ทัวร์นาเมนต์ เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก

5 สิ่งที่น่าจับตาก่อนบุรีรัมย์ เปิดบ้านรับ กว่างโจว ชี้ชะตาเข้ารอบ ACL

วันอังคารที่ 3 เมษายนนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตัวแทนหนึ่งเดียวจากไทย จะเปิดบ้านทำศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก นัดสำคัญกับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ จากไชนีส ซูเปอร์ลีก ซึ่งเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม ซึ่งเกมนัดนี้ถือว่าเป็นเกมสำคัญที่จะสามารถตัดสินโอกาสในการผ่านเข้ารอบต่อไปของทั้งสองทีม และนี่คือ 5 สิ่งที่น่าจับตาในเกมนัดนี้

กด NEXT เพื่อร่วมติดตามไปกับเรา

ความร้อนแรงของดิโอโก

ในตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าดาวยิงที่กำลังมาแรงที่สุดของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในตอนนี้คือ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต กองหน้าชาวบราซิล ที่เพิ่งจะทำสถิติทั้งการยิงประตูต่อเนื่องมากที่สุด 10 เกมติดต่อกัน และสถิติเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ยิงประตูได้ครบ 100 ประตู จากแฮตทริกในเกมกับอุบล ยูเอ็มที แถมยังมาทำอีก 1 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ในเกมที่ช่วยให้ปราสาทสายฟ้าเอาชนะ ชลบุรี เอฟซี ไปอย่างสนุก ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ฟอร์มของอดีตกองหน้าจากโอลิมเปียกอส อยู่ในช่วงที่ร้อนแรงแบบสุดๆ ไม่ต้องประหลาดใจว่าฟอร์มอันสุดยอดของเขาในช่วงนี้จะเป็นกุญแจดอกสำคัญของเจ้าบ้านที่จะมีลุ้นเก็บแต้มจากเกมนี้

สถิติที่ดีในการรับมือทีมจากจีน

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถือว่ามีสถิติที่ยอดเยี่ยมในการลงเล่นกับตัวแทนจากไชนีส ซูเปอร์ลีกในรังของตัวเอง โดยทีมเดียวที่เคยบุกมายัดเยียดความปราชัยให้กับพวกเขาต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองนั้นก็คือ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ในการพบกันเมื่อปี 2012 หลังจากนั้นทีมจากจีนไม่เคยบุกมาเก็บสามแต้มไปจากถิ่นของปราสาทสายฟ้าได้เลย โดยสถิติในปี 2013  เจียงซู เซียนตี้ (เจียงซูซูหนิง) บุกมาพ่าย 2-0 ในปี 2014 ซานตง ลู่เนิ่ง บุกมาพ่าย 1-0 ในปี 2015 กว่างโจว อาร์แอนด์เอฟ บุกมาพ่ายยับ 5-0 และในปี 2016 ซานตง ลู่เนิ่ง ถูกจับให้มาอยู่ในสายเดียวกับบุรีรัมย์ อีกครั้งและทำได้แค่เสมอกันไป 0-0 ถือว่าสถิติในรังของบุรีรัมย์ในการรับมือทีมจากจีนยังยอดเยี่ยม

เกมที่แพ้ไม่ได้

แม้ว่าจะเหลือเกมการแข่งขันอีก 1 เกมหลังจบเกมนัดนี้ แต่ผลแพ้ชนะในเกมนี้อาจจะตัดสินโอกาสเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของทั้งสองทีมได้ โดยเฉพาะทางบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ในตอนนี้พวกเขายังกุมความได้เปรียบอยู่ด้วยการเป็นรองจ่าฝูง แต่หากว่า ตัวแทนจากไทยพ่ายในเกมนี้ จะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปในทันที และความได้เปรียบจะไม่ได้อยู่ในมือของพวกเขาอีกต่อไป และการลุ้นจะยากขึ้นไปอีกลำดับ เพราะนัดสุดท้ายจะต้องออกไปเยือน เจจู ยูไนเต็ด จากเกาหลีใต้ ที่บุกมาเอาชนะพวกเขาได้ในเกมแรก และหากว่า กว่างโจว สามารถเอาชนะในเกมนี้ได้ พวกเขาจะการันตีการเข้ารอบทันทีโดยไม่ต้องไปรอลุ้นถึงเกมนัดสุดท้ายกับ เซเรโซ โอซาก้า ซึ่งพวกเขาอาจจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนนักเตะบ้างตำแหน่งเพื่อถนอมสภาพของนักเตะตัวจริง และยิ่งทำให้ เซเรโซ โอซาก้า ที่น่าจะเป็นคู่แข่งแย่งตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายกับบุรีรัมย์ เจอกับงานที่ง่ายขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นหาก ปราสาทสายฟ้าอยากผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม อย่างน้อยพวกเขาจะต้องไม่พ่ายในเกมนี้

บรรยากาศของแฟนบอลที่จะกลับมาคึกคัก

บุรีรัมย์ สเตเดี้ยม (เปลี่ยนจากชื่อ ช้างอารีน่า มาใช้เฉพาะในรายการ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยเหตุผลด้านสปอนเซอร์) ถือเป็นหนึ่งในสนามที่บรรยากาศยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศไทยแต่ในระยะหลังๆ โดยเฉพาะในเกม เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก แฟนบอลค่อนข้างที่จะบางตาลงทำให้บรรยากาศค่อนข้างจะเงียบเหงา แต่ในเกมที่จะพบเจอกับ กว่างโจว มีโอกาสที่บรรยากาศของแฟนบอลที่จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยปัจจัยที่ประจวบเหมาะหลายประการทั้งฟอร์มที่กำลังดีของทีม และนี่อาจจะเป็นเกมสุดท้ายในศึกเอเอฟซีฯ ในบ้านของพวกเขา หากว่าไม่เข้ามาช่วยให้กำลังใจทีมรักในการเจอกับทีมแกร่งเบอร์ต้นๆของเอเชีย เพราะฉะนั้น เราสามารถคาดหวังถึงบรรยากาศที่คึกคัก และสนุกสนานจากกองเชียร์เจ้าถิ่นในนัดนี้

หยุดความอันตรายดาวยิงแซมบ้าของกว่างโจว

โบซิดาร์ บันโดวิช กุนซือของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะต้องเจอกับงานที่ยากและท้าทายในการหยุดความร้อนแรงของ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ หลังพวกเขาคว้าชัยมา 5 เกมติดต่อกันในทุกรายการ โดยนับตั้งแต่โดน คู่ปรับร่วมเมืองอย่าง กว่างโจว อาร์แอนด์เอฟ ทำแสบด้วยการเอาชนะไปด้วยสกอร์ 5-4 หลังจากนั้นลูกทีมของ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ อดีตปราการหลังที่เคยคว้าแชมป์โลกกับอิตาลีมาแล้ว ก็กลับมาเดินเครื่องเอาชนะคู่แข่งได้ต่อเนื่อง ซึ่งนักเตะที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุดคือ อลัน คาร์วัลโญ่ ที่ซัดไปแล้ว 9 ประตูจาก 7 เกมหลังสุด นอกจากนี้พวกเขายังมี ริคาร์โด กูลาร์ด ดาวเตะชาวแซมบ้าที่เคยคว้าแชมป์รายการนี้พ่วงรางวัล MVP ในปี 2015 และยังซัดไปแล้ว 5 ประตูในรายการนี้ ถือว่าเป็นโจทย์ที่แนวรับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดจะต้องรับมือให้ได้หากว่าอยากจะมีแต้มจากเกมนี้เพื่อลุ้นเข้ารอบต่อไป