ในวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตัวแทนหนึ่งเดียวจากไทย ที่เกมแรกบุกไปเสมอกับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ มาด้วยสกอร์ 1-1 จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เจจู ยูไนเต็ด จากเกาหลีใต้ ที่เกมแรกพวกเขาพ่ายคาบ้านให้กับ เซเรโซ โอซาก้ามาด้วยสกอร์ 1-0 และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจก่อนเกมนี้
กด NEXT เพื่อร่วมติดตามไปกับเรา
เจอกับตัวแทนจากเกาหลีอีกครั้งหลังจากฝันร้าย
การพบกับตัวแทนจากเกาหลีใต้ครั้งสุดท้ายของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถือว่าเป็นฝันร้าย และเป็นจุดเปลี่ยนประจำฤดูกาลของพวกเขาเลยก็ว่าได้ โดยในปี 2016 ในเกม เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกนอบแบ่งกลุ่มในเกมเปิดสนาม ปราสาทสายฟ้า ต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของ เอฟซี โซล ตัวแทนจากเกาหลีใต้ และมันกลายเป็นสิ่งที่ยากจะลืมเลือนของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้งตัวนักเตะ และกองเชียร์ เมื่อพวกเขา โดนตัวแทนจากเกาหลีใต้บุกมาถล่มด้วยสกอร์ขาดลอย 0-6 ถือเป็นความพ่ายแพ้ที่ย่อนยับที่สุดในประวัติศาตร์สโมสร และมันเกิดขึ้นที่รังเหย้าของพวกเขา ต่อหน้าแฟนบอลของเขาเอง แถมยังต้องเสีย ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ดาวยิงตัวเอง ออกจากทีมไปเพราะอาการบาดเจ็บหัวไหล่ จนไม่สามรถช่วยทีมได้ตลอดเลกแรก และจบฤดูกาลนั้น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยการเป็นเพียงแค่แชมป์ร่วมในฟุตบอลลีกคัพเท่านั้น ซึ่งการพบกับ เจจู ยูไนเต็ด จะเป็นการเจอกับตัวแทนจากเกาหลีเป็นครั้งแรกหลังจากเกมนั้น
ลุ้นชัยชนะแรกใน ACL ในรอบ 796 วัน
ชัยชนะใน เอเอฟซีแชมเปี้ยนส์ลีกในการเล่นเป็นเจ้าบ้านของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เกมสุดท้ายต้องย้อนไปถึงวันที่ 6 พฤษภาคมในปี 2015 ที่พวกเขาเปิดบ้านถล่มเอาชนะ กว่างโจว อาร์ แอนด์ เอฟ ไปด้วยสกอร์ 5-0 นั้นคือเกมสุดท้ายที่พวกเขาได้เฮต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองในบ้าน หลังจากนั้นอีก 3 เกมในบ้านในปี 2016 พวกเขาเก็บได้แค่ 1 แต้มจากการเสมอกับ ซานตง ลู่เหนิง และในปี 2017 ที่ผ่านมาพวเขาไมาได้เข้ามาลงเล่น ซึ่งการกลับมาเล่นกับ เจจู ยูไนเต็ด หลังจากที่บุกไปคว้าแต้มมาจาก กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ในเกมเปิดสนามน่าจะทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากขึ้น และน่าที่จะมีโอกาสในการลุ้นแต้มสามแต้มเป็นครั้งแรกในรอบ 796 วันด้วยกัน
ความร้อนแรงของคู่หอกแซมบ้า
ในฤดูกาลนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีของ2 หัวหอกคนสำคัญของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่าง ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ที่ทำผลงานได้ดีในลีก เพราะว่ายิงประตูมาแล้ว 8 เกมต่อเนื่องกันหากว่านับต่อเนื่องมาจากซีซั่นที่ผ่าน ส่วนของ เอ็ดการ์ บรูโน่ ก็เพิ่งจะยิงประตูในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ในเกมที่ผ่านมากับ กว่างโจว เอฟเวอร์แกรนด์ มาได้ จากการลงสนามเป็นตัวสำรอง แถมยังทำผลงานได้ดีทั้งคู่ จากเกมที่ผ่านมา น่าจะเป็นการเพิ่มพูนความมั่นอกมั่นใจของทั้งคู่ ทำให้ทีมมีแต้ม ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีของทั้งคู่ และทั้งสองคนน่าจะเป็นกำลังสำคัญของทีมในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกในปีนี้ และหากว่าพวกเขาทำผลงานได้ดี และช่วยให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะในเกมนี้ได้ ก็น่าจะทำให้ทีมมีลุ้นที่จะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้
ดาวรุ่งสายพันธุ์ปราสาท
ในฤดูกาลนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่าจะให้โอกาสบรรดานักเตะดาวรุ่งในทีมในการลงสนาม ซึ่งในเกมที่ผ่านมานักเตะอย่าง สุภโชค สารชาติ และ รัตนากร ใหม่คามิ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมเยือนยักษ์ใหญ่อย่าง กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ นอกจากนี้ ศุภชัย ใจเด็ด และ ศศลักษณ์ ไหประโคน ก็ได้ลงสนามเป็นตัวสำรอง ซึ่งในเกมที่จะพบกับ เจจู ยูไนเต็ด นอกจากนักเตะที่กล่าวถึงไปแล้ว ยังมีนักเตะอย่างคีรอน อ้อนชัยภูมิ ,อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ และ ยุทธพิชัย เลิศล้ำ หรือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กองหน้าวัย 15 ปี 6 เดือน ที่ต่างมีโอกาสที่จะได้ลงสนามไปวาดลวดลายในรายการนี้ทั้งนั้น
การเจอกับทีมจากไทยเป็นครั้งแรกของ เจจู ยูไนเต็ด
สำหรับสโมสร เจจู ยูไนเต็ด ที่ก่อตั้งเมื่อ 36 ปีที่แล้ว และเคยคว้าแชมป์ เคลีกเกาหลีใต้มาแล้ว 1 สมัย แต่ว่าประสบการณ์ในศึก เอเอฟซี แชมป์เปี้ยนส์ลีกของพวกเขายังค่อนข้างน้อย และเป็นรอง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อยู่พอสมควร เพราะว่า เพิ่งเคยเล่นในรายการนี้มาแล้ว 3 สมัยเท่านั้นในปี 2011 เป็นครั้งแรก จากนั้นในปี 2017 ที่พวกเขาสามารถทะลุไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายก่อนจะพ่าย อูราวะ เรด ไดมอนส์ ตัวแทนจากญี่ปุ่นที่ไปถึงตำแหน่งแชมป์ในปีที่แล้ว ส่วนในปีนี้ เกมแรกออกตัวได้ไม่ดีนักเพราะพ่ายคาบ้านให้ เซเรโซ โอซาก้า แต่ที่ผ่านมา เจจู ยูไนเต็ด ยังไม่เคยเจอกับตัวแทนจากแดนสยาม ซึ่งเกมพบกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะเป็นนัดแรกที่จะได้ลงฟาดแข้งกับตัวแทนจากไทย