เอเชีย ฟุตบอลญี่ปุ่น

ตามรอยสามทหารเสือ : 5แข้งไทยที่ควรไปค้าแข้งเจลีกปีหน้า

หลังจากที่ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นนักเตะไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้เล่นในเจลีกเมื่อฤดูกาล 2017 ในซีซั่นต่อมาแฟนบอลได้เห็นสองยอดนักเตะของไทยอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา และ ธีราทร บุญมาทัน ตามรอยไปค้าแข้งแดนซามูไรด้วย ซึ่งทั้งสามคนทำผลงานได้น่าพอใจ จนแสดงให้เห็นว่านักเตะจากไทยมีดีพอที่จะเล่นในลีกที่แข็งแกร่งเบอร์ต้นๆของทวีปเอเชียอย่างเจลีกได้ ทำให้เชื่อว่าในปีต่อไปเราน่าที่จะได้เห็นนักเตะจากไทยไปค้าแข้งในดินแดนอาทิตย์อุทัยเพิ่มขึ้นอีก และนี่คือ 5 นักเตะไทยที่ควรไปเจลีกปีหน้า

 

กดลูกศรทางด้านขวาเพื่อร่วมติดตามไปกับเรา

ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์

ทายาทของอดีตนักเตะทีมชาติไทยอย่าง ไพโรจน์ พ่วงจันทร์ อดีตเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจอมโหดของทหารอากาศ และทีมชาติไทย ที่ซึบซับดีเอ็นเอลูกหนังตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับทีมโรงเรียนกีฬากรุงเทพ และย้ายไปอยู่กับโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ติดทีมนักเรียนไทยอายุไม่เกิน 15 ปี จนฟอร์มไปเข้าตา เมืองทอง ยูไนเต็ด ดึงไปร่วมทัพ ตั้งแต่วัย 17 ปี ก่อนปล่อยไปให้ สุพรรณบุรี เอฟซี ยืมตัวไปใช้งาน และสร้างชื่อในการเล่นให้ทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี และถูกดึงตัวกลับมาอยู่กับเมืองทอง

ซึ่งเป็นช่วงที่เขาติดทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ และคว้าแชมป์ได้2 ในปี 2013 และ 2015  แต่หลังจากนั้นเหมือนชีวิตของนิว จะไม่ได้ราบรื่นเมื่อเจออาการบาดเจ็บหนักเล่นงานจนต้องหยุดพักไปนาน และเสียตำแหน่งตัวจริงในทีม จนต้องย้ายไปอยู่กับ เชียงราย ยูไนเต็ด ในเลกที่สอง แต่ครึ่งซีซั่นแรกฟอร์มยังไม่เปรี้ยงมากนัก

แต่ในปี 2017 เขาปรับตัวเข้ากับทีม และกลายเป็นกำลังหลักสำคัญของสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในฤดูกาลที่ผ่านมา แถมยังได้รับความไว้วางใจในการสวมบทกัปตันทีมด้วย และเมื่อจบฤดูกาลหลังพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอคัพโทรฟี่แรกของสโมสร จนได้โควตาไปเล่นฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เขาก็ช็อคแฟนบอลด้วยการย้ายมาอยู่กับบางกอกกล๊าส เอฟซี ที่ทุ่มเงิน 30 ล้านคว้ามาร่วมทัพ ส่วนในทีมชาติไทย เขากลายเป็นแข้งคนโปรดของ มิโลวาน ราเยวัช ที่มอบหมายตำแหน่งแบบ บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ ให้จากจุดเด่นที่วิ่งขึ้นลงแบบไม่มีหมด และสามารถทำผลงานได้โดดเด่นในหลายๆเกม จนทำให้ มีข่าวว่าทีมจากญี่ปุ่นหลายทีมให้ความสนใจที่จะดึงตัวเขาไปร่วมทีม

ทริสตอง โด

ดาวเตะลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส ที่มีเชื้อสายเวียดนามด้วย เล่นให้กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกันแล้ว หลังจากที่ย้ายจาก บีอีซี เทโรศาสน มาร่วมทัพ ซึ่งแบ็กวัย 24 ปี โชว์ฟอร์มยึดตำแหน่งกราบขวาทั้งในนามสโมสร และทีมชาติไทยชุดใหญ่อย่างเหนียวแน่น ทั้งใน โตโยต้าไทยลีก และ ในศึกเอเอฟซีแชมเปี้ยนส์ลีก แม้จะมีข่าวว่าเขาได้ถอนตัวออกจากทีมชาติไทยเพราะอาการบาดเจ็บ แต่ก็ว่ายังหายกลับมาเป็นตัวหลักให้ทีมกิเลนผยองได้อย่างต่อเนื่อง

