ฟุตบอลญี่ปุ่น เจลีก

บุรีรัมย์มีลุ้น : 5 กลยุทธ์ทีมชนาธิปใช้เล่นงานเซเรโซ

ในวันอังคารนี้ บุรีรัมย์จะกลับมาลงทำการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีกอีกครั้ง โดยจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ เซเรโซ โอซากา ที่เพิ่งเสียท่าถูก คอนซาโดเล ซัปโปโร ทีมของชนาธิป สรงกระสินธ์ ทำช็อคไล่ตีเจ๊าในเกมลีกนัดล่าสุด 3-3 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงข้อผิดพลาดของยอดทีมจากภูมิภาคคันไซยังมีข้อผิดพลาดให้เห็น จนถูกพลพรรคนกเค้าแมวเมืองเหนือไล่ตามตีเสมอแบบน่าเจ็บใจ และนี่คือ 3 กลยุทธิ์ของซัปโปโรที่ใช้เล่นงานเซเรโซ ซึ่งบุรีรัมย์ก็มีโอกาสใช้โจมตีลุ้นประเดิมสามแต้มในรังตัวเองได้

กด Next เพื่ออ่าน

1. ใช้บอลโยนกดดันต่อเนื่อง

แม้ในช่วงครึ่งเวลาแรกของเกมเจ1ลีก ที่คอนซาโดเล ซัปโปโร บุกเยือน เซเรโซ โอซากา จะเป็นเจ้าถิ่นที่มีโอกาสบุกได้มากกว่า และได้ประตูออกนำไปช่วง 45 นาทีแรกไปถึง 2-0 แต่พอหลังจากนั้นทีมของชนาธิปเริ่มกลับมาแผลงเกมรุกบุกใส่เจ้าถิ่นชนิดโดดเด่นกว่าครึ่งแรกชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเล่นลูกกลางอากาศในการโจมตีเซเรโซ เห็นได้ชัดจากการได้ถึง 3 ประตูจากลูกโยนเข้าหากรอบเขตโทษ

จากกลยุทธ์ดังกล่าว หากบุรีรัมย์ยึดรูปแบบการเล่นเฉกเช่นกับคอนซาโดเล ใช้ลูกบอมบ์ขึ้นหน้าเข้าหากรอบเขตโทษ โดยอาศัยความสูงของเอ็ดการ์ ซิลวา ทั้งการหาโอกาสทำประตู ตลอดจนพักบอลให้เพื่อนสานต่อในจังหวะเกมรุก หรือแม้แต่การดันเหล่าผู้เล่นรูปร่างสูงใหญ่ขึ้นมารอโหม่งยามที่ทีมได้ลูกตั้งเตะ ก็น่าจะสร้างความปั่นป่วนให้แผงหลังทีมเยือนจากแดนปลาดิบได้ไม่น้อย

2. อาศัยความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่น

นอกจากจะมีลูกโยนทิ้งขึ้นหน้าที่เปลี่ยนผลเป็นประตูได้ อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ซัปโปโรบุกมาเก็บ 1 แต้มจากเซเรโซสุดมัน คือความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นเกมรุกหลายคน ไม่ว่าจะเป็นความคล่องตัว จังหวะกระชากลากเลื้อยของทั้ง โยชิอากิ โคมาอิ, โคจิ มิโยชิ รวมถึง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่สร้างความปั่นป่วนใส่กองหลังเจ้าถิ่นยามที่ทีมเล่นเกมบุก อย่างจังหวะโยนตัดเ้ขาในของมิโยชิมาให้ชนาธิป ที่เปลี่ยนเป็นประตูแรกให้ทีม หรือแม้แต่ลูกขยันวิ่งไม่มีหมดของ เรียวซุเกะ ชินโดะ กองหลังที่มักขึ้นมาเติมเกมรุก และ ไดกิ ซุงะ ซึ่งทั้งคู่วิ่งตลอด 90 นาทีมากกว่า 12 กิโลเมตร

บุรีรัมย์เองก็มีนักเตะมากเทคนิค และมีความสามารถอยู่หลายคน อย่างเอ็ดการ์ ซิลวา แม้จะมีรูปร่างที่สูง เล่นลูกกลางอากาศได้ แต่เจ้าตัวยังเป็นนักเตะที่พาบอลไปกับตัวได้ดี, โอกาสลูกยิงไกลและทีเด็ดลูกนิ่งของจักรพัน แก้วพรม หรือแม้แต่ความฟิตวิ่งไม่มีหมดของวิงแบ็คซ้าย-ขวา อย่างกรกช วิริยอุดมสิริ ที่มีทีเด็ดลูกนิ่งไว้ใจได้ รวมถึง นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม ก็มีลูกครอสจากริมเส้นให้เห็นมาแล้วหลายครั้ง

