หลังจากที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการลงเล่นเจลีกเป็นครั้งแรกกับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ทำให้มีนักเตะไทยหลายคนตกเป็นข่าวว่าจะได้ตามไปโชว์ฝีเท้ายังแดนซามูไร และรายล่าสุดคือ ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งทีมชาติไทย ของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ย้ายไปอยู่กับ ซานเฟรชเช ฮิโรชิม่า เป็นที่เรียบร้อยด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี และนี่คือข้อมูลที่น่ารู้ของ พลธนูม่วง
กดลูกศรทางด้านขวาเพื่อร่วมติดตามไปกับเรา
- สไตล์การเล่น
ซานเฟรชเช ฮิโรชิม่า มักจะใช้ระบบ 3-1-4-2 ในการลงเล่นช่วงต้นฤดูกาล ที่ ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือชาวญี่ปุ่นคุมทัพอยู่ ก่อนที่จะมาเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นแผนกองหลัง 4 ตัวอย่าง 4-2-3-1 เมื่อ แยน จอนส์สัน กุนซือชาวสวีเดนเข้ามาคุมทีมแทน ซึ่งมีบางเกม มีการเปลี่ยนไปใช้ระบบ 4-3-3 บ้าง หรือว่า 4-1-4-1 บ้าง หรือแม้แต่ 4-4-2 แต่รายละเอียดการยืนตำแหน่ง ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก โดยตำแหน่งกองหน้า มักจะใช้ระบบ กองหน้าต่ำ 1 คน โดยมี โคเซอิ ชิบาซากิ แนวรุกวัย 33 ปี จะยึดตำแหน่งหน้าต่ำ และให้ แอนเดอร์สัน โลเปซ กองหน้าชาวบราซิล ลงเล่นกองหน้าตัวเป้า และบางครั้งก็ถูกขยับมาเล่นเป็นปีกบ้าง โดยสลับเอา ยูซุเกะ มินางาวะ ไปเล่นกองหน้าตัวเป้า อย่างในเกมที่พวกเขา เปิดบ้านพ่ายแชมป์เจลีกอย่าง คาวาซากิ ฟรอนทาเล 0-3 เป็นต้น
- คู่แข่งในแดนหน้า
ผลงานในการยิงประตูคู่แข่งของ ซานเฟรชเช ฮิโรชิม่า ในฤดูกาลนี้ไม่ค่อยสู้ดีนักเมื่อทั้งฤดูกาลสามารถยิงประตูคู่แข่งได้แค่ 32 ประตูเท่านั้น อยู่อันดับที่ 15 ของตารางเท่ากับอันดับคะแนนรวมในตารางเจลีกพอดี โดยพวกเขามีกองหน้าตัวหลักๆที่ใช้งานอยู่ทั้งหมด 5 คนด้วยกันได้แก่ยุซุเกะ มินางาวะ กองหน้าชาวญี่ปุ่นวัย 25 ปี ลงสนาม 18 นัดยิงได้ 1 ประตู, มาซาโตะ คุโด กองหน้าชาวญี่ปุ่นที่เคยเล่นในเมเจอร์ลีกกับ ไวท์แคปส์ มีสถิติยิงได้ 3 ประตูจากการเล่น 18 นัด ,ทาคุมิ มิยาโยชิ กองหน้าชาวญี่ปุ่นที่ได้ลงเล่น 8 นัดในฐานะตัวสำรอง แต่ยิงประตูไม่ได้ และสองกองหน้าต่างชาติอย่าง แอนเดอร์สัน โลเปซ กองหน้าชาวบราซิล ลงเล่น 32 นัดยิงได้ 10 ประตู และ แอนเดอร์สัน พาทริก อีกหนึ่งกองหน้าชาวบราซิลที่ลงเล่น 15 นัดยิงได้ 4 ประตู
- ผลงานเมื่อปีที่แล้ว