จากนั้น โด ได้มีโอกาสร่วมงานกับ มิโลวาน ราเยวัช ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในเกมที่พบกับทีมชาติอิรัก ซึ่งเขามีส่วนร่วมกับ ประตู แต่ในเกมล่าสุดกับทีมชาติจีน กลายเป็นว่าเขาไม่ถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติ ซึ่งในซีซั่นนี้ ทริสตอง โด ถูกจับมาเล่นเป็นตัวรุก และทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ เมื่อยิงประตูได้ติดต่อกัน สำหรับจุดแข็ง นอกจากเกมรับอันแข็งแกร่งตามสไตลส์ฟุตบอลยุโรป แล้วยังสามารถเติมเกมรุกได้ดีไม่แพ้กัน และแม้ว่าเพื่อนร่วมทีมหลายคนจะย้ายออกไปแล้วในฤดูกาลนี้ ไม่แน่ว่าในฤดูกาลหน้า อาจจะถึงคิวของเขาที่จะได้ไปผจญภัยในลีกที่แข็งแกร่งอย่าง เจลีก ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็มีข่าวกับคอนซาโดเล ซัปโปโร ทีมของชนาธิป สรงกระสินธ์มาบ้าง

 

สุภโชค สารชาติ

ผลผลิตที่ออกดอกออกผลได้อย่างน่าพอใจของอคาเดมี่ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ดาวเตะที่พวกเขาได้ตัวมาจากการเฟ้นหานักเตะเยาวชนฝีเท้าดีจากทั่วประเทศ โดยสุภโชค สารชาติ ที่เริ่มเล่นฟุตบอลด้วยใจรักตั้งแต่วัย 9 ขวบก่อนที่จะพัฒนาฝีเท้า และไปคัดตัวกับอคาเดมี่ของสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เขาแบกอายุรุ่นพี่ถึง 3 ปี เพราะว่าลงคัดเลือกในอายุ 16 ปี แต่ตอนนั้นเพิ่งจะอายุแค่ 13 ปีเท่านั้นแต่ยังสามารถเอาชนะใจสต๊าฟฟ์โค้ชและถูกเรียกตัวเข้ามาอยู่กับทีม

เขาเริ่มต้นด้วยการพาทีมอคาเดมี่รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี คว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษา ถ้วย ข. ต่อด้วย ในรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ที่คว้ารองแชมป์กรมพลศึกษา ถ้วย ก. , อันดับ 3 ฟุตบอลไพรมินิสเตอร์ ในรอบชิงแชมป์ประเทศไทย รวมถึงยังอยู่ในชุดรองแชมป์โค้กคัพฯ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี เมื่อปี 2015-2016 รุ่นเดียวกับ เชาว์วัตน์ วีระชาติ , สิทธิโชค กันหนู และ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ขณะเดียวกันระหว่างนั้น สุภโชค ในวัยเพียง 16 ปี ยังเทิร์นโปรสู่ฟุตบอลอาชีพเป็นที่เรียบร้อย เมื่อถูก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ส่งตัวไปเก็บสกิลลูกหนังกับ สุรินทร์ ซิตี้ ในดิวิชั่น 2 โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อปี 2015

ด้วยฝีเท้าที่เก่งเกินวัย ทำให้เขาอยู่ได้เพียงเลกเดียว ก่อนที่จะถูก ปราสาทสายฟ้า ดึงตัวกลับมาในเลกสอง และถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต จากนั้นชื่อของ สุภโชค เริ่มถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการลงเล่นโตโยต้า ไทยลีก และ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ตั้งแต่อายุไม่ถึง 18 ปี รวมถึงยังติดทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี และตอนนี้เขาถูกเรียกไปติดทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว แน่นอนว่าฝีเท้าของเขายังพัฒนาไปได้อีกไกล และหากได้ไปเล่นในลีกที่แข็งแกร่งอย่างเจลีก คงเป็นการยกระดับของเจ้าตัวขึ้นอีกอย่างไม่ต้องสงสัย

ศศลักษณ์ ไหประโคน

ดาวเตะของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ อันที่จริงเขาเคยไปคัดตัวกับทีมดังในเจลีกอย่าง เอฟซี โตเกียว มาแล้วพร้อมกับ จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ เพื่อนร่วมทีม แบงค็อก ยูไนเต็ด ในตอนนั้นแต่ว่าสุดท้ายไม่ได้ไปเล่นในญี่ปุ่น แต่ทีมพันธมิตรของแข้งเทพ เลือกเอาเพื่อนของเขาอย่างจักรกฤษณ์ ไปร่วมทีมแทน และได้ลงเล่นในชุดอายุไม่เกิน 23ปีที่ส่งลงเล่นในระดับ เจลีก 3 ตัดกลับมาที่ ศศลักษณ์ ไหประโคน ดาวเตะที่เกิดที่อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นลูกชายคนกลาง ของพ่อกับแม่ที่ประกอบอาชีพก่อสร้างด้วยกันทั้งคู่ โดยมีพี่คนโต และน้องคนสุดท้องเป็นผู้หญิง เขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ยังเด็กๆ แต่เริ่มมาเอาจริงเอาจังตอนอายุ 11 ขวบ หรือตอนจบ ป.6 ก่อนไปคัดตัวเข้าเรียนชั้น ม.1 ของโรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม ด้วยโควต้านักกีฬา ก่อนที่จะเข้ามาคัดตัวกับอัสสัมชัญ ศรีราชา ทีมมหาอำนาจลูกหนังขาสั้น ในตอนนั้นแต่ก็ต้องผิดหวังรวมไปถึงอคาเดมี่ของ ชลบุรี เอฟซี แต่ก็ยังได้เข้าเรียนที่ สุรศักดิ์มนตรี และฟอร์มไปเข้าตาธวัชชัย ดำรองอ่องตระกูล ที่ตอนนั้นคุมทีมแบงค็อก ยูไนเต็ด เลยถูกดึงเข้าไปร่วมทีม แม้ว่าโค้ชวังจะแยกทางไป แต่เขายังอยู่กับทีม ภายใต้การนำทัพของมาโน่ โพลกิ้ง แต่ก็ไม่ได้รับโอกาสลงเล่นชุดใหญ่อย่างต่อเนื่อง

