พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เตรียมกวาดล้างพวกล็อคผลการแข่งขัน ซึ่งอยู่ในช่วงดำเนินการรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดอยู่
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 127 สนามราชมังคลากีฬาสถาน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ บริษัท ไทยลีก จำกัด และ สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย จัดงานแถลงข่าว โตโยต้า มีต เดอะ เพรส ไทยลีก นัดที่ 34 หรือนัดสุดท้ายของฤดูกาล โดยมี พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ, พล.ต.ท. พิสัณห์ จุลดิลก เลขาธิการ, เบนจามิน ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายคลับ ไลเซนซิง และ รองประธานฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด พร้อมด้วย ตัวแทน สโมสรโยต้า ไทยลีก เข้าร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้
ด้านนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลได้กล่าวว่า “ขอบคุณทุกท่านที่ทำให้ผมได้มีโอกาสมาพบปะกับสื่อมวลชน ในโอกาสการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกที่ใกล้จะปิดฤดูกาล ปีที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีว่า ทางสมาคมฯ พยายามปรับปรุงแก้ไข และทำทุกอย่างให้เป็นไปตามนโยบายและแผนที่วางเอาไว้เพื่อให้วงการฟุตบอลมีการพัฒนา เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่อาจจะไม่ถูกใจคนบางส่วน เราก็พยายามแก้ไข เพราะมันเป็นเรื่องแปลกใหม่ บางครั้งก็ไม่คุ้นเคยกับกฏ กติกา ซึ่งตัวผม ผู้บริหาร และ สภากรรมการนำมาใช้ในกีฬาฟุตบอล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรานำมาเพื่อให้มีรูปแบบชัดเจน เป็นสากล เราไม่ได้คิดแล้วลงมือทำโดยลำพัง เราได้ศึกษารูปแบบของฟีฟ่า และ เอเอฟซี หรือ ประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นต้น สิ่งที่เราทำ เราต้องการยกระดับ มาตรฐานของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย, สโมสรสมาชิก และ การแข่งขันฟุตบอลลีก เพื่อต่อยอดไปถึงทีมชาติไทย”
“เรื่องของการล็อคผลการแข่งขัน ผมได้บอกกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ตัดสิน หรือใครก็ตามที่อยู่ในวงการ ผมจะแก้ไขปัญหานี้ให้หมดสิ้น แต่มันก็ไม่ได้อยู่ที่ผมอย่างเดียว ทางสมาคมฯ ตั้งใจจะทำให้ปัญหานี้หมดไป แต่จะหมดหรือไม่มันขึ้นอยู่กับสามัญสำนึก ใครที่มีส่วนร่วม เราหาหลักฐานและนำไปสู่การดำเนินคดี โดยไม่มีข้อยกเว้นไม่ว่าจะเป็นใครทั้งสิ้น”
“การเข้ามาทำสโมสรฟุตบอล แต่ละทีมต่างมีเป้าหมายที่แตกต่าง บางคนเข้ามาเพื่อประโยชน์บางอย่าง บางคนไม่ได้รักกีฬาฟุตบอลจริงๆ บางทีมไม่มีที่มา ไม่มีแฟนบอลสนับสนุน หรือทำธุรกิจแบบไม่จริงจัง ผมไม่อยากเจาะลึกว่าแต่ละทีมมีเหตุผลอะไร บางทีมทำเพื่อรอการขายสโมสร พอขายไม่ได้ก็ต้องยุบทีม การเข้ามาทำทีมมีเหตุผลที่ต่างกัน ถ้าไม่ได้รักฟุตบอลจริงๆ ก็จะไม่เกิดความยั่งยืนจริงๆ ถ้าสโมสรที่มีความตั้งใจจริง เข้าใจกีฬาฟุตบอล และมีธุรกิจสนับสนุน สโมสรเหล่านั้นถึงจะอยู่ได้”
“เรื่องปัญหาของผู้ตัดสิน ผมว่าเราจะโทษที่ผู้ตัดสินอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องโทษคนที่เข้ามามีส่วนกำหนดผลการแข่งขัน เช่น คนที่ได้รับประโยชน์ ทั้งสโมสร และ บุคคลภายนอก และใช้ผู้ตัดสิน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน และนักกีฬาเป็นเครื่องมือในการกำหนดผลการแข่งขัน ยกตัวอย่าง นักพนัน นายทุน เป็นต้น ทั้งหมดทั้งสิ้นเหล่านี้คือที่มา”
“การล็อคผลไม่ใช่เพิ่งมี แต่มีมายาวนาน ซึ่งวิธีทำได้ถูกเปลี่ยนแปลง พัฒนาไปตามสมัย ตามวิวัฒนาการของฟุตบอล ตั้งแต่ในระดับสมัครเล่น ในอดีตคือการช่วยเหลือพวกพ้อง แต่เมื่อมีวิวัฒนาการเป็นฟุตบอลอาชีพ ผลประโยชน์ที่ตามมาก็คือ ชื่อเสียงของสโมสร เงินสนับสนุน โอกาสที่จะได้ไปแข่งขันระดับนานาชาติ ทุกอย่างเป็นกระบวนการ”
“ผู้มีอำนาจในการกำหนดจัดผู้ตัดสิน ก็จะใช้วิธีต่างๆ ทั้งการ ขู่เข็ญ แลกเปลี่ยน ในรูปแบบของผลประโยชน์ รวมถึงการเล่นพนัน เมื่อมันเข้ามาเกี่ยวข้อง มันก็เริ่มแทรกซึมเข้าไปในหมู่ผู้ตัดสิน รวมถึงนักกีฬา ทุกคนต่างทำพื่อผลประโยชน์ บางครั้งผู้บริหารสโมสรไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะมันไม่ได้มีส่วนกับผู้บริหาร หรือ ผู้บริหารสโมสรบางสโมสรก็มีส่วนรู้เห็น ตรงนี้ผมยังไม่ขอลงรายละเอียด แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง สมาคมฯ ได้ดำเนินการแก้ไขเป็นเวลาตลอดปี และใช้เวลาค่อยๆ รวบรวมหลักฐาน ตอนนี้ก็เริ่มที่จะชัดเจน และผมขอยืนยันว่ามันมีอยู่จริง และเรากำลังแก้ไข”
“ใครที่มีส่วนร่วมในวงการฟุตบอล เราต้องช่วยเหลือกัน เพื่อแก้ไขปัญหา สำหรับสมาคมฯ การพัฒนาผู้ตัดสิน เราพัฒนาทั้งทฤษฏี และ ปฏิบัติ เราอบรมจริยธรรม ให้เขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ถูกต้อง เราพยายามนำสิ่งที่เป็นเรื่องที่ต้องบอก ตอนนี้มีพระราชบัญญัติกีฬาออกมาแล้ว รวมถึง กฏของเอเอฟซี และฟีฟ่า และล่าสุดผมได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อร่างระเบียบ ข้อบังคับ และมีบทลงโทษ ซึ่งเราก็อ้างอิงจากฟีฟ่า และ เอเอฟซี แต่เรายังไม่ได้เอามาใช้ เพราะผมไม่อยากเอาอดีตมาแขวนคอ” ประมุขบอลไทย กล่าว