ฟุตบอลไทย ทีมชาติไทย

FIVE SWEET SPOTS:5 ประเด็นน่าสนใจหลังเกมช้างศึกโดนทีมชาติจีนบุกเผาเครื่อง

ทีมชาติไทย ภายใต้การนำทัพของ มิโลวาน ราเยวัช อุ่นเครื่องพ่ายให้กับทีมชาติจีนด้วยสกอร์ 0-2 จากการเหมาทำประตูคนเดียวของ หวู่เล่ย ต่อหน้าแฟนบอลที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในเกมที่ฝนตกลงมาถล่มอย่างหนักจนการคิกออฟครึ่งหลังจำต้องเลื่อนออกไปและนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจหลังเกมนี้

กดลูกศรทางด้านขวาเพื่อร่วมติดตามไปกับเรา

11 ตัวแรกแทบจะเป็นหน้าเดิม

หลังจากที่ มิโลวาน ราเยวัช เข้ามาคุมทีมชาติไทยได้ประมาณ 1 ปีกว่าๆ ดูเหมือนว่าเฮดโค้ชชาวเซอร์เบียจะมีนักเตะแกนหลักอยู่ในใจ ในหลายตำแหน่ง และในเกมนี้เขาส่ง 11 ผู้เล่นตัวจริงที่แตกต่างจากเกมล่าสุดที่พบกับ สโลวาเกีย ในฟุตบอลคิงส์คัพ นัดชิงชนะเลิศแตกต่างไปแค่ 2 ตำแหน่งเท่านั้น เมื่อไม่มี ธีราทร บุญมาทัน ในทีม และดรอป ฟิลิป โรลเลอร์ ออกมาเป็นตัวสำรอง โดยส่ง สรรวัชญ์ เดชมิตร ลงมาเล่นกองกลางแทน และใช้อดิศร พรหมรักษ์ ในตำแหน่งแบ็กขวาแทน ถือว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงที่มีค่อนข้างน้อย และเรามักจะเห็นผู้เล่นชุดนี้ลงสนามเป็นประจำแม้ว่าจะมีการเรียกผู้เล่นหน้าใหม่ๆเข้ามาเป็นระยะก็ตาม ส่วนใหญ่มักจะได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวสำรองซึ่งผู้เล่นเหล่านั้นต้องคว้าโอกาสให้ได้

ใช้เกมอุ่นเครื่องให้เป็นประโยชน์ที่สุด

แม้ว่าความพ่ายแพ้ จะขัดใจแฟนบอลหลายคน แต่หากมองให้ลึกลงไปในรายละเอียดถือว่าทีมชาติไทย ใช้เกมอุ่นเครื่องได้คุ้มค่ามากๆ เกมหนึ่ง โดยพวกเขาได้เล่นกับทีมที่มีแรงกิ้งสูงกว่าถึง 49 อันดับ ในบ้านของตัวเอง โดยที่นักเตะที่อยู่ในระหว่างกำลังเล่นให้กับสโมสรไม่ต้องเสียแรงเวลาในการเดินทาง และ มิโลวาน ราเยวัช ยังส่งผู้เล่นตัวสำรอง ที่ตัวเองยังไม่เคยใช้งานมาก่อนอย่าง สารัช อยู่เย็น ที่กลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง รวมไปถึง ศศลักษณ์ ไหประโคน ได้ลงเปิดซิงในนามทีมชาติเกมแรก นอกจากนี้ การเล่นกับทีมที่แข็งแกร่งกว่า ถือว่าเป็นการเตรียมตัวชั้นดีก่อนที่ไทยจะต้องไปเจอศึกหนักในศึกเอเชี่ยนคัพในช่วงต้นปีหน้า เพื่อที่จะได้รู้จุดอ่อนของตัวเอง ก่อนที่จะต้องเจอกับทีมที่อยู่ในแนวหน้าของทวีป โดยเฉพาะเกมรับที่ยังมีความผิดพลาดให้เห็น กับเกมรุกที่ยังขาดความเฉียบคมเมื่อเจอกับทีมในระดับที่เหนือกว่าสิ่งเหล่านี้คือการบ้านที่ ราเยวัช และทีมงานได้รับจากเกมนี้

แก้ไขปัญหาเรื่องการจบสกอร์

ในเกมกับทีมชาติจีน ทีมไทยสามารถสร้างโอกาสในการจบสกอร์ได้ไม่น้อยกว่าทีมเยือน แต่เรื่องความเฉียบคมยังคงเป็นรองอย่างเห็นได้ชัดสิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือตำแหน่งผู้เล่นในแดนหน้าคนที่จะมาทำประตูให้ทีม มีเพียงแค่ธีรศิลป์ แดงดา เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไว้ใจได้ หากว่าวันไหนศูนย์หน้าจาก ซานเฟรชเซ ฮิโรชิมา งัดฟอร์มเก่งไม่ออก หรือว่าถูกประกบตายจนทำอะไรไม่ได้ โดยในเกมนี้ตัวเลขบอกว่าทีมชาติไทย สถิติเหนือกว่าจีนทุกอย่าง โดยเฉพาะการจบสกอร์ ที่ทำได้ถึง 14 ครั้ง ตรงกรอบ 3 ครั้ง แต่ไม่มีประตู ส่วนทีมชาติจีนยิงไปทั้งหมด 10 ครั้งตรงกรอบ 3 ครั้งได้ 2 ประตู นี่คือความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าสถิติในด้านอื่นๆพวกเขาจะเป็นรองทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นการครองบอล ความแม่นยำในการจ่ายบอล หรือว่าการเอาชนะในการดวลตัวต่อตัว แต่ที่สุดแล้วฟุตบอลวัดผลแพ้ชนะกันด้วยการยิงประตู เพราะฉะนั้นนี่คือโจทย์ใหญ่ที่กุนซือชาวเซอร์เบียต้องแก้โดยด่วน

ขาดตัวพลิกเกม

ทีมชาติไทยในยุคของ มิโลวาน ราเยวัช ยังขาดตัวสำรองที่สามารถลงมาเปลี่ยนแปลงรูปโฉมของเกมได้ โดยที่มีผลงานอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ที่ผ่านมาในการคุมทีมของเขา ยังไม่เคยมีเกมไหนที่ ทีมชาติไทยพลิกสถานการณ์จากที่ตกเป็นรองก่อน แล้วกลับมาเอาชนะ คู่แข่งหรือแม้แต่เสมอได้ โดยตัวสำรองที่ส่งลงมา 6 คนในวันนี้ อาทิ นูรูล ศรียาเก็ม และสารัช อยู่เย็น ถือว่าช่วยให้รูปเกมดูดีขึ้น แต่ยังไม่ดีพอที่จะทำให้ทีมกลับมาตามตีเสมอหรือพลิกสถานการณ์ได้พูดได้ว่า กุนซือชาวเซอร์เซียและทีมงานยังต้องหาไพ่เด็ดเอาไว้พลิกสถานกาณ์กันต่อไป

การแข่งขันเพื่อเป็น 1 ใน 23 ไป UAE ยังเปิดกว้าง

นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงกุนซือทีมชาติไทยมาเป็น มิโลวาน ราเยวัช ถือว่าโอกาสในการที่จะเรียกนักเตะมาติดทีมชาติไทยเปิดกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะระยะเวลา 1 ปีกว่าที่กุนซือชาวเซอร์เบียเข้ามากุมบังเหียนทีมชาติไทย เขาได้เรียกนักเตะมาติดทีมชาติกว่า 51 คนแม้ว่าบางคนจะยังไม่ได้โอกาสในการลงมาสัมผัสเกม แต่ก็ได้เข้ามาร่วมฝึกซ้อมกับทีม และมีนักเตะไม่น้อยที่เพิ่งจะมีชื่อติดทีมชาติเป็นครั้งแรกในยุคของเขา ซึ่งในต้นปีหน้า ทีมชาติไทยจะมีทัวร์นาเม้นท์ใหญ่อย่าง เอเชี่ยนคัพ รออยู่ ซึ่งเป็นการรายการที่ช้างศึกไม่สามารถผ่านไปเล่นในรอบสุดท้ายได้ตั้งแต่ปี 2007 ที่เป็นเจ้าภาพร่วม และในเกมกับจีนก็มีแข้งหน้าใหม่ที่ถูกเรียกมาติดทีม และได้ลงสนามอย่าง ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีสร้างความประทับใจให้กับกองเชียร์ได้พอสมควร  ซึ่งการตัดตัวน่าจะเข้มข้นขึ้นไปอีก เพราะมีรายการ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ มาคั่นซึ่ง ราเยวัช ประกาศว่าจะไม่ใช้ 3 แข้งเจลีกลงเล่น ทำให้เป็นอีกโอกาสที่หลายคนจะได้เล่นก่อนที่จะตัดตัวเอเชี่ยนคัพ นับถึงตรงนี้ยังพอมีเวลาอีกไม่น้อยให้นักเตะในทีมชาติทั้งหมด รวมถึงคนที่ไม่เคยติดเลยแม้แต่ครั้งเดียวเร่งฟอร์มของตัวเองขึ้นมาก่อนที่จะมีการประกาศรายชื่อ 23 คนสุดท้ายที่จะขึ้นเครื่องบินไปยูเออีเพื่อลงเล่นรายการสำคัญนี้