ฟุตบอลไทย TRB FEATURE

FIVE SWEET SPOTS: 5 ประเด็นห้ามพลาดศึกลีกคัพนัดชิงดำ กิเลน-กว่างโซ้ง

ในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ ศึกฟุตบอลถ้วย โตโยต้า ลีกคัพ จะทำการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง สองทีมโดย เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นทีมยักษ์ใหญ่ที่อุดมไปด้วยระดับคุณภาพคับทีม และเคยเป็นแชมป์ไร้พ่ายในไทยลีก แต่ก็ยังไม่เคยประสบความสำเร็จ ได้แชมป์ในรายการนี้  จะลงสนามพบกับ เชียงราย ยูไนเต็ด ทีมเจ้าบุญทุ่มรายใหม่ที่ทุ่มเงินเสริมทัพจนมีผลงานก้าวกระโดดในซีซั่นนี้ เป็นต้องการถ้วยรางวัลแรกไปประดับตู้โชว์ของสโมสร ณ สนามศุภชลาศัย  นี่คือ 5 ประเด็นสำคัญที่คุณไม่ควรพลาดในเกมนี้

 

กดลูกศรทางด้านจวามือเพื่อร่วมติดตามไปกับเรา

จารึกประวัติศาสตร์ศึกลีกคัพ

แม้ว่าชื่อของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด นั้นจะถูกบันทึกว่าเคยเป็นแชมป์ในรายการนี้ร่วมกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา หลังจากที่นัดชิงชนะเลิศนั้นถูกยกเลิก แน่นอนว่าความรู้สึกของพวกเขาย่อมไม่เหมือนกับการได้แข่งขันในนัดชิงชนะเลิศ และได้ชูถ้วย ด้วยมือของพวกเขาต่อหน้าแฟนบอลในบรรยากาศของนัดชิงชนะเลิศ ส่วนในรายของเชียงราย ยูไนเต็ด ยังไม่เคยประสบความสำเร็จในฟุตบอลรายการนี้มาก่อน ซึ่งผู้ชนะในเกมนี้จะได้จารึกชื่อของตัวเองเป็นหนึ่งในทำเนียบของแชมป์ฟุตบอลโตโยต้า ลีกคัพ ลงไปในประวัติศาสตร์ของสโมสรและในถ้วยใบนี้

เมืองทองต้องสู้เพื่อไม่ให้จบมือเปล่า

ในฤดูกาลที่ผ่านมา กิเลนผยอง สามารถผงาดคว้าแชมป์ โตโยต้า ไทยลีก มาครองได้ รวมไปถึงคว้าแชมป์รายการ โตโยต้า ลีกคัพ ร่วมกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่ว่าในฤดูกาลนี้จากความผิดพลาดในช่วงท้ายเลกแรกที่พวกเขาพ่ายทีมน้องใหม่รวด จนทำห้ถูก ปราสาทสายฟ้า แซงเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกไปครอง ส่วนในเอฟเอคัพ พวกเขาตกรอบรองชนะเลิศด้วยน้ำมือของเชียงราย ยูไนเต็ด ทำให้ในฤดูกาลนี้พวกเขาเหลือความหวังเพียงแค่รายการเดียว นั่นก็คือถ้วยใบนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้น ลูกทีมของโค้ชแบนจะต้องต่อสู้เพื่อไม่ให้จบฤดูกาลนี้ด้วยมือเปล่า

ด่านทดสอบสำคัญของกว่างโซ้ง

ก่อนเริ่มฤดูกาลนี้ เชียงราย ยูไนเต็ด ทุ่มทุนซื้อตัวนักเตะฝีเท้าดีมาร่วมทีมมากมาย และหวังที่จะยกระดับทีมของตัวเองให้เป็น ทีมระดับแนวหน้าของประเทศไทย ซึ่งในลีกพวกเขาพลาดโอกาสที่จะเป็นแชมป์แล้ว แต่ว่าในฟุตบอลถ้วยพวกเขามีโอกาสที่จะได้แชมป์ทั้งสองรายการ ซึ่งในรายการนี้ที่มาถึงก่อนถือว่าเป็นบททดสอบที่สำคัญว่า สิ่งที่ผู้บริหารของทีมได้สร้างมาตลอดนั้นถูกต้องหรือไม่ แม้ว่าผลงานจะหวือหวา เล่นได้สวยงาม น่าติดตามเพียงใด แต่ถ้าหากว่าพวกเขาไม่สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ ก็คงจะไม่มีใครจดจำพวกเขาได้ เพราะฉะนั้น เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ยืนขวางทางในนัดชิงชนะเลิศคือ ด่านทดสอบสำคัญ

รีแมตช์รอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพ

เชื่อว่าหลายคนยังคงไม่ลืมเกมฟุตบอล ช้าง เอฟเอคัพรอบรองชนะเลิศ ระหว่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ เชียงราย ยูไนเต็ด เมื่อไม่นานมานี้ได้ดี ซึ่งถือว่าเป็นที่สุดมัน ที่สุดอีกเกมในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย ในเกมที่ทีมจากเมืองเหนือ เป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 2-0 จากสองอดีตเด็กเก่าเมืองทองอย่าง สุริยา สิงห์มุ้ย กับ ศิวกรณ์ เตียตระกูล ก่อนที่เมืองทอง จะมาตามตีเสมอได้จาก ชาริล ชัปปุยส์ และ เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส ก่อนที่จะจบลงที่ผลเสมอ 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษ และยิงจุดโทษที่สถานการณ์พลิกไปพลิกมาตลอดเวลา และสุดท้าย สิโรจน์ ฉัตรทอง ยิงพลาด ทำให้เชียงราย เข้าไปชิงชนะเลิศ ซึ่งในเกมนี้จะเป็นการรีแมตช์เกมรอบรองสุดมันอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้เพิ่มเติมคือมีถ้วยแชมป์เป็นเดิมพันด้วย

การวัดกึ๋นของกุนซือไทยและต่างชาติ

หากนับเฉพาะในไทยลีกปัจจุบันคงยอมรับว่า กุนซือสัญาชาติไทย ในไทยลีกในระยะหลัง ที่ผลงานยอดเยี่ยมที่สุด จะต้องยกให้ ธชตวัน ศรีปาน กุนซือของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่มีผลงานคือพาทีมคว้าแชมป์ โตโยต้า ไทยลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา รวมไปถึงพาทีมกิเลนผยอง เข้ารอบน็อคเอ้าท์ในฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรก

ส่วนทางด้าน อเล็กซานเดร กามา กุนซือชาวแซมบ้าของ เชียงราย ยูไนเต็ด ก็เคยสร้างประวัติศาสตร์พา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กวาดมาถึง 5 แชมป์มาแล้วเมื่อปี 2015 และในปีแรกเขาก็พาทีมกว่างโซ้งเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยได้ถึงสองรายการด้วยกัน ถือว่าเป็นเครื่องยืนยันฝีมือของเขาได้เป็นอย่างดี และการเจอกันของทั้งสองทีม ถือเป็นการวัดกึ๋นของกุนซือไทย และต่างชาติที่ดีที่สุดในไทยลีกตอนนี้