หลังจากที่เอฟซี โซล ยืนยันอย่างเป็นทางการเรื่องการปล่อย ออสมาร์ อิบันเญซ อดีตกองหลังของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปให้กับทีมใดทีมหนึ่งในเจลีก ด้วยสัญญายืมตัว ส่งผลให้ปราการหลังชาวสเปนกลายเป็นนักเตะรายล่าสุดที่เคยมีโอกาสลงเล่นในศึกไทยลีก และก้าวขึ้นไปประสบความสำเร็จในลีกต่างแดน
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ก็เคยมีบรรดาแข้งต่างชาติที่ลงสัมผัสเกมลีกสูงสุดแดนสยาม ก่อนจะออกไปประสบความสำเร็จในเส้นทางลูกหนังในต่างประเทศ และนี่คือ 10 ยอดแข้งนอกส่งออกจากไทยลีก
กด Next เพื่ออ่าน
1. เบรนท์ แม็คกรัธ
อดีตศูนย์หน้าทีมชาติออสเตรเลีย 1 นัด ตัดสินใจย้ายจาก Bentleigh Greens SC ทีมกึ่งอาชีพในลีกบ้านเกิดมาค้าแข้งกับศรีสะเกษ เอฟซี ในศึกไทยลีกเมื่อกลางฤดูกาล 2014 ก่อนจะตอบแทนความไว้วางใจด้วยผลงานอันสุดยอดกดไป 7 ประตูจากการลงเล่น 13 นัด พาทีมหนีตกชั้นอยู่รอดบนไทยลีกต่อไป ก่อนจะหันไปซบชลบุรี เอฟซี ในเวลาต่อมา แต่จากนั้นเขากลับไม่มีชื่อในโควตาต่างชาติของฉลามชล จนถูกปล่อยให้การท่าเรือยืมไปใช้งานในฤดูกาลต่อมา พร้อมสถิติลงสนามไป 15 เกม ทำได้เพียง 2 ประตูเท่านั้น
หลังหมดสัญญายืมตัว คราวนี้แม็คกรัธตัดสินใจย้ายออกจากแผ่นดินสยามไปยังแดนโคนมที่เขาเคยเติบโตมากับเยาวชนบรอนด์บี้ และเป็น เอฟซี เฟรเดริเซีย ทีมในดิวิชั่น 1 หรือลีกรองของเดนมาร์กเป็นเวลา 1 ซีซัน (2015-16) ฝากผลงานลงเล่น 30 เกม ยิงไป 15 ประตู รวมทุกรายการ นำมาสู่โอกาสเซ็นสัญญาไปร่วมทีมเอสฟ์บอร์ก ทีมในลีกสูงสุดเป็นเวลาถึง 3 ปี ทว่าภายใต้สัญญาดังกล่าว เขายังคงถูกปล่อยให้ทีมเดิมยืมใช้งานในฤดูกาลปัจจุบัน และในขณะนี้ลงสนามในลีกไปแล้ว 16 เกม ยิง 5 ประตู
2. อีฟส์ เอควาลา เฮอร์มัน
แนวรับชาวแคเมอรูน เปิดฉากเส้นทางค้าแข้งในต่างแดนหนแรกกับบุรีรัมย์ (พีอีเอ) ยูไนเต็ด และได้โอกาสลงสนามในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง และความความแข็งแกร่ง บวกกับหาโอกาสทำประตูได้บ่อยครั้ง ส่งให้เจ้าตัวพาปราสาทสายฟ้าคว้าแชมป์ลีกปี 2011 พร้อมสถิติลง 30 นัด ยิง 11 ประตู
ต่อมาเขาถูกบุรีรัมย์ปล่อยให้ ลี่ฟาน เอฟซี ทีมในศึก ไชนีส ลีกวัน ของจีน ดึงไปเสริมแนวรับ ในปี 2013 จนเริ่มมาแจ้งเกิดกับตำแหน่งใหม่อย่างศูนย์หน้ากับทีม ชิงต่าว และ กุ้ยโจว จื้อเจง โดยเฉพาะการเล่นให้ทีมหลัง แข้งเลือดหมอผีผมงานเด่นถึงขั้นทำสถิติลงสนาม 54 เกม ยิง 28 ประตูกับ 7 แอสซิสต์
