ฟุตบอลไทย ไทยลีก

TRIBE TALK : เปิดใจ “เนวิน ชิดชอบ” ในวันที่บุรีรัมย์ต้องดีเลย์การเข้าตลาดหุ้น

นับถอยหลักอีกสองสัปดาห์ โตโยต้า ไทยลีก 2018 ก็จะกลับมาเปิดฉากซีซั่นใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งคู่เปิดสนามในปีนี้เป็นทาง “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า จะต้องเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือน ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่สองปีหลังสุดสามารถบุกมาเก็บชัยชนะถึงถิ่นช้าง อารีน่า ไปแบบเจ็บใจแฟนบอล

และเมื่อปีก่อน ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่าง เนวิน ชิดชอบ ได้ออกมาเผยว่าจะเริ่มไม่กว้านซื้อนักเตะบิ๊กเนมอีกแล้ว และปั้นเด็กจากอะคาเดมีของตัวเอง และดึงแข้งที่มีเชื้อไขชาวบุรีรัมย์เข้ามาร่วมทัพ รวมไปถึงการจะนำทีมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น

ทีมงานฟุตบอลไทรบ์ ไทยแลนด์ ได้มีโอกาสนั่งคุยแบบเอ็กคลูซีฟ ถึงระบบการทำทีม รวมไปถึง ความคืบหน้าการนำทีมเข้าตลาดหุ้น รวมไปถึงประเด็นร้อนแรงในการตรวจสอบเงินทำทีมที่สโมสรอื่นๆมีปัญหาอยู่ ณ ตอนนี้ ตามสไตล์นายใหญ่แห่งเมืองปราสาทสายฟ้า

กด NEXT เพื่อติดตาม

พูดถึงเรื่องเข้าตลาดหุ้นที่ปีที่แล้วเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าจะเอาเข้าในปี 2561 ตอนนี้มีความคือหน้าอย่างไรบ้าง?

เนวิน : เราก็คงดีเลย์เรื่องการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ออกไปอีกปี ถามว่าทำไมต้องดีเลย์ออกไป คำตอบคือระบบตรวจสอบทุกอย่างเวลาเข้าไปตลาดหลักทรัพย์ มันต้องสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็น บางจุดมันต้องใช้เวลา ซึ่งปีที่ผ่านมาเรามาได้ 80 เปอร์เซ็นแล้ว อีก 20 เปอร์เซ็น มันยังคงต้องใช้เวลาในการทำให้โปร่งใสทั้งหมด  ซึ่งตรงนี้เราก็ไม่ใจร้อน จึงเป็นข้อสรุปว่าเราจะยื่นในปี 2562

ในช่วงสัปดาห์ก่อนมีกระแสข่าวนักธุรกิจและนักการเมืองมาทำทีมฟุตบอลและมีปัญหา  ส่วนตัวคิดยังไงบ้าง?

เนวิน : เราเคยเดินผ่านจุดนั้นมาก่อน และไม่มีผลกระทบต่อเราแน่นอน การที่เราจ้างInternal Control (ผู้ควบคุมระบบภายในสโมสร) เข้ามาจดทะเบียน มันทำให้เราต้องทำทุกอย่างโปร่งใส เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เข้ามา มีที่มาที่ไปถูกต้อง เป็นธุรกิจฟุตบอลร้อยเปอร์เซ็น เสียภาษีทุกบาททุกสตางค์ นักฟุตบอลเสียภาษีหมด เราอาจจะเป็นทีมเดียวในไทยลีกตอนนี้ที่ไม่กลัวเรื่องการตรวจสอบ

คือถ้ามีการเปิดให้ตรวจสอบก็พร้อมที่จะให้ตรวจสอบทุกเวลา?

เนวิน : มาได้เลยถ้าอยากมาตรวจสอบ อย่างที่ผมเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า ผมขายเสื้อ 6-7 แสนตัว ผมเสื้อภาษีหมดทุกตัว ผมไม่มีอะไรซ่อนเร้น นักฟุตบอลทำถูกต้องหมดจ่ายภาษีครบ

คิดว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าว มันจะมีผลกระทบต่อทีมบุรีรัมย์หรือวงการฟุตบอลไทยไหม?

เนวิน : ผลเสียที่คนมองเข้ามานั้น กับบุรีรัมย์ผมถือว่าไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร  แต่กับคนอื่นผมไม่รู้ ก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน  เพราะทีมฟุตบอลที่ไม่ปรับตัว ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ระบบบัญชีไม่โปร่งใสจริง จะยืนอยู่ได้ไหม แต่บุรีรัมย์ไม่มีอะไรกระทบเลย และมันทำให้เรานึกขึ้นได้ว่า การเดินตามกฎหมายในการทำสโมสรฟุตบอลอาชีพ มันเป็นประโยชน์ มันทำให้เรายืนได้อย่างสง่างาม เรามีธรรมมาภิบาลพอ สามารถตรวจสอบทุกส่วน

 

พูดถึงการทำทีม บุรีรัมย์ เริ่มหันมาปั้นเด็กและดึงนักเตะที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขบุรีรัมย์มาร่วมทีม อันนี้มีต้นแบบมาจากทีมไหนหรือเปล่า?

