ไรอัน แมคโกเวิร์น, อเล็กซ์ วิลกินสัน รวมถึงแมท ไรอัน ที่ไม่อาจต้านเกมรุกของคู่แข่งได้ พวกเขาเสียประตูต่อเกมมากกว่า 2 ลูกทั้งสิ้น

 

แมตช์ประทับใจที่สุด : ชนะทีมชาติญี่ปุ่น 3-1 ฟุตบอลโลก ปี 2006

นอกจากจะคัมแบ็คมาเล่นในฟุตบอลโลกรอบกว่า 30 ปี ออสเตรเลียยังประเดิมการกลับมาอย่างสวยหรูในเกมประเดิมสนามกลุ่ม เอฟ ที่มีคิวดวลกับทีมชาติญี่ปุ่น และแม้ในเกมนี้ทีมจากโอเชียเนียจะโดนยิงนำไปก่อนจาก ชุนสุเกะ นาคามูระ ตั้งแต่ต้นเกมนาทีที่ 26 ทว่าพวกเขากลับมาฮึดแซงท้ายเกม 3 ประตูรวด จาก ทิม เคฮิลล์ ทำสองประตูนาทีที่ 84 และ 89 ส่วนอีกคนที่ทำประตูตอกย้ำชัยคือ จอห์น อลอยซี ที่ยิงในนาทีที่ 90+2 ประเดิม 3 คะแนนจากผลชนะ 3-1

 

แมตช์แย่ที่สุด : เสมอทีมชาติโครเอเชีย 2-2 ฟุตบอลโลก ปี 2006

นี่ถือเป็นเกมที่น่าผิดหวังของออสเตรเลียอยู่ในน้อย เพราะนอกจากผลการแข่งขันจะไม่เป็นใจหลักจบผลเสมอทีมตราหมากรุก ในแมตช์นี้ยังมีเหตุการณ์ประหลาดช่วงทดเจ็บของครึ่งหลัง เพราะเกรแฮม โพล ผู้ตัดสินชาวอังกฤษแจกใบเหลืองใบที่สองให้โจซิป ซิมูนิค ไปแล้ว และต้องเป็นใบแดงออกจากสนาม ทว่าเขากลับให้กองหลังแฮร์ธา เบอร์ลินรายนี้อยู่สนามต่อ ก่อนจะตัดสินใจแจกใบเหลืองที่สามให้เจ้าตัว และไล่ให้ออกจากสนามในภายหลัง ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจในการทำหน้าที่กับแฟนบอลทั่วโลกมาจนปัจจุบัน

นอกจากนี้ ในเกมดังกล่าว ยังถือเป็นแมตช์แรกที่มีนักเตะออสเตรเลียได้ใบแดงในฟุตบอลโลก หลังแบรด เอเมอร์ตัน โดนใบเหลืองที่สองไล่ออกจากสนามนาทีที่ 87