ปี 2017 เขาย้ายมาซินเจียง เทียนชาน และยังคงผลงานร้อนแรงสำหรับสถิติทำประตู หลังยิง 10 ลูกกับ 3 แอสซิสต์ตลอด 24 เกม หรือแม้แต่ในฤดูกาลล่าสุด สถิติการทำประตูของเจ้าตัวในระดับลีกรองจีนก็ยังคงมีอะไรให้ลุ้นเช่นเดิม หลังตัดสินใจเล่นย้ายมาต้าเหลียน ทรานส์เซนเดนซ์ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
3. จูเนียร์ เนเกรา
เมืองทอง ยูไนเต็ด ตัดสินใจคว้า จูเนียร์ เนเกรา กองหน้าชาวบราซิลที่มีประสบการณ์ค้าแข้งให้ทีมน้อยใหญ่ทั้งในลีกบ้านเกิด ไม่ว่าจะเป็น แอตเลติโก มิเนโร, โครินเธียนส์, ทอมเบนเซ, โอเอสเต้ ฯลฯ รวมถึงทีมในยุโรปอย่าง เบเลเนนเซส ในโปรตุเกส และ โลซาน สปอร์ต ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาร่วมทีมในฐานะกองหน้าตัวเป้าเพื่อไล่ล่าความสำเร็จในปี 2016 อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่ได้รับโอกาสแจ้งเกิดในถิ่นเอสซีจี สเตเดียม ก่อนถูกปล่อยให้พัทยา ยูไนเต็ด ยืมไปใช้งานต่อ
กับโอกาสในถิ่นโลมามหาภัย กองหน้าแซมบ้าฝากผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยมในศึกโตโยต้า ไทยลีก ด้วยการยิงไป 20 ประตูจาก 29 นัด ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปหาความท้าทายครั้งใหม่ในแดนกิมจิกับทีมแดกู เอฟซี ในปีถัดมา และยังคงร้อนแรงยิงไปถึง 12 ประตูจาก 16 นัด จากนั้นถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของตนเองอีกครั้ง เมื่ออุลซาน ฮุนได ทีมดังประจำแดนโสม ประกาศคว้าไปร่วมทีมอย่างเป็นทางการ และได้โอกาสสัมผัสเกมเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2018 ไปแล้ว 1 เกม
4. ฮาเวียร์ ปาตินโญ
กองหน้าทีมชาติฟิลิปปินส์ ที่มีเชื้อสายสแปนิช เริ่มแจ้งเกิดในเส้นทางลูกหนังกับ กอร์โดบา ในศึกเซกุนด้า ดิวิชัน (ลีกรองสเปน) และฝากผลงานกับทีมไปทั้งสิ้น 52 นัด ยิงได้ 10 ประตู ก่อนที่ปี 2013 เจ้าตัวจะตัดสินใจเซ็นสัญญากับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาเป็นแก๊งสแปนิชคอนเนคชั่นกับคาร์เมโล กอนซาเลซ และ ออสมาร์ อิบันเญซ
ตลอดระยะเวลา 2 ปีในถิ่นบุรีรัมย์ ปาตินโญ มีสถิติสวยหรูพาทีมคว้าแชมป์รวมแล้ว 5 รายการ พร้อมสถิติ ลงเล่น 68 เกม ซัด 41 ประตู และตัดสินใจโบกมือลาปราสาทสายฟ้าไปยังลีกรองแดนมังกร กับเหอหนาน เจียนเย เรื่อยมาจนปัจจุบัน โดยในขณะนี้ ซึ่งเป็นช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2018 เขามีสถิติลงเล่น 64 นัด ยิง 23 ลูกกับ 7 แอสซิสต์
5. อเล็กซานดร้า โยวาโนวิช
เส้นทางลูกหนังของกองหลังลูกครึ่งออสเตรเลีย-เซอร์เบีย เริ่มมาประสบความสำเร็จหลังยุติการค้าแข้งกับบีอีซี เทโร ศาสน และเลือกย้ายมาเล่นกับซูวอน เอฟซี ทีมในลีกรองเกาหลีใต้เมื่อปี 2013 ก่อนจะเริ่มฉายแววเด่นเก็บ 7 คลีนชีตจาก 24 เกม จนถูกเจจู ยูไนเต็ด สโมสรจากลีกสูงสุดคว้าไปเสริมทีมในฤดูกาลถัดมา จากนั้นเขาเริ่มสานผลงานเด่นของตัวเองจากสถิติลงสนาม 31 เกม ยิง 1 ประตู ช่วยทีมไม่เสียประตู 12 นัด
ปีต่อมา กองหลังเจ้าของส่วนสูง 196 เซนติเมตร ได้รับเกียรติสำคัญ เมื่ออันเก้ โปสเตโคกลู กุนซือทีมชาติออสเตรเลียเรียกให้มีรายชื่อ 50 คนทีมชาติ แม้ท้ายสุดจะไม่มีชื่อติดทีม ทว่าก็เป็นเกียรติครั้งหนึ่งในชีวิต จากนั้นซีซัน 2016 โยวาโนวิชตัดสินใจมาเล่นให้ทีมในลีกจีนบ้างกับ เทียนจิน ไท่ต๋า พร้อมสถิติลงเล่นในลีก 23 นัด ยิง 2 ลูก ช่วยทีมจบที่ 10 ของตาราง และเลือกกลับมาอยู่กับเจจูอีกครั้งจวบจนปัจจุบัน
6. ซูมาโฮโร ยาย่า
ย้อนไปเมื่อ 8 ปีก่อน วงการลูกหนังไทยเกิดความฮือฮาครั้งใหม่ เมื่อเมืองทอง ยูไนเต็ด ตัดสินใจขายดาวรุ่งชาวไอวอรี โคสต์ ไปร่วมทีม เอเคเค เกนท์ ด้วยค่าตัวราว 20 ล้านบาท หลังทำผลงานเด่นกับกิเลนผยอง ทั้งผลงานแชมป์ดิวิชั่น 1 แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ปี 2009 และ ปี 2010
กับโอกาสในลีกเบลเยียม ยาย่า ประเดิมเกมลีกนัดที่ 2 ผ่านการทำประตูในเกมที่ทีมบุกไปชนะ สปอร์ติ้ง ชาร์เลอร์ 3-1 ซึ่งเบ็ดเสร็จแล้วเขาลงเล่นในปีแรกไปทั้งสิ้น 17 นัด ยิงรวม 6 ประตูในฤดูกาลแรก แต่ทั้งหมดแล้วเขาได้โอกาสลงเล่นจนถึงปี 2016 จากสถิติลงเล่น 128 นัด ทำ 18 ประตู กับ 21 แอสซิสต์
กระทั่งย้ายกลับมาชูเสื้อกับกิเลนผยองอีกครั้งในวัย 26 ปี เมื่อกลางเลกสองของปี 2016 แต่ด้วยแต่มีปัญหาอาการบาดเจ็บทำให้สภาพร่างกายไม่สมบรูณ์และถูกถอดชื่อออกจากทีม และปัจจุบันเขากลายเป็นแข้งฟรีเอเยนต์
7. กิลเบิร์ต คูมสัน