เนวิน : เราไม่มีทีมต้นแบบ นี่เป็นคอนเซ็ปในการคิดของเรา เราอาจจะแตกต่างจากคนอื่นตรงที่ว่าเราทำอะคาเดมี่อย่างจริงจัง ทีมอื่นอาจจะไม่จริงจังเท่าเรา ปีๆหนึ่ง เรามีคนที่ต้องดูแลกว่า 200 คน เราใช้งบ 30-40 ล้านในการสร้างอะคาเดมี่ เราฝึกความเป็นอาชีพให้กับเด็กเหล่านี้ แน่นอนว่าเราทำแบบนี้ผลผลิตออกมาในอนาคต เราจะมีทรัพยากรที่เพียงพอในการที่เติมเต็มจากรุ่นสู่รุ่น และเราได้เห็นว่าคนที่เข้ามาอยู่กับเรา ที่ซื้อจากทีมอื่น ความทุ่มเท หัวใจทั้งหลายแหล่ มันแตกต่าง เพราะเด็กที่เราสร้างมา มันอยู่ในสายเลือดของเรา

ผมถึงประกาศตลอดว่า ผมจะเอาบุรีรัมย์ อะคาเดมีกับเด็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขจากบุรีรัมย์เท่านั้นจากนี้ต่อไปอีก 5 ปี เราจะวางคอนเซ็ปให้อยู่แบบนี้ ฉะนั้น ใครอยากมาอยู่กับบุรีรัมย์ ก็ต้องมาอยู่ตั้งแต่อะคาเดมี่แล้ว โดยระบบการคัดอะคาเดมีแต่ละปี มีคนมาคัดเป็นหมื่นคนจากทั่วประเทศ เราก็มีระบบไปคัดภาคต่างๆอีกด้วย เชื่อว่าตรงนี้แหละจะทำให้เรามีทรัพยากร ไม่ใช่เฉพาะบุรีรัมย์อย่างเดียว เพราะอะคาเดมีก็คือการรวมเด็กที่มีพรสวรรค์ทั้งประเทศมารวมกันในที่เดียว และจะเป็นการผลิตแข้งเพื่อก้าวสู่ทีมชาติในอนาคต เมื่อเขาแข็งแกร่งพอ และมีความเป็นมืออาชีพพอ เขาก็จะไปเล่นในลีกต่างประเทศ

คือบุรีรัมย์ไม่ได้ปิดกั้นโอกาสที่จะส่งเด็กไปเล่นต่างประเทศ?

เนวิน : เราไม่ปิดกั้นหรอกครับ ถ้าไปแล้วมีโอกาสที่กว่าเล่นให้บุรีรัมย์ ผมก็ต้องให้เขาไป

และเด็กอะคาเดมี มีช่วงอายุไหนที่ถอดใจขอลาออกไม่ฝึกซ้อมกับทีมมากที่สุด?

เนวิน : เด็กๆในอะคาเดมี มันไม่มีออกจากทีม มันมีแต่โดนไล่ออกจากทีมมากกว่า ด้วยพฤติกรรมต่างๆ คือเด็กเราต้องเรียนหนังสือ ถ้าไม่เรียนเราไม่เอาไว้เลย สองไม่สูบบุหรี่ กินเหล้า ถ้ามีเรื่องยาเสพติด เราก็ไม่เอาไว้ สามเรื่องผู้หญิง เราคอนโทรลเลย ว่าต้องเป็นผู้ใหญ่และมีวุฒิภาวะพอ ส่วนใหญ่เราก็พูดในเด็กส่วนใหญ่ว่าต้อง 24-25 นะ แล้วค่อยมีแฟน แต่ในความเป็นจริงก็ 20-21 มันจะมีแฟนเราก็รับได้

แต่ว่าถึงตรงนั้นเด็กมันจะมีความรับผิดชอบและรู้จักโลกมากขึ้นแล้ว แต่ถ้าอยู่ต่ำกว่า 20 ปีเราไม่ยอม ถ้ามีเด็กทำผิดจริง บทลงโทษก็ต้องดูตามความผิด ถ้ามันไม่ร้ายแรง ก็อาจจะมีการตักเตือน ถ้ามีหนีเที่ยวเราไล่ออกเลย

พูดถึงคู่แข่งอย่างเมืองทองหน่อยที่ปีนี้ส่งนักเตะไปเล่นต่างประเทศเยอะ ส่วนตัวคิดยังไงบ้าง?

