เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เอเชีย

จบสกอร์เฉียบ/ลูกสูตร/โอกาสเปิดกว้าง: 5 ประเด็นน่าสนใจหลังบุรีรัมย์ชวดคว้าสามแต้มจากรังเซเรโซ

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตัวแทนจากไทยเกือบที่จะเก็บสามแต้มออกจากนางาอิ สเตเดียม  เมื่อออกนำเจ้าบ้านอย่าง เซเรโซ โอซาก้า ได้ถึง 2 ครั้งจากทีเด็ดลูกตั้งเตะของพวกเขา แต่มาพลาดถูกตีเสมอท้ายเกม จากลูกโหม่งของ เคนยู ซูกิโมโตะ ในนาทีที่ 88 อย่างน่าเจ็บใจ และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจของเกมนี้

 

กด NEXT เพื่อร่วมติดตามไปกับเรา

ใช้โอกาสที่มีอย่างคุ้มค่า

เกมนี้ก่อนอื่นคงต้องชื่นชมการวางแท็คติกของ โบซิดาร์ บันโดวิช กุนซือชาวเซอร์เบียของทีมก่อนเป็นอันดับแรก ที่วางแผนทำลายเกมแดนกลางของเซเรโซ ได้อย่างอยู่หมัดในตอนครึ่งแรก และการวางหมากในการโต้กลับโดย มีเอ็ดการ์ บรูโน่ และ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต เป็นตัวพักบอลรวมไปถึงการใช้ ลูกตั้งเตะโจมตีแนวรับเจ้าบ้าน ซึ่งสถิติครึ่งแรก งานของศิวรักษ์ เทศสูงเนินนั้นเกมจะไม่มีอะไรให้ทำ เพราะเจ้าบ้านยิงไม่ตรงแม้แต่ครั้งเดียว จนทำให้ครึ่งหลัง ยุน จอง ฮวาน กุนซือเจ้าบ้านต้องแก้เกมด้วยการหันมาโจมตีทางด้านข้าง เพราะว่าเจาะตรงกลางไม่ได้ และได้สองประตูจากลูกโหม่ง แต่อย่างไรก็ตามสถิติบ่งชัดว่าเกมนี้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ใช้โอกาสในการสร้างเกมรุกและเปลี่ยนเป็นประตูอย่างคุ้มค่า โดยได้โอกาสยิง 7 ครั้ง เข้ากรอบ 3 และเป็นประตู 2 ลูก ส่วนเจ้าบ้านที่เปอร์เซ็นครองบอลเหนือกว่าเยอะ สร้างโอกาสได้ 14 ครั้ง แต่ตรงกรอบแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งจุดนี้ ปราสาทสายฟ้าพัฒนาคุณภาพเกมรุกได้ดี พวกเขารู้ดีว่าคู่แข่งระดับทวีปไม่พลาดให้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นจะต้องคว้าทุกโอกาสที่เข้ามา

ตำแหน่งใหม่ของ ประวีณวัช บุญยงค์

จากนักเตะที่ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นส่วนเกินในถิ่นลีโอ สเตเดี้ยม แต่ว่า ประวีณวัช บุญยงค์ กลับมามีที่ยืนอย่างสง่างามกับ ทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คงต้องชื่นชมแมงมองของทีม และคนที่ตัดสินใจให้โอกาสดาวเตะรายนี้ แถมยังไม่ได้จับเล่นในตำแหน่งถนัดที่เขาเล่นตลอดมาคือเซนเตอร์ฮาล์ฟ แต่ว่าขยับมาเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับตั้งแต่เกมที่แล้วที่เจอกับ เซเรโซ โอซาก้า ในบ้าน แต่ในเกมนี้เช่นกัน อดีตปราการหลังทีมชาติไทย ที่สรีระ อาจจะไม่เหมาะกับการเล่นเซนเตอร์ ในเกม ACL ที่จะต้องเจอกับกองหน้าที่รูปร่างสูงใหญ่ และการโจมตีด้วยลูกกลางอากาศ เขาถูกวางบทบาทให้เล่นเป็นกองกลางตัวรับ และทำผลงานได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรกที่ไล่ตัดบอลเกมรุกก่อนพื้นที่สุดท้ายจนสถิติการยิงตรงกรอบของเจ้าบ้านเหลือ 0 เท่านั้น ก่อนที่ครึ่งหลัง ยุน จอง ฮวาน จะต้องแก้เกมด้วยการเจาะทางด้านริมเส้นจนทำให้ได้สองประตู ซึ่งเป็นพื้นที่นอกเขตรับผิดชอบของเขา ถือว่าเกมนี้เป็นอีกเกมที่ดาวเตะที่ยืมตัวจากบีจีมาทำผลงานได้ดี