ปีกความเร็วสูงชาวกานา เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลข้ามมหาสมุทรช้ามทวีป มาเล่นในเมืองไทยจากคำชวนของ ปีเตอร์ บัตเลอร์ อดีตผู้บริหารของบีอีซี เทโรศาสน ก่อนจะพัฒนาฝีเท้าเรื่อยมา ทั้งการพาเทโรชุดเล็กคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ 2011 และมีชื่อติดทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2012 ตั้งแต่อายุเพียง 17 ปี และพาทีมจบอันดับที่ 3 ของไทยลีก
จากนั้นในปี 2013 เขาถูกปล่อยตัวในรูปแบบการยืมตัวไปอยู่กับ สมุทรสงคราม เอฟซี ในปี 2013 และโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างยิ่ง ลงสนามไป 12 เกม ยิงไปถึง 6 ประตู จนทำให้ครึ่งฤดูกาลหลัง ซองน์ดาล ทีมในนอร์เวย์ ต้องติดต่อขอยืมตัวจำนวนเวลา 6 เดือน แม้จะกลับมาอยู่กับมังกรไฟต่ออีกราว 2 ซีซัน พร้อมสถิติลงเล่น 46 เกม ยิงได้อีก 7 ประตู เขาตัดสินใจแยกทางกับทีม และไปอยู่กับสโมสรเดิมที่เคยยืมตัว ณ ดินแดนสแกนดิเนเวียเรื่อยมาจนถึงปี 2017 ซึ่งเป็นซีซันสุดท้ายกับทีมบนลีกสูงสุด
จากสถิติอันแสนจะโดดเด่นของ “กิลโลเตลี” ที่เขาลงสนามให้ทีมไป 56 เกม ซัด 10 ประตูกับ 15 แอสซิสต์ ส่งผลให้เอสเค บรานส์ อีกหนึ่งทีมดังจากลีกสูงสุดไม่รีรอที่จะเซ็นสัญญามาร่วมทีมในฤดูกาล 2018 ส่งผลให้ในลีกสูงสุดของนอร์เวย์ฤดูกาลใหม่ ที่จะลงทำการแข่งขันเดือนมีนาคมนี้ จะยังคงมีชื่ออดีตเด็กสร้างจากเทโรรายนี้เช่นเดิม
8. คริสเตียน ควาคู
แนวรุกชาวไอวอรี โคสต์ เติบโตในเส้นทางค้าแข้งกับทีมเยาวชนของอันเดอร์เลชท์ ก่อนจะมีโอกาสมาค้าแข้งดินแดนสยามหลังถูก โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ หนึีงในทีมงานของเมืองทอง ยูไนเต็ด ดึงมาเสริมเกมรุกเมื่อฤดูกาล 2010 ในวัยเพียง 19 กะรัต และด้วยฝีเท้าที่น่าจับตา กอปรกับฟอร์มเกมรุกที่ไว้ใจได้ ส่งผลให้ตลอดผลงานในถิ่นกิเลนผยอง ควาคูเฉิดฉายยิงมากถึง 31 ประตู 13 แอสซิสต์ จาก 96 เกม (รวมทุกรายการ) คว้าแชมป์ลีกกับทีม 1 สมัย
จากนั้นโชคชะตาพาเขากลับไปอยู่ในยุโรปอีกครั้ง เมื่อ ตูร์ส เอฟซี ทีมในลีกเดอซ์ ตัดสินใจดึงไปเสริมทัพเมื่อปี 2012 ด้วยค่าตัว 10 ล้านบาท และเริ่มเล่นเป็นตัวหลักให้กับทีมมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านสถิติลงเล่น 105 เกม ทำ 26 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ กระทั่งโชคชะตาพาให้ดาวยิงเจ้าของส่วนสูง 182 เซนติเมตร สัมผัสเกมลีกเอิงหนแรกกับ ก็อง ในฤดูกาล 2017-18 นี้ ซึ่งปัจจุบัน เขาได้โอกาสลงสนามไปแล้ว 16 เกม กับ 1 แอสซิสต์
9. แฟรงค์ อาเชียมปง
