ยุโรป พรีเมียร์ลีก

TRIBE LEGEND TALK: เทคโนโลยีลูกหนัง/กุนซือเปลี่ยนชีวิต/ตำนานเชลซี แฟรงค์ แลมพาร์ด

แฟรงค์ แลมพาร์ด ตำนานของสโมสรเชลซี ที่ลงสนาม 632 นัดให้แก่สโมสร และยิงประตูได้ 209 ประตู ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของสโมสร รวมไปถึงทำแอสซิตส์ไปอีก 150 ประตู ตลอด 13 ปี เจ้าของตำแหน่ง MVP ของพรีเมียร์ลีกในปี 2005 และได้ชูโทรฟี่แชมป์ทั้งหมด 11  ครั้ง รวมไปถึงการคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย และแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2012

แลมพาร์ดเดินทางมายังโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 2 ข่าวการเดินทางมาถึงของเขาแพร่ไปยังหมู่แฟนบอลเชลซีในแดนอาทิตย์อุทัยอย่างรวดเร็ว  “แฟนบอลญี่ปุ่น สุดยอดมากๆ ผมช็อคไปเลยที่ได้เห็นว่ามีแฟนบอลเยอะขนาดไหนที่สนามบินตอนที่ผมเดินทางมาถึง” อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ กล่าวระหว่างงานในสถานฑูตอังกฤษในโตเกียว

จุดเริ่มต้นของเขากับฟุตบอลในวัยเด็กได้รับการฝึกสอนเทคนิคจากฟุตบอลคลีนิค จนกลายเป็นนักเตะที่เล่นให้สโมสรในท้องถิ่น แข้งวัย 39 ปีดูโดดเด่นเสมอเมื่ออยู่กับลูกบอล จนในที่สุดเขาก็ได้เหยียบเท้าเข้าสู่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์จนกลายเป็นตำนานของทีม เขาได้ร่วมพูดคุยตอบคำถามกับผู้สื่อข่าว

ในประเด็นที่น่าสนใจที่สุดของโลกฟุตบอลยุคปัจจุบันที่ได้นำเอาวิดีโอรีเพลย์มาช่วยผู้ตัดสินมาใช้งาน ซึ่งมีลีกใหญ่ในยุโรปเริ่มนำมาใช้งานจริงแล้ว ในฐานะนักเตะทีมชาติอังกฤษ แลมพาร์ดเคยมีประสบการณ์เลวร้ายในการลงเล่นฟุตบอลโลก 2010 ในเกมที่พบกับ เยอรมัน ซึ่งเขายิงประตูผ่านมือ มานูเอล นอยเออร์ ไปแล้ว แต่บอลไปชนคาน ภาพช้าแสดงให้เห็นชัดเจนว่าฟุตบอลข้ามเส้นไปแล้ว แต่ไลน์แมนและผู้ตัดสินไม่ให้เป็นประตูในขณะที่สกอร์ของสิงโตคำรามตามอยู่ 2-1 และสุดท้ายทรีไลอ้อนพ่ายไป 4-1

“ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญคือการลองเทคโนโลยีใหม่ๆ” แลมพาร์ดกล่าวเกี่ยวกับการนำวิดีโอรีเพลย์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ VAR “บางครั้งการตัดสินใจขึ้นอยู่กับการตัดสินของกรรมการเช่นการให้ใบเหลืองใบแดง แต่ว่าเทคโนโลยี สามารถช่วยทำให้การตัดสินใจกระจ่างมากขึ้น”

หลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีการกับสื่อมวลชน แลมพาร์ด ได้ถ่ายภาพร่วมกับเด็กๆ ที่เข้าร่วมฝึกซ้อมฟุตบอลคลีนิก ก่อนที่จะนั่งพูดคุยกับ พอล แมดเดน เอกอัครราชทูต อังกฤษในญี่ปุ่น

กับคำถามที่น่าสนใจว่าใครคือผู้จัดการทีมที่มีอิทธิพลที่สุดในอาชีพนักเตะของเขา ซึ่งซูเปอร์สตาร์เลือดผู้ดีตอบอย่างรวดเร็วถึงชื่อของ ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนปัจจุบันอย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ “ทั้งเรื่องในสนาม และเรื่องการดำเนินชีวิต เขาช่วยให้ผมก้าวไปสู่อีกระดับ”  “การได้เจอกับเขาคือการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในอาชีพนักเตะของผม”

แลมพาร์ดยังกล่าวถึง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมที่เขาเคยมีข่าวว่าอาจจะได้ร่วมงานด้วย แม้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น “เขาฝึกซ้อมนักเตะของเขาอย่างหนัก และมีความกระตือรือร้นในการทำงานร่วมกันกับพวกเขา ผมอ่านทั้งหนังสือของเขา และฟังเขาบรรยาย”

ในฐานะนักเตะที่เคยได้รับมอบหมายตำแหน่งกัปตันทีมในเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศ (จอห์น เทอร์รี่ ติดโทษแบน) เขากล่าวถึงคุณสมบัติที่จำเป็นของคนที่จะสวมปลอกแขนเดินนำลูกทีมลงสู่สนามทั้งในนามสโมสรและทีมชาติ “อย่างแรก (ในการเป็นกัปตันทีม) คุณต้องมีความบุคลิก ยังต้องสามารถจัดการกับนักเตะในทีมได้ และต้องทำตัวแบบกัปตันทีมคือการบัลดาลใจลูกทีม รวมถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน กัปตันเล่นด้วยอีโก้ ไม่ได้”

นอกจากนี้แฟนจากเฟซบุ๊กได้ถามคำถามเขาถึงเคล็ดลับความสำเร็จในการยิงจุดโทษ

“แน่นอนว่าคุณจะต้องซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อม” เขาตอบทันควัน “แต่ผมคิดไว้ก่อนแล้วในตอนเช้าก่อนเกมว่าผมจะยิงไปทางไหน และผมจะไม่หลงทางจากมัน ถ้าคุณเกิดโลเลหรือเปลี่ยนใจหายนะจะตามมาแน่นอน”