ฟุตบอลไทย ไทยลีก

FIVE SWEET SPOTS: 5 ประเด็นหลังกิเลนผยองเก็บชัยชิงดำแม่โขงคลับนัดแรก

เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด  ได้ลัดฟ้าไปประเทศเวียดนาม เพื่อทำศึกฟุตบอลโตโยต้า แม่โขงคลับ แชมเปียนชิพ รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก โดยสามารถเอาชนะ  ซันนา คั้ญฮหว่า บีวีเอ็น เอฟซี ไปด้วยสกอร์ 3-1 โดยกิเลนผยอง ได้จาก อดิศักดิ์ ไกรษร 2 ประตูและ สารัช อยู่เย็น ส่วน ซันนา คั้ญฮหว่า ได้ประตูจาก ยูสซูฟ ตูเร่ ก่อนจะมีโปรแกรมนัดที่สองที่จะฟาดแข้งในประเทศไทย ที่สนามศุภชลาศัย วันที่ 6 มกราคม 2561  และนี่คือ 5 ประเด็นที่เกิดขึ้นในเกมนี้

 

กด NEXT เพื่อติดตาม

ผู้เล่นกิเลนที่ยังไม่ฟูลทีม

ในการแข่งขันโตโยต้า แม่โขงคลับ ทำการฟาดแข้งในช่วงปิดซีซั่น แม้จะมีการเรียกซ้อมมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่สภาพทีมยังคงไม่ฟิตเต็มร้อย รวมไปถึงการขาดผู้เล่นต่างชาติคนอื่นที่อยู่ในช่วงพักผ่อน และ ดาวเตะลูกครึ่งดีกรีช้างศึกอย่าง ชาริล ชัปปุยส์ และ ทริสตอง โด ที่ยังอยู่ในช่วงพักผ่อนต่างประเทศ ไม่ได้เดินทางมาร่วมทัพในครั้งนี้

แต่ถึงแม้นักเตะกำลังหลักอาจจะอยู่ไม่ครบ ก็เป็นเรื่องดีที่ โค้ชแบน ได้เปิดโอกาสให้นักเตะคนอื่น ที่ไม่ค่อยสัมผัสเกมในซีซั่นที่ผ่านมา อย่าง นูรูลกิจ ครุฑใหญ่ รวมไปถึง อี โฮ ได้ลงสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมนี้

แข้งไทยปลดล็อคยิงในแม่โขงคลับ

ถึงแม้ว่าไทยจะเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้มา 3 ปีแล้ว (ปีแรก 2015) ทว่าในการแข่งขันแต่ละครั้ง ก็ยังไม่มีนักเตะชาวไทยคนไหนสามารถพังประตูได้เลย โดยใน 2 ปีที่ผ่านมา ปราสาทสายฟ้าได้แชมป์มาครองนั้น ก็เกิดจากการทำสกอร์จากนักเตะต่างชาติทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ติโอโก้ ซานโต, อันเดรส ตูเญช รวมไปถึง โก ซุลกี

ทว่าในเกมนัดนี้ กลายเป็น อดิศักดิ์ ไกรษร ที่สามารถปลดล็อคได้สำเร็จ และยิงไปถึงสองลูกในเกมนี้ ทำให้เป็นนักเตะไทยคนแรกที่สามารถทำประตูในฟุตบอลโตโยต้า แม่โขงคลับได้สำเร็จ

AK9 อาจจะเป็นตัวแทนจอมสังหารให้กิเลนในปีหน้า

หลังจากที่เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ตัดสินใจ ในการปล่อยตัว “เอล แดงดา” ให้ไปเล่นในซานเฟรชเช ฮิโรชิมา ทีมในศึกเจลีก ประเทศญี่ปุ่น ตามรอยรุ่นน้องอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ย้ายไปค้าแข้งก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้แฟนบอลเกิดความสงสัยว่า ใครจะสามารถขึ้นมาเป็นตัวแทน ธีรศิลป์ คอยถลุงประตูคู่แข่งในปีหน้า