สถิติไร้ชัยในเกมเยือนญี่ปุ่นยังอยู่ต่อไป

ที่ผ่านมานับตั้งแต่ เอเอฟซีแชมเปี้ยนส์ลีกได้เปลี่ยนระบบการแข่งขันมาใช้การเล่นแบบเหย้าและเยือน ตัวแทนจากไทยที่ผ่านมาไม่มีใครเลยที่สามารถบุกไปเอาชนะ ทีมจากญี่ปุ่นได้เลยแม้แต่เดียวเดียว ถือว่าเป็นสถิติที่ไม่ค่อยโสภานักของตัวแทนจากไทย แต่เกมนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขยับเข้าใกล้การปลดล็อคให้ทีมจากไทยลีกที่เกือบเอาชนะทีมจากญี่ปุ่นได้ถึงรังในรายการนี้ได้สำเร็จเมื่อเป็นฝ่ายออกนำเซเรโซ โอซาก้า ได้ถึงสองครั้งสองคราว แต่ก็มาพลาดท่าถูกตีเสมอในนาทีที่ 88 จากลูกโหม่งของ เคนยู ซูกิโมโตะ ทำให้ทีมจากไทยยังคงต้องรอการปลดล็อคเอาชนะเหนือตัวแทนจากเจลีกในรายการเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกกันต่อไป

อาวุธใหม่

ในการพบกับ เซเรโซ โอซาก้า ทั้ง 2 เกมหลัง ถือว่าแนวรุกของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั้นทำผลงานได้อย่างน่าพอใจสุดๆ เพราะสามารถยิงทีมจากญี่ปุ่นได้ถึง 4 ประตูด้วยกัน แบ่งเป็นนัดละ 2 ประตูเท่ากันพอดิบพอดี ซึ่ง 3 จากทั้งหมด 4 ประตูที่ทำได้มาจากลูกเตะมุมทั้งหมด ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ โดยน่าจะเป็นลูกสูตรที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั้นซักซ้อมมาเป็นพิเศษ โดยที่มีคีย์แมนคือคนที่เล่นลูกตั้งเตะทั้งสองคนอย่าง กรกช วิริยอุดมศิริ และ รัตนากร ใหม่คามิ เพราะถ้าสังเกตุให้ดี ประตูที่ปราสาทสายฟ้าได้จากลูกเตะมุมล้วนแต่เป็นการเปิดในลักษณะเดียวกันทั้งหมดคือการเปิดยัดเข้าไปตรงกลางประตูเพื่อกดดันผู้รักษาประตูซึ่งทีมได้ประตูจากการเปิดที่เข้าจุดเดียวกันทั้งหมด  นอกจากนี้ในเกมแรกที่บุกไปเสมอกับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ พวกเขาก็ได้ประตูตีเสมอจากลูกฟรีคิกเป็นการจุดประกายเท่ากับว่า 80 เปอร์เซ็นของประตูที่ทำได้ใน ACL ฤดูกาลนี้มาจากลูกตั้งเตะทั้งหมด ถือว่าลูกตั้งเตะของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั้นเป็นอาวุธใหม่ของพวกเขาในรายการนี้

โอกาสเข้ารอบที่ยังบอกไม่ได้

ในกลุ่มจีถือว่าสถานการณ์ ในการลุ้นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายยังคงสนุก และสามารถที่จะมีความเป็นไปได้ ในทุกๆอย่างในอีก 2 เกมที่เหลือ โดยทีมนำอย่าง กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ นั้นมี 8 คะแนนตามมาด้วย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เซเรโซ โซาก้า ที่มีทีมละ 5 คะแนนเท่านั้น ส่วน เจจู ยูไนเต็ด นั้นตามมาเป็นอันดับสุดท้ายที่ 3 คะแนน แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่หมดหวังที่จะเข้ารอบแต่อย่างใดหากว่าสามารถเอาชนะได้ใน 2 เกมสุดท้ายถือว่าเป็นกลุ่มที่ยากที่จะคาดเดาถึงผลการแข่งขันว่าทีมไหนจะสามารถผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ แม้ว่าจะเหลือเกมให้เล่นอีกเพียงแค่ 2 เกมเท่านั้นก็ตาม หรือแม้แต่จ่าฝูงอย่าง กว่างโจว นั้นก็ยังมีโอกาสที่จะตกรอบ เพราะฉะนั้นสถานการณ์ของกลุ่มนี้ยังคงต้องจับตามองกันต่อไปอย่างใกล้ชิดเพราะยากที่จะเดาจริงๆว่าใครจะผ่านเข้ารอบได้