3. ปิดแผงกลางเซเรโซไม่ให้ได้บอล

เห็นได้ชัดว่าใน 45 นาทีแรก ทีมดังจากโอซากามีเกมรุกที่หวือหวา และหลากหลาย หนึ่งในนั้นคือการคุมจังหวะเกมแดนกลางที่พร้อมจะเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้อยู่ตลอดเวลาของสองผู้เล่นมิดฟิลด์ทั้ง โฮตารุ ยามางุจิ และ โซลซา แถมทั้งสองคนยังมีทีเด็ดจากลูกยิงไกล หาพื้นที่จบสกอร์ให้เห็นมาแล้ว แต่พอเข้าสู่ครึ่งหลัง จากแท็คติกของมิไฮโล เปโตรวิช กลายเป็นการเปลี่ยนรูปเกมให้คอนซาโดเล เป็นฝ่ายบุกใส่แทน และแทบไม่เห็นแผงกลางของเจ้าถิ่นพลิกไปเล่นเกมรุกให้ทีมเหมือนในครึ่งแรก กลับกลายเป็นทั้งโซลซาและยามางุจิต้องเล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่

ถ้าปราสาทสายฟ้ามีโอกาสครองบอลกดดัน เป็นฝ่ายคุมเกมได้เหนือกว่า และไม่เปิดโอกาสให้แผงกลางเซเรโซสัมผัสบอลบ่อยในเกมกลางสัปดาห์นี้ได้ น่าจะส่งให้บุรีรัมย์มีโอกาสทำเกมบุกใส่เต็มที่ และลุ้นมีคะแนนในนัดนี้ได้ไม่มากก็น้อย

4. ความสามารถของเหล่าดาวรุ่ง

มิไฮโล เปโตรวิช ยังคงวางใจให้เหล่าแข้งยังบลัดออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในการขับเคลื่อนเกม ไม่ว่าจะเป็น ไดกิ ซุงะ (19 ปี),โคจิ มิโยชิ (20 ปี), คาซุกิ ฟูคาอิ (22 ปี) ซึ่งแต่ละรายต่างก็งัดฟอร์มเด่น ทักษะส่วนตัว กอปรกับลูกขยันช่วยทีมตอบแทนความไว้วางใจกันเต็มที่ และดูโดดเด่นไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะสองรายหลังที่มีส่วนกับประตูที่ทีมทำได้ (มิโยชิ แอสซิสต์ให้ชนาธิปทำประตู ส่วนฟูคาอิโหม่งประตูตามเสมอ 2-2) แน่นอนว่าจากโอกาสล้ำค่านี้ กลายเป็นการเสริมประสบการณ์ในลีกอาชีพบรรดาแข้งเยาวชนต่อไป

บุรีรัมย์เองก็มีนักเตะดาวรุ่งติดในทีมชุดลุยเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่ว่าจะเป็น สุภโชค สารชาติ, อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, ศุภชัย ใจเด็ด, รัตนากร ใหม่คามิ รวมถึง ศศลักษณ์ ไหประโคน ซึ่งบรรดา 5 ดาวโรจน์ต่างก็ได้โอกาสลงสนามให้ทีมในเกมชิงจ้าวเอเชียไปแล้ว และสานผลงานช่วยทีมต่างกันไปตามแผนที่บันโดวิชวาง ไม่แน่เหมือนกันว่าหากทั้ง 5 คนยังได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริง ก็อาจสานฟอร์มเด่นช่วยทีม ผสมกับลูกขยันที่มีในตัวทุกคนพาต้นสังกัดเก็บ เหมือนกับที่บรรดาดาวรุ่งคอนซาโดเลทำให้เห็นแล้วได้เช่นกัน

5. ใช้ความเก๋าเกมเข้าบด

อีกหนึ่งคีย์สำคัญที่คอนซาโดเลเลือกมาโจมตี เล่นเกมรับป้องกัน จนนำมาสู่การได้ 1 คะแนน เกิดจากการยึดแข้งประสบการณ์สูง ตลอดจนนักเตะที่มีประสบการณ์อยู่กับทีมมานาน ทั้ง อะกิโตะ ฟุคุโมริ,ฮิโรกิ มิยาซาวา หรือแม้แต่การใช้ประสบการณ์ของเจย์ โบธรอยด์ เป็นแกนหลักขับเคลื่อนเกมร่วมกับการอาศัยพรสวรรค์ของดาวรุ่งตลอด 90 นาที จนสามารถเก็บแต้มออกจากถิ่นคินโช สเตเดียมได้

อีกทั้งจากข่าวที่ยุน จอง-ฮวาน เฮดโค้ชของทีมให้สัมภาษณ์ว่าขุนพลเซเรโซชุดลุยศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกไม่มีผู้เล่นแกนหลักจากเกมลีกเดินทางมาด้วย แน่นอนว่าขุมกำลังของพวกเขาต้องยวบกว่าชุดหลักที่บดคอนซาโดเลมา ซึ่งจุดนี้เองน่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่บุรีรัมย์มีสิทธิ์เดินเกมตาม อาศัยแข้งประสบการณ์สูงทั้ง จักรพันธ์ แก้วพรม, กรกช วิริยะอุดมสิริ, ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, อันเดรส ตูเนซ ลงเป็นแกนหลักพร้อมขับเคลื่อนเกมตลอด 90 นาทีในการต่อกรกับนักเตะดาวรุ่งผสมกับตัวสำรองของทีมเยือน ก็มีสิทธิ์ที่จะคว้า 3 แต้มได้