ถือว่าเป็นปีที่พวกเขามีผลงานที่น่าผิดหวัง และเกือบที่จะตกชั้นหลังจากที่อยู่บนเจลีกมา 9 ฤดูกาลติดต่อกัน โดยมีสถิติเก็บชัยชนะได้แค่ 8 เกม เสมอ 9 และแพ้ไป 17 เกมด้วยกัน เก็บได้ 33 คะแนน ยิงได้ 32 ประตู และเสียประตูไป 49 ประตูด้วยกัน โดยมารอดจากการตกชั้นใน 3 เกมสุดท้ายเมื่อบุกไปเอาชนะ วิสเซล โกเบ และ เปิดบ้านเอาชนะ เอฟซี โตเกียว แม้ว่าเกมสุดท้ายจะบุกไปพ่าย คาชิวา เรย์โซล แต่ก็ยังสามารถรอดตกชั้นและได้อยู่ในเจลีกต่อไปได้
- สภาพเมือง ความเป็นอยู่
ซานเฟรชเช ฮิโรชิม่า มีสนามเหย้าคือ เอดิออน สเตเดียม อยู่ที่เมือง ฮิโรชิม่า ซึ่ง เป็นจังหวัดที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ทั้งทางตะวันตกที่ติดทะเลเซะโตะในและทางตะวันออก-เหนือที่ติดภูเขา เจริญรุ่งเรืองทั้งด้านอุตสาหกรรมและการค้าขายมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง และเคยถูกระเบิดปรมาณู ในสงครามโลก ทำให้ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม ซึ่งเมืองฮิโรชิม่า ถือว่าเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ ปราสาทฮิโรชิม่า ที่ถูกยกให้เป็น 1 ใน 100 ปราสาทที่สวยงามที่สุด รวมไปถึงแหล่งช้อปปิ้งอย่าง โซนฮัตโจโบริ คามิยะโจ โดยเมืองอยู่บนเกาะ ฮนชู เกาะที่ใหญ่ที่สุด แต่ก็ยังห่างจาก โตเกียวเมืองหลวงที่อยู่บนเกาะเดียวกันถึง 805 กิโลเมตร ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดที่ 4 องศา และ สูงสุดที่ 27 องศา
- ประวัติศาสตร์ของทีม
ซานเฟรชเช ฮิโรชิม่า ที่มีฉายาในไทยว่า พลธนูม่วง ก่อตั้งเมื่อปี 1992 หรือ 25 ปีก่อน โดยที่ก่อนหน้านี้เคยใช้ชื่อ Toyo Kogyo Syukyu Club จากปี 1938-70 และเปลี่ยนมาใช้ Mazda Sports Club Toyo Kogyo Soccer Club จนถึงปี 1992 และเปลี่ยนมาเป็น ซานเฟรชเช ฮิโรชิม่า ชื่อที่ใช้ปัจจุบัน ซึ่งตราสโมสรที่เป็นธนูสามดอก และที่มาของชื่อ ซานเฟรชเช่ มาจาก san ที่แปลว่า 3 ในภาษาญี่ปุ่น และคำว่า frecce ภาษาอิตาลีที่ แปลว่า ลูกธนู แปลรวมกันได้ว่า ลูกธนู 3 ดอก โดยนำมาจากเรื่องราวคำสอนของ โมริ โมตานาริ ไดเมียวตระกูลใหญ่แห่งฮิโรชิม่าที่เคยสอนลูกว่า “ลูกธนูดอกเดียวย่อมสามารถหักได้ง่าย แต่ลูกธนู 3 ดอก ที่มัดรวมกันไม่สามารถถูกทำลายได้” เป็นประโยคที่ตำนานไดเมียว ใช้สอนลูกชาย 3 คน ให้ร่วมมือกันเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ซึ่งตรงกับหลักการบริหารเมืองคือ ประชาชน, การบริหาร และ ธุรกิจ ส่วนเกียรติประวัติ ซานเฟรชเช ฮิโรชิม่า ถือเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จไม่น้อยในระยะหลังเมื่อคว้าแชมป์เจลีกได้ถึง 3 สมัยในปี 2012, 2013 และ 2015