อดีตดาวยิงดีกรีทีมชาติกานารุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี นับเป็นหนึ่งในแข้งต่างชาติรุ่นบุกเบิกของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดที่อยู่ผนึกกำลังกับเพื่อนร่วมทีมช่วยให้ปราสาทสายฟ้า ผงาดคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ในทันทีเมื่อปี 2011 โดยเบ็ดเสร็จแล้วตัวจี๊ดเลือดดาวดำรายนี้อยู่ประสบความสำเร็จในถิ่นอีสานใต้กับผลงานคว้า 5 โทรฟีกับทีมในเวลา 2 ปี
จากผลงานที่ยอดเยี่ยมบวกกับอายุที่ยังน้อยทำให้ อันเดอร์เลชท์ ยอดทีมจากเบลเยียม ทุ่มเงินซื้อตัวเขาไปร่วมทีมด้วยราคาสูงถึง 1 ล้านยูโรหรือราว 39 ล้านบาท เป็ยสถิตินักเตะจากไทยลีกที่ค่าตัวแพงที่สุดในยุคนั้น และกลายเป็นกำลังหลักของทีมดังจากเบลเยียมที่ลงเล่นทะลุ 100 นัดแถมยังติดทีมชาติกานาไปคว้าอันดับที่ 4 ในศึกแอฟริกันเนชั่นคัพ เมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังเคยตกเป็นข่าวกับทีมในพรีเมียร์ลีกที่มีลิเวอร์พูลเป็นหนึ่งในนั้นเมื่อตลาดนักเตะซัมเมอร์ก่อน แต่ปัจจุบันแข้งวัย 24 กะรัตบรรลุข้อตกลงย้ายไปค้าแข้งในประเทศจีนกับสโมสร เทียนจิน ไท่ต๋า ด้วยสัญญายืมตัว 6 เดือน พร้อมฟันค่าเหนื่อยสูงถึง 350,000 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือคิดเป็นเงินไทยราว 72 ล้านบาทเลยทีเดียว
10. ออสมาร์ อิบันเญซ
กองหลังเลือดกระทิง มีดีกรีเป็นถึงอดีตเด็กปั้นราซิง ซานตานเดร์ ทีมในศึกลาลีก้าที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเล่นในไทยลีกกับปราสาทสายฟ้าเมื่อฤดูกาล 2012 และใช้เวลาเพียง 1 ปี สำหรับการพาทีมซิวแชมป์เอฟเอ คัพ และลีกคัพ ก่อนจะยืนปักหลักในแนวรับพาบุรีรัมย์ซิว 3 แชมป์ในปีถัดมา (2013) ประกอบด้วย แชมป์ไทยลีก แชมป์เอฟเอคัพ แชมป์ลีกคัพ และแชมป์ถ้วย ก ก่อนที่ ปราสาทสายฟ้าจะยอมรับข้อเสนอจาก เอฟซี โซล และปล่อยตัวของเขาออกจากทีมไปในปี 2014
ภายใต้โอกาสร่วมกับทีมดังแดนกิมจิ ปราการหลังเจ้าของส่วนสูง 192 เซนติเมตร เข้ามาเป็นตัวเลือกแรกในแนวรับของทีมได้ทันที ก่อนจะได้รับบทบาทสำคัญทั้งการเป็นรองกัปตันทีมในปี 2015 มาจนถึงการสวมปลอกแขนผู้นำทีมชูถ้วยแชมป์เคลีก 2016 ซึ่งทั้งหมดแล้วออสมาร์อยู่ลงเล่นให้ทีมมากถึง 127เกม ทำไป 11 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ กระทั่งตัดสินใจย้ายออกจากทีมก่อนเริ่มฤดูกาล 2018 กับทีมใดทีมหนึ่งในเจลีก