เนวิน : ผมว่าแต่ละทีมมีเป้าหมายและมีปัญหาภายในของตัวเอง ไม่อยากวิจารณ์เรื่องนี้ ส่วนหนึ่งก็ถือว่าเป็นการให้โอกาสกับเด็ก ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ส่วนหนึ่งนั้นก็ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาของเมืองทองเองด้วยเช่นกัน

 

ในปีนี้โควตาอาเซียนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มุมมองของผู้บริหารทีมคิดว่ายังไงบ้าง?

เนวิน : ใจผมนะ อยากจะเสนอท่านนายก ฝากไปถึงนายกสมาคมเลยว่า ปี 2019 ฤดูกาลถัดไปเนี่ย เปิดให้โควตาอาเซียนมันเท่ากับโควตาไทยไปเลย

จะให้คล้ายกับเจลีกที่นักเตะไทยไปเล่นและเป็นโควตานักเตะญี่ปุ่น?

เนวิน : ใช่ ให้เหมือนกับเจลีกที่คนไทยไปเล่นก็เป็นโควตานักเตะญี่ปุ่นไปเลย เอาอาเซียนถือเป็นไทย และมันจะทำให้ลีกไทยเป็นลีกเบอร์หนึ่งของอาเซียน มันจะเปลี่ยนฐานแฟนบอลจาก 60 ล้านคนเป็น 600 ล้านคนทันที

และการที่บุรีรัมย์ดึงแซมสันเข้ามาในฐานะนักเตะชาติอาเซียน ทำให้ฐานแฟนคลับเยอะขึ้นไหม?

เนวิน : ตอนเราดึงแซมสันเข้ามา เราดูจากการเล่นอย่างเดียว ไม่ได้นึกถึงฐานแฟนบอล เพราะเบสของบุรีรัมย์นั้น อาเซียนเราก็มีแฟนคลับเช่นกันอย่างอินโดนีเซีย สิงคโปร์ พม่า กัมพูชา ลาว มาเลเซีย เรามีแฟนของเราอยู่แล้ว

แต่ผมอยากจะบอกว่าในแง่ของไทยลีกจะทำยังไงให้รายได้มันเพิ่มขึ้น เมื่อไหร่ลีกนี้กลายเป็นลีกเบอร์หนึ่งของอาเซียน ฐานแฟนบอลเพิ่มเป็น 600 ล้านคน ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดมันก็จะเพิ่มขึ้นเป็นมหาศาล มันก็ย้อนกลับเป็นเงินสนับสนุนทีมได้มากขึ้นกว่าเดิม มันก็นำไปสู่แฟนบอลที่มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ทุกทีมขายของที่ระลึกเยอะขึ้นไปอีก นึกออกไหม มันต้องคิดมากไปกว่านั้น แต่ส่วนทีมที่จะไปเล่นใน ACL คุณก็ต้องเอาไทยเยอะไว้ก่อน ต้องใช้สิทธิ์ตามเอเอฟซีกำหนด เมื่อโครงสร้างเป็นแบบนี้ ผมเชื่อว่าลีกจะอยู่ได่อย่างยั่งยืน และจะทำให้คนทำฟุตบอลกลับมาทำทีมแบบโปร่งใส ถูกต่อง ตรงไปตรงมา และเป็นอาชีพเต็มตัว

ในนัดแรกของบุรีรัมย์ จะเจอกับราชบุรีที่มาเก็บชัยในบ้านสองปีซ้อม เตรียมรับมือยังไงบ้าง?

เนวิน : เคยแพ้มาแล้วในบ้าน ก็จำได้ ฉะนั้นเราคิดว่ามันจะต้องไม่เกิดเหตุการณ์เหล่านั้นอีก เรารู้ว่าฟุตบอลคืออะไร เราเรียนรู้ข้อผิดพลาดในอดีตที่เรามี และเราก็ทำไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเหมือนในอดีตอีกครั้ง เราต้องแก้ทันที มันทำให้เห็นว่าฤดูกาลทีผ่านมาเรากลับมาเป็นแชมป์ได้ ทำไมเรากลับมาสร้างสถิติ 86 แต้มได้

สุดท้ายเป้าหมายของบุรีรัมย์ในปีนี้นที่จะมีการขับเคี่ยวเพิ่มขึ้นหลังจากจะต้องมีทีมตกชั้น 5 ทีมในปีนี้

เนวิน : สำหรับบุรีรัมย์ไม่มีอะไรแตกต่าง เป้าหมายเราเป็นแชมป์ก็ต้องชนะทุกทีม เราไม่ได้มองเรื่องท้ายตาราง แต่ความเข้มข้นในการต่อสู้มันก็จะเป็นกำไรของแฟนบอล ในการหนีตกชั้น 5 ทีม