ทีมช้างศึกU23 ภายใต้การนำทีมของ โซรัน ยานโควิช มือขวาของ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่ ต้องยุติเส้นทางในศึกชิงแชมป์ เอเชียเอาไว้เพียงแค่รอบแรกเท่านั้น หลังพ่ายให้กับญี่ปุ่น 1-0 จากประตูชัยของ โค อิทากุระ ในช่วงท้ายเกมทำให้ทีมชาติไทย ตกรอบแน่นอนแล้ว แม้จะเหลืออีก 1 เกมกับ ปาเลสไตน์ให้เล่น ก็ตาม และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจจากเกมนี้
กด NEXT เพื่อร่วมติดตามไปกับเรา
ปรับเปลี่ยนแผน
เกมแรก โซรัน ยานโควิช เลือกใช้ระบบ 4-1-4-1 โดยที่มี รัตนากร ใหม่คามิ ลงเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับเพียงแค่คนเดียว แต่ในนัดนี้ กุนซือชาวเซอร์เบีย เลือกเล่นในระบบ กองกลางสามคน และใช้วิงแบ็ก รวมไปถึงเพิ่มตำแหน่งกองกลางตัวตัดเกมอย่าง นพพล พลคำ ลงมา ทำให้ เกมแดนกลางเหนียวแน่นขึ้น และเวลาที่เล่นเกมรับ ทีมชาติไทย จะมีกองหลัง 5 คนเมื่อวิงแบ็กทั้งสองข้างถอยลงมาช่วยเกมทำให้ นัดนี้เห็นได้ว่ารูปเกมของไทยในจังหวะเล่นเกมรับไม่เป็นรอง ทีมชาติญี่ปุ่นเท่าไรนัก ซึ่งโอกาสสร้างเกมของญี่ปุ่นเพื่อจะลุ้นทำประตูก็น้อยลงไปด้วย จนยันได้อยู่เกือบตลอด 90 นาที ในส่วนเกมรุกวางนักเตะอย่าง พิชา, สุภโชค และ เจนรบ สำเภาดี เอาไว้เล่นเกมสวนกลับ
5 นาทีแรก กับ 5 นาทีสุดท้าย
เป็นอีกครั้งที่ทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี มาเสียประตูในช่วงที่ไม่ควรที่จะเสีย โดยในเกมแรกที่พวกเขาพ่าย เกาหลีเหนือมา พลาดเสียประตูในช่วง 5 นาทีแรก ทำให้เกมตกเป็นรอง ตั้งแต่แรก และไม่สามารถจะกลับสู่เกมของตัวเองได้ สุดท้ายพ่ายไปอย่างน่าเจ็บใจด้วยสกอร์เดิม ส่วนในเกมนี้กับญี่ปุ่น สถานการณ์ของทีมชาติไทยที่แม้ว่าจะไม่อยากจะแพ้ แต่ 1 แต้มก็อาจจะไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นเราเลยเห็นการแก้เกมด้วยการส่งตัวรุกอย่าง วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และ ชัยวัฒน์ บุราญ ลงมาในช่วงท้ายเกมเพราะหวังว่าจะทีมอาจจะมีทีเด็ดแต่สุดท้าย ทีเด็ด ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นที่เฉียบขาดกว่า ทำประตูชัยในช่วงท้ายเกม ซึ่งเป็นประตูที่ส่งแข้งไทยกลับบ้าน แม้จะเหลือเกมที่สุดท้ายให้เล่นก็ตาม
ได้เวลาปั้นกองหน้าเลือดไทย
180 นาทีเต็มในทัวร์นาเม้นท์ชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศจีน ทีมชาติไทยยังไม่สามารถที่จะเจาะตาข่ายคู่แข่งได้แม้แต่ลูกเดียว สะท้อนอีกหนึ่งปัญหาของทีมชุดนี้ แต่มันไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้กันได้อย่างข้ามคืน เพราะหากมองย้อนไปในฟุตบอลไทยลีก บรรดาดาวยิงล้วนแต่เป็นนักเตะที่นำเข้ามาจากต่างชาติทั้งนั้น ทำให้พื้นที่ตรงนี้แทบจะไม่มีเด็กไทยที่ได้รับโอกาสจากต้นสังกัด ทำให้เราต้องมองหา ธีรศิลป์ คนต่อไปอย่างใจจดจ่อ ส่วนทีมชุดนี้มีเพียงแค่ เจนรบ สำเภาดี เพียงแค่คนเดียว แต่ดาวยิงคนใหม่ของเมืองทองก็ยังไม่ใช่ประเภทตัวปิดบัญชีที่จะผลิตสกอร์ให้ทีม หรือว่าเป็นนักเตะที่โค้ชจะคิดถึงเมื่อขาดตัวทำสกอร์ ซึ่งหากมองย้อนกลับมาที่สโมสร หากว่าแต่ละทีมให้โอกาสนักเตะไทยในตำแหน่งสำคัญมากกว่านี้ บางทีเราอาจจะมีตัวเลือกมากกว่านี้ในแดนหน้า
ทำเกมสุดท้ายให้ดีที่สุด
แน่นอนว่าทีมชาติไทย หมดโอกาสที่จะผ่านเข้ารอบแล้ว แม้ว่านัดสุดท้ายผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม แต่ว่าเกมนัดสุดท้าย ก็ยังไม่ใช่เกมที่ไร้ความหมายซะทีเดียว อย่างน้อยทีมชุดนี้ยังมีโอกาส ที่จะทำผลงานเก็บแต้มให้ได้มากกว่าทีมชุดที่แล้ว ที่แข่งขันที่ประเภทกาตาร์ ที่ตกรอบแรกเหมือนกัน แต่ว่าเก็บได้ 2 คะแนนจากการเสมอกับ ซาอุดิอาระเบีย และ เกาหลีเหนือ เพราะฉะนั้นเกมส่งท้ายกับปาเลสไตน์ของทีมชาติไทย ยังพอมีความหมาย อย่างน้อยพวกเขาก็จะตกรอบด้วยการมีคะแนนมากกว่าในครั้งที่แล้ว หากว่าสามารถเอาชนะในนัดส่งท้ายได้
แสงสว่างยังพอมี
แม้ว่าทีมชาติไทยจะไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบลึกกว่านี้ได้ แต่หากมองในอีกมุมการแข่งขันครั้งนี้ทีมชาติไทย ค่อนข้างที่จะได้ประโยชน์จากการส่งนักเตะที่หลายคนยังอายุไม่เกิน 23 และยังสามารถลงเล่นในสมัยหน้า ที่จะทำการคัดเลือกนักเตะไปเล่น โอลิมปิก เกมส์ (ครั้งนี้ไม่มีการคัดเลือกไปโอลิมปิก เกมส์) โดยนักเตะที่เป็นตัวหลักในทีมอย่าง นนท์ ม่วงงาม, ศฤงคาร พรหมสุภะ, สุภโชค สารชาติ, จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์, รัตนากร ใหม่คามิ และ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ยังสามารถที่จะลงเล่นในรายการชิงแชมป์เอเชียในครั้งหน้าที่จะทำการคัดเลือกไปโอลิมปิก เกมส์ได้ ซึ่งน่าจะมีนักเตะหลายคนจากชุดนี้ที่อายุยังไม่เกินเกณฑ์อยู่ในทีมชุดนั้นด้วย