TRB FEATURE

อาร์ซา: จากความคลั่งไคล้วัยเด็กสู่นักเตะระดับโลก

 

หากเอ่ยถึงนักเตะระดับโลกในปัจจุบัน เอเด็น อาซาร์ คงจะเป็นหนึ่งในชื่อที่ทุกคนนึกถึง เมื่อเขาเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญสำคัญในความสำเร็จของเชลซี และนี่คือเส้นทางตั้งแต่วัยเด็กของเขา

ความคลั่งไคล้

ดาวเตะวัย 27 ปี ก็ไม่ต่างจากนักฟุตบอลคนอื่น เมื่อมีน้องชายและเพื่อนๆเป็นเพื่อนร่วมเล่นฟุตบอลในวัยเด็ก เขาเล่าว่าสมัยเด็กๆเขาบ้าฟุตบอลมาก ทุกที่สามารถเป็นสนามฟุตบอลได้หมด แค่มีลูกบอลกับเพื่อนๆ

“ฟุตบอลคือส่วนหนึ่งของครอบครัวของผม เราทุกคนชอบเล่นฟุตบอล สำหรับพวกเราทุกที่เป็นสนามฟุตบอลได้หมด แค่คุณมีลูกบอลกับคนอื่นๆ”  

 

ความฝัน

ดาวเตะสิงโตน้ำเงินคราม มีความฝันสูงสุดคือการเป็นสุดยอดนักเตะ โดยเขามองว่า ความคลั่งไคล้สมัยเด็กๆของเขาคือแรงผลักดันชั้นดีที่ขับเคลื่อนเขาอยู่ในตอนนี้

“นี่คือความคลั่งไคล้ของผมตั้งแต่สมัยเด็กๆ และยังคงขับเคลื่อนผมอยู่ในตอนนี้ เพื่อเป็นสุดยอดนักเตะเท่าที่ผมทำได้ เพื่อทำให้ผมเข้าใกล้ความภาคภูมิใจเหล่านั้น และเพื่อสร้างมาตรฐานของตัวเองขึ้นมา”

ชีวิตนักเตะเยาวชน

อาร์ซา เริ่มเล่นฟุตบอลชีวิตนักฟุตบอลตั้งแต่อายุ 4 ขวบ กับ Royal Stade Brainois สโมสรในบ้านเกิด และถูกเรียกว่า “อัจฉริยะ” ตั้งแต่นอนนั้น เขาอยู่กับทีมดังกล่าว 8 ปี ก่อนจะย้ายไปเล่นให้กับ Tubize ซึ่งในระหว่างที่เล่นให้กับทีมฝีเท้าของเขาก็ไปเข้าตาแมวมองของลีลล์ ทีมดังในลีกฝรั่งเศส ก่อนจะถูกดึงตัวเข้ามาอยู่ในทีมอคาเดมีของสโมสร

เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ

หลังย้ายมาเล่นให้กับทีมเยาวชนของลีลล์ได้ 2 ปี เขาก็ได้รับสัญญาอาชีพฉบับแรกในปี 2007 และถูกดันขึ้นไปเล่นในทีมสำรองของสโมสรในฤดูกาล 2007-2008 ทันที ก่อนที่ในปีเดียวกัน เขาจะได้รับโอกาสประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ หลังถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในเกมพบนองซี

จากนั้นดาวเตะชาวเบลเยียมก็ค่อยๆสถาปณาตัวเองขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักของทีม และลงรับใช้สโมสรเกินกว่า 30 นัดในแต่ละฤดูกาล ก่อนที่ปี 2011-12 เขาจะมาระเบิดฟอร์มด้วยการซัดไปถึง 20 ประตู พาลีลล์ผงาดคว้าแชมป์ลีกเอิงได้อย่างเหนือความคาดหมาย

ย้ายมาเชลซี

ผลงานของอาซาร์กับทีมในแดนตราไก่เตะตาเชลซี ทีมดังแห่งพรีเมียร์ลีก จนยอมทุ่มเงินสูงถึง 32 ล้านปอนด์เพื่อกระชากตัวมาร่วมทัพในปี 2012-2013 พร้อมรับหมายเลข 17 ไปสวมใส่ในฤดูกาลแรกกับทีมสิงห์บลู

เขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลอังกฤษ และสามารถซัดไปได้ถึง 13 ประตูในทุกรายการในฤดูกาลแรก พาทีมคว้าแชมป์ ยูโรปาลีกได้สำเร็จ และสามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลถัดมา ยิงไป 14 ประตูในพรีเมียร์ลีก ผงาดคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก 2013-2014

จากนั้นก็เป็นเวลาไล่ล่าความสำเร็จของเขากับเชลซีอย่างต่อเนื่อง เมื่อมาระเบิดฟอร์มซัด 19 ประตูในทุกรายการ พาเชลซี ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและลีักคัพในปี 2014-2015 พร้อมถูกเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกทั้งสองสถาบันในปีดังกล่าว ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของแดนผู้ดีได้อีกสมัยในปี 2016-2017

เกียรติยศ

นอกจากแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย แชมป์ยูโรปาลีก 1 สมัย และแชมป์ลีกคัพอีก 1 สมัย ตัวเขาเองยังถูกเลือกติดทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกถึง 4 ครั้งในปี 2012–13, 2013–14, 2014–15, 2016–17 นักเตะยอดเยี่ยมของเชลซี 3 สมัยในปี 2013–14, 2014–15, 2016–17 ถูกเลือดติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีทีมที่ 2 ของฟีฟ่าในปี 2015 และทีมที่ 4 ในปี 2014, 2016, 2017 และทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่าในปี 2017