ดาวเตะสารพัดประโยชน์ได้รับโอกาสจากทีมบ้านเกิดที่ตอนแรกขอยืมตัวไปร่วมทัพ ก่อนจะ ตัดสินใจซื้อขาดหลังมองเห็นอนาคตที่เป็นไปได้ ในเส้นทางลูกหนังในซีซั่นนี้  ศศลักษณ์ ยึดตำแหน่งตัวจริงทางกราบขวาได้อย่างต่อเนื่อง จนถูกเรียกไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ และได้ลงสนามในฐานะตัวสำรองถือว่าเป็นเกมแรกในนามทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติจีน ด้วยความมุ่งมั่น และอายุที่ยังน้อยไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีโอกาสได้กลับไปแก้ตัวที่ญี่ปุ่นอีกครั้งในเร็ววันนี้

เควิน ดีรมรัมย์

แบ็กซ้ายวัย 20 ปี ลูกครึ่งไทย สวีเดน ที่มีดีกรีเคยไปติดทีมชาติสวีเดนชุดเยาวชนมาแล้ว ในรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี และ 19 ปี ย้ายมาเล่นในไทยกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ซึ่งในตอนแรกเขายังไม่ได้โอกาสลงสนามเนื่องจากติดปัญหาการเคลียร์เอกสารให้ลงตัว แต่เมื่อถูกส่งลงสนาม ดาวเตะวัยแค่ 20 ปี ก็โชว์ฟอร์มสุดยอดออกมาอวดสายตาแฟนบอลทันที

ด้วยการเล่นตำแหน่งแบ็กซ้ายที่มีจุดเด่นในการเติมเกมรุก และเปิดบอลจากด้านข้างได้ดี ทำให้เขาถูกเรียกไปติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และได้ลงนามเป็นตัวจริงในเกมแรกในยุคของ มิโลวาน ราเยวัช ในเกมอุ่นเครื่องกับอุซเบกิสถานทันที แม้ว่าเพิ่งจะอายุ 20 ปีเต็ม แต่เขาคือนักเตะที่ว่ากันว่าค่าตัวของเขาสูงถึง 40 ล้านบาทตอนที่ย้ายจาก ราชบุรี มิตรผล เอฟซี มาอยู่กับ การท่าเรือในฤดูกาลนี้

โดยดาวเตะลูกครึ่งไทย-สวีเดน ที่ไปเติบโตที่ สต็อกโฮล์ม มีพ่อเป็นชาวสวีดิช ส่วนแม่เป็นคนไทย ซึ่งเขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 10 ปีกับ ไอเอฟเค เฮนิงเง ทีมที่อยู่ใกล้ๆกับบ้านพักของเขาก่อนที่ฟอร์มจะไปเข้าตา เยอร์การ์เดนส์ ทีมโปรดของพ่อทำให้ได้เซ็นสัญญาแบบที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก จนได้ไปทดสอบฝีเท้ากับ เบรเมน และ โรมา ก่อนที่จะเลือกซบทีมนกนางนวล แห่งบุนเดสลีก้า เยอรมัน และได้เล่นกับทีมชุดอายุไม่เกิน 19 ปี แต่เลือกตัดสินใจย้ายมาอยู่กับ ราชบุรี มิตรผล และได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ ผลงานก็ดี จนถูก มิโลวาน ราเยวัช เรียกตัวไปติดทีมชาติไทย เกมแรก ที่บุกไปอุ่นเครื่องกับ อุซเบกิสถาน  

เขาถูกเรียกติดทีมชุดคว้าแชมป์ซีเกมส์ที่ประเทศมาเลเซีย ในตอนนี้เขาเป็นกำลังหลักของ การท่าเรือ ซึ่งจากประสบการณ์ในการเล่นที่สวีเดน และในเยอรมันระยะสั้นๆบวกกับอายุที่ยังน้อย ทำให้ยังสามารถพัฒนาไปได้อีกไกล เขาไม่น่าจะมีปัญหาหากจะปรับตัวไปเล่นในเจลีก อยู่ที่ว่าจังหวะและโอกาสจะเหมาะสมหรือไม่เท่านั้น