BEST & WORST: ยอดเยี่ยม-ยอดแย่ โตโยต้า ไทยลีก 33

BEST MOMENT : กองเชียร์กูปรียังเหนียวแน่น

แม้ว่าศรีสะเกษ เอฟซี จะตกชั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นการตกชั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีของพวกเขา แต่ว่าทีมดังจากภูธรทีมนี้ยังคงได้รับการสนับสนุนที่ดีจากแฟนบอลของตัวเองเหมือนเดิม โดยเกมแรกที่พวกเขาลงเล่นเมื่อรู้ว่าจะต้องตกชั้น คือการออกไปเยือน การท่าเรือ ที่แพท  สเตเดี้ยมในสัปดาห์นี้ แต่ก็ยังมีกองเชียร์มาคอยให้กำลังใจอย่างหนาตาเหมือนเดิม

WORST MOMENT : อาทิตย์ปะทะสารัช

ในเกมบิ๊กแมตช์ที่บ้านของเชียงราย ยูไนเต็ด แม้ว่าทั้งสองทีมจะหมดโอกาสลุ้นแชมป์ไปแล้ว แต่พวกเจ้าบ้านยังต้องเล่นเพื่อศักดิ์ศรี ส่วนเมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมเยือนยังต้องการ แต้มเพื่อการันตีโควตาฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก และเป็นเกมที่ไม่มีใครยอมใครได้ เกมนี้ทั้งสองทีมเลยใส่กันเกินร้อยจนนักเตะมีอารมณ์ร่วมกับเกม และมีจังหวะที่ อาทิตย์ ดาวสว่าง ไปหวดใส่ เฮแบร์ตี้ เฟร์นานเดส ทำให้ถูก สารัช อยู่เย็น อดีตเพื่อนร่วมทีมเข้ามาต่อว่า และกลายเป็นว่ามีการปะทะมีปากเสียงกัน แต่โชคดีที่เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆเข้ามาช่วยห้ามทำให้เหตุการณ์ไม่บานปลาย

BEST PLAYER : กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์

นายทวารมือหนึ่งทีมชาติไทยกลับสู่ฟอร์มอันยอดเยี่ยมอีกครั้ง และเป็นนักเตะที่มีส่วนอย่างมากกับสามแต้มเหนือเจ้าบ้าน และทำให้ทีมการันตีโควตา เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าได้เป็นที่เรียบร้อย จากจังหวะเซฟประตูลูกอันตรายช่วยทีมได้หลายครั้ง และช็อตที่เข้าตาที่สุดคือจังหวะพุ่งเซฟจุดโทษของ ฟิลิปเป้ อเวเชโด ทำให้ กิเลนผยองไม่ถูกตีเสมอ และรักษาคลีนชีตจนเก็บสามคะแนนสำคัญได้

WORST PLAYER : กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล

เป็นสัปดาห์ที่ไม่น่าจดจำของนายทวารดