เอเชีย ฟุตบอลญี่ปุ่น

ก่อนถึงอิเนียสตา : 12 แข้งเวิลด์คลาสโชว์ฝีเท้าเจลีก

 

หลายสโมสรในทวีปเอเชียล้วนเลือกใช้งานผู้เล่นต่างชาติเข้ามาเป็นกำลังหลักช่วยสานความสำเร็จของสโมสรแบบไม่น้อยหน้ากัน ซึ่งฟุตบอลเจลีกของญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่งลีกที่หลายสโมสรเลือกอิมพอร์ตนักเตะต่างชาติเข้ามาเสริมทัพ อย่างรายล่าสุดที่โยกมาเล่นในดินแดนอาทิตย์อุทัยคือ อันเดรส อิเนียสตา อดีตจอมทัพบาร์เซโลนาที่มาอยู่กับวิสเซิล โกเบ

อย่างไรก็ดี ดีลของแข้งทีมชาติสเปนไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับสโมสรในญี่ปุ่น เพราะย้อนหลังไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เจลีกยุคแรกเริ่ม ก็เคยทำการตลาดลักษณะนี้มาแล้ว ซึ่งมีทั้งประสบความสำเร็จกับล้มเหลวปะปนกันไป และนี่คือ 12 แข้งดังที่ (เคย) มีโอกาสโยกมาเล่นในลีกสูงสุดของญี่ปุ่น

เลื่อนลูกศรไปทางขวามือเพื่ออ่าน

 

เบเบโต – คาชิมา อันท์เลอร์ส

อดีตกองหน้าทีมชาติบราซิล เจ้าของท่าดีใจต้นตำรับอย่าง “กล่อมลูก” ย้ายมาหาความท้าทายใหม่ในช่วงบั้นปลายชีวิตค้าแข้งที่ญี่ปุ่นกับคาชิมา อันท์เลอร์ส เมื่อปี 2000 จากการชักชวนของ โตนินโญ่ เซเรโซ เทรนเนอร์เพื่อนร่วมชาติในช่วงนั้น

อย่างไรก็ตาม จากการที่วงการลีกสูงสุดแดนซามูไรบลูยกระดับมากขึ้นกว่ายุคตั้งไข่เมื่อช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ส่งผลให้ดาวยิงแซมบ้า ที่ขณะนั้นอายุ 36 ปี ล้มเหลวกับการลงเล่นให้กวางเขาเหล็ก ไม่สามารถทำผลงานได้ดีอย่างที่คาด ก่อนยกเลิกสัญญาย้ายกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดกับวิทตอเรีย ทั้งที่ย้ายมาร่วมทีมได้เพียงแค่ 4 เดือน โดยฝากผลงาน 1 ประตู จากการลงสนาม 8 เกม เท่านั้น

 

เฟรดริก ลุงเบิร์ก – ชิมิสุ เอสพัลส์

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2011 ทีมดังแห่งจังหวัดชิสุโอะกะ สร้างความฮือฮาด้วยการเซ็นสัญญาคว้าอดีตแนวรุกอาร์เซนอลมาร่วมทีมลุยศึกเจลีก เลกสอง ของปีดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ภายใต้สีเสื้อของเอสพัลส์ อดีตปีกทีมชาติสวีเดนมีโอกาสลงสนามช่วยทีมเพียง 8 เกมเท่านั้น ก่อนจะแยกทางกับทีมในเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดมา ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าอาจโยกมาค้าแข้งในเมืองไทยกับทีมระดับท็อป จนแล้วจนรอดเจ้าตัวกลับเลือกตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2012

 

ฮริสโต สตอยคอฟ – คาชิวา เรย์โซล

อดีตศูนย์หน้าผู้ที่เคยพาบาร์เซโลนา กวาดแชมป์ลาลีกา มากถึง 5 สมัย ย้ายจากอัล นัสรทีมในซาอุดิอาระเบีย มาร่วมทีมเจ้าของฉายา “เจ้าชายสุริยะ” เมื่อปี 1998

ด้วยวัย 32 ปี อดีตกองหน้าที่เคยคว้ารางวัลฟีฟ่า บัลลง ดอร์ ปี 1994 อาศัยประสบการณ์ผ่านเวทีระดับท็อปของโลกมาช่วยคาชิวาได้ดีในระดับหนึ่ง และมีโอกาสลงเล่นให้ทีมเป็นระยะเวลาถึง 2 ฤดูกาล ฝากสถิติลงเล่นไปทั้งสิ้น 27 นัด กับอีก 12 ประตูด้วยกัน

 

ไมเคิล เลาดรูป – วิสเซิล โกเบ

กัปตันทีมชาติเดนมาร์ก ตัดสินใจอำลา เรอัล มาดริด มาเล่นให้ วิสเซล โกเบ สโมสรในลีกเจเอสแอล ในช่วงกลางปี 1996 เพื่อเป้าหมายในการพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่เจลีก และเพียงแค่ปีเดียวเจ้าตัวก็พาทีมเลื่อนชั้นได้สำเร็จในฐานะรองแชมป์ แต่เส้นทางอาชีพกับทีมจากโกเบ ก็ไม่นานนัก เมื่อดาวเตะโคนมลงเล่นได้เพียงแค่ 1 ปี ฝากสถิติลงรับใช้ทีม 15 นัด กับอีก 6 ประตู ก่อนหวนกลับไปเล่นฟุตบอลอาชีพในยุโรปอีกครั้งกับ อาแย็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในเอเรดิวิซีลีก

 

แพทริค เอ็มโบมา – กัมบะ โอซากา, โตเกียว เวอร์ดี และวิสเซิล โกเบ

เมื่อไม่มีโอกาสลงสนามให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมงชุดใหญ่ แม้จะเติบโตมากับอคาเดมีของสโมสร ทำให้อดีตศูนย์หน้าเจ้าของสถิติยิงประตูสูงสุดในนามทีมชาติแคเมอรูนที่ 33 ประตู ตัดสินใจบินข้ามทวีปมาค้าแข้งให้กับ “เด็กสายฟ้า” หรือกัมบะ โอซากา เมื่อปี 1997 พร้อมระเบิดฟอร์มในซีซั่นแรกด้วยการทำไปถึง 25 ประตู จากการลงเล่น 28 เกม ก่อนจบซีซั่นด้วยการคว้ารางวัลรองเท้าทองคำ และติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีทันที

ด้วยฝีเท้าที่จัดจ้าน กอปรกับสภาพร่างกายที่ยังดูฟิตสมบูรณ์ เป็นเหตุให้ กายารี รวมถึงปาร์มา ทีมในกัลโช เซเรียอา ตัดสินใจดึงกลับไปเล่นในยุโรปอีกครั้ง ก่อนจะกลับมาเล่นในดินแดนอาทิตย์อุทัยคำรบสองในปี 2003 กับโตเกียว เวอร์ดี้ ฝากสถิติลงเล่นกับทีม 35 นัด ยิง 17 ประตู และตัดสินใจแขวนสตั๊ดกับวิสเซล โกเบ ในปี 2005 พร้อมสถิติลงเล่น 10 เกม ทำได้ 2 ประตู ตามลำดับ

 

ฮัลค์ – คาวาซากิ ฟรอนทาเล, คอนซาโดเล ซัปโปโร และโตเกียว เวอร์ดี

ก่อนจะย้ายมาโดดเด่นบนเวทียุโรป ศูนย์หน้าเลือดแซมบ้ารายนี้เคยผ่านประสบการณ์ค้าแข้งในดินแดนอาทิตย์อุทัยมาเป็นเวลาถึง 3 ปีด้วยกัน

ดาวยิงร่างยักษ์ย้ายจากวิทตอเรีย ในบ้านเกิด มาค้าแข้งในดินแดนอาทิตย์อุทัยกับคาวาซากิ ฟรอนทาเล เมื่อปี 2005 แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จากผลงานลงสนาม 11 เกม ยิงได้ 1 ประตู จนถูกปล่อยให้ต้นสังกัดปัจจุบันของชนาธิป สรงกระสินธ์ยืมไปใช้งานเมื่อปี 2006 ก่อนจะโดดเด่นจากผลงานซัด 26 ประตูจาก 41 เกม รวมถึงทำผลงานร้อนแรงในอีก 1 ปีถัดมากับโตเกียว เวอร์ดี จากสถิติ 42 นัด ยิง 37 ประตู(คว้าดาวซัลโวในปีนี้) ก่อนจะวนเวียนอยู่กับฟรอนทาเล และเวอร์ดี้อีก 1 ปี

กระทั่งมีโอกาสโยกไปเล่นในยุโรปกับ เอฟซี ปอร์โต้ และ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก และปัจจุบันกับการโกยเงินหยวนอยู่ที่สโมสรเซียงไฮ้ เอสไอพีจี ในไชนีส ซูเปอร์ลีก

 

ดิเอโก้ ฟอร์ลัน – เซเรโซ โอซากา

ย้อนไปเมื่อปี 2014 เซเรโซ โอซากา สโมสรในเจลีก ยอมทุ่มค่าเหนื่อยสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่วงการฟุตบอลญี่ปุ่นเคยมีมา ด้วยจำนวนมากถึง 600 ล้านเยน หรือกว่า 180 ล้านบาท เพื่อมัดสัญญาให้อดีตดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยมาค้าแข้งกับทีมเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง

ภายใต้ยูนิฟอร์มจิ้งจอกโอซาก้า อดีตกองหน้าแอตเลติโก้ มาดริด ไม่อาจพาทีมอยู่รอดในเจลีก ฤดูกาล 2014 ได้ หลังจบอันดับรองบ๊วย ทำให้หล่นชั้นไปเล่นในลีกเจทู และมีโอกาสลงเล่นในลีกรองญี่ปุ่นช่วงสั้นๆ ก่อนเก็บกระเป๋าย้ายออกจากทีมช่วงกลางปี 2015 พร้อมจารึกสถิติลงเล่น 42 นัด กับอีก 17 ประตู

 

คาร์ลอส ดุงกา – จูบิโล อิวาตะ

อดีตกัปตันทีมชาติบราซิล ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1994 ทำเซอร์ไพร์สด้วยการเก็บข้าวของย้ายจาก เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท ในเวทีบุนเดสลีกามาเล่นกับ จูบิโล อิวาตะ หลังชูถ้วยแชมป์โลกได้เพียงแค่ปีเดียว

ยอดกองกลางตัวตัดเกมรักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดการค้าแข้ง 4 ปี ในถิ่นยามาฮ่า สเตเดี้ยม ที่สำคัญคือการพาทีมเจ้าของฉายา “นกกางเขน” ผงาดคว้าแชมป์เจลีกได้ในปี 1997 พร้อมทั้งพ่วงตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีอีกรางวัลมาแล้ว พร้อมฝากสถิติลงเล่น99 นัด กับอีก 16 ประตู

 

แกรี ลินิเกอร์ – นาโงยา แกรมปัส

ดาวยิงเลือดผู้ดีเจ้าของรางวัลดาวซัลโวในศึกฟุตบอลโลกปี 1986 ถูกทัพ วาฬเพชฌฆาต ทุ่มเงินจำนวน 2 ล้านปอนด์ ให้กับ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพื่อคว้าตัว ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ มาร่วมทีมด้วยสัญญา 2 ปีครึ่ง พร้อมค่าเหนื่อยสูงราว 300 ล้านเยน หรือราว 90 ล้านบาท

สำหรับผลงานในซีซั่นแรกของเจ้าตัวกลับไม่เป็นดังที่หวังไว้ ลงสนามไป 7 นัด ทำไปได้เพียงแค่ประตูเดียว ขณะที่ฤดูกาลที่ 2 ผลงานก็ยังไม่ดีขึ้นเมื่อลงสนาม 11 นัด ทำไป 3 ประตู ด้วยฟอร์มที่ย่ำแย่ส่งผลให้ ดาวยิงสิงโตคำราม ตัดสินใจยกเลิกสัญญาอีกหนึ่งปีที่ยังเหลือกับทีม ก่อนที่จะประกาศแขวนสตั๊ดในเวลาต่อมา

 

ซิโก – สุมิโตะโมะ เมทัลส์ เอฟซี (คาชิมา อันท์เลอร์ส)

ดาวยิงระดับตำนานของบราซิล เจ้าของฉายา “เปเล่ขาว” ที่แม้จะย้ายมาค้าแข้งในญี่ปุ่น ด้วยวัย38 ปี แต่ก็สร้างความฮือฮาให้กับวงการฟุตบอลแดนซามูไรเป็นอย่างมาก โดยเขาย้ายมาร่วมทีม สุมิโตะโมะ เมทัลส์ เอฟซี (ปัจจุบันคือ คาชิมา อันท์เลอร์ส) สโมสรในลีกเจเอสแอล ดิวิชั่น 2 (เจเอสแอล เป็น ลีกสูงสุดก่อนก่อตั้งเจลีก) พาทีมคว้ารองแชมป์ พร้อมสิทธิ์เข้าร่วมเจลีก ได้สำเร็จ และฝากสถิติลงสนามให้ทีม 45 นัด ยิงได้ถึง 35 ประตู

เหนืออื่นใดคือเจ้าตัวได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก และไม่แปลกใจที่ 8 ปี ต่อมาเจ้าตัวจะได้รับเกียรติให้คุมทัพซามูไรบลู และพาทีมผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมันมาแล้ว

 

ลูคัส โพดอลสกี - วิสเซิล โกเบ

อดีตดาวเตะดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 กับทีมชาติเยอรมัน ตัดสินใจย้ายมาเล่นฟุตบอลอาชีพบนแผ่นดินเอเชียหนแรกกับวิสเซิล โกเบ พร้อมมีชื่อลงเล่นให้ทีมช่วงเลกสองของฤดูกาล 2017 แม้ช่วงแรกโพลดีจะประเดิมลงเล่นให้ทีมจากจังหวัดเฮียวโงะเขาระเบิดฟอร์มซัดสองประตูในเกมประเดิมสนามใส่โอมิยะ อาดิจา แต่หลังจากนั้นอดีตดาวยิงอาร์เซนอลเริ่มมีบทบาทผลิตสกอร์ให้ทีมน้อยลง ท้ายสุดแข้งประสบการณ์สูงก็ช่วยทีมทำอันดับจบแค่กลางตารางเท่านั้น พร้อมฝากสถิติลงเล่น 15 เกมทำ 5 ประตูกับ 1 แอสซิสต์เท่านั้น

ทว่าพอเข้าสู่ฤดูกาล 2018 นี้ ทีมของธีราทรตัดสินใจให้เขาสวมปลอกแขนกัปตันทีมลุ้นอันดับจบซีซันติดโควตาไปเล่นบอลเอเชีย พร้อมมอบโอกาสใหม่ในตำแหน่งแนวรุกตัวปั้นเกมอยู่หลังศูนย์หน้า และกลายเป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุกชนิดที่โดดเด่นกว่าปีก่อนอย่างชัดเจน แต่จากการที่เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเจลีกจะหยุดให้บอลโลก 2018 ทำให้เขามีชื่อลงเล่นอที่ 11 นัดพร้อมการทำ 3 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ในขณะนี้

 

อันเดรส อิเนียสตา - วิสเซิล โกเบ

ถือเป็นดีลฮือฮาของการย้ายทีมมากที่สุดครั้งหนึ่งในวงการลูกหนังโลกและเกมลีกอาชีพญี่ปุ่น เมื่อ วิสเซิล โกเบ ที่มีฮิโรชิ มิคิตานิ เจ้าของสโมสรและเป็นผู้ก่อตั้ง ราคุเต็ง บริษัทอีคอมเมิร์ชยักษ์ใหญ่ และเป็นสปอนเซอร์หลักของบาร์เซโลนา ประกาศเซ็นสัญญาคว้า อันเดรส อิเนียสตา กองกลางทีมชาติสเปนมาเสริมทีมลุยช่วงเลกสองของเจ1ลีก ฤดูกาล 2018 ส่งผลให้ดาวเตะวัย 34 ปีกลายเป็นแข้งเวิลด์คลาสรายล่าสุด ที่จะมีโอกาสโชว์ฝีเท้าในเจลีกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้