ซึ่งโค้ชแบน ได้มีการเล็งหานักเตะตำแหน่งนี้มาเสริมทัพ เพราะต้องเอามาทดแทนนักเตะที่จะต้องรับมือกับโปรแกรมที่แน่นขึ้นถ้าหากทะลุเข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่ม เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีกได้สำเร็จ โดยเท่าที่ดู ก็คงหนีไม่พ้น “AK9” อดิศักดิ์ ไกรษร แนวรุกดีกรีช้างศึก ที่น่าจะตอบโจทย์ได้มากที่สุด และเจ้าตัวก็ได้แสดงให้เห็นโดยการยิงไป 2 ประตู พร้อมกับทำอีกอีกแอสซิสต์ ในเกมนี้

ถ้าไม่ติดว่าเจ้ากอล์ฟจะมีอาการบาดเจ็บรบกวน เขาอาจจะเป็นตัวแทนของธีรศิลป์ ในการสังหารประตูให้กับทีมแน่นอน

การคัมแบ็คแบบเต็มรูปบบของสารัช อยู่เย็น

ห้องเครื่องวัย 25 กะรัต ที่ฤดูกาลที่ผ่านมาเหมือนจะเป็นปีชงอย่างจัง จากการที่ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่ต้นฤดูกาล ในเกมที่เปิดบ้านเจอกับสุโขทัย เอฟซี ในศึกโตโยต้า ไทยลีก จนต้องผ่าตัดและคาดว่าจะไม่สามารถหายทันแน่นอนในฤดูกาลนี้ เรียกได้ว่าเสียหายทั้งสโมสร รวมไปถึงกระทบยันทีมชาติอีกด้วย

แต่สารัชก็พยายามรักษาและเร่งทำกายภาพ ฟื้นฟู จนเริ่มได้ลงซ้อมอีกครั้ง ใน 6 เดือนต่อมา และได้รับโอกาสให้ลงไปสัมผัสเกมบ้าง เพื่อเป็นการสร้างความคุ้นเคยกับเกมการแข่งขัน หลังจากหายไปนาน จนในเกมนี้ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และยังทำสกอร์พลิกขึ้นนำให้กับกิเลนผยองได้สำเร็จ นี่เป็นสัญญาณที่ดีว่าจอมทัพดีกรีทีมชาติไทย พร้อมจะกลับมาทวงตำแหน่งตัวจริงทั้งในสโมสร และทีมชาติในปีหน้า

งานเบาของกิเลนในเกมหน้า

ถึงแม้ในเกมนี้เมืองทองจะได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก อดิศักดิ์ ไกรษร แต่ว่า ในช่วงท้ายครึ่งแรกกลับโดนตีเสมอ ก่อนที่มาไล่ยิงแซงสองประตูรวดในช่วงท้ายเกม  ซึ่งทำให้เห็นว่าตัวแทนจากเวียดนาม ก็มีทีเด็ดอยู่เช่นกัน ในเกมนัดต่อไปโค้ชแบนต้องเตรียมการบ้านแก้เกมหนักขึ้นกับจำนวนผู้เล่นที่มีอยู่จำกัด อยู่ ณ ตอนนี้ แต่ก็ดูไม่เหนือบ่ากว่าแรง เพราะได้ถือไพ่เหนือกว่าในการเก็บชัยนัดแรก พร้อมกับ 2 ตุงที่ยิงสะสมไว้

ส่วนนัดหน้าที่จะทำการฟาดแข้งวันที่ 6 มกราคม 2561 ที่จะไม่ได้เตะในเอสซีจี สเตเดียม เนื่องจากมีการปรับปรุงสนาม ย้ายไปทำการแข่งขันที่สนามศุภชลาศัยแทน ก็คาดว่าแฟนบอลกิเลนผยองน่าจะตบเท้าเดินทางไปให้กำลังใจทีมที่ตัวเองรักถึงขอบสนามมากพอสมควร และอาจจะได้เห็นเมืองทองชูถ้วยรายการนี้เป็นครั้งแรก และถ้าได้แชมป์รายการนี้ น่าจะเป็นการจุดประกายให้มีแรงฮึดสู้ในเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก รอบคัดเลือก ต่อไปได้อย่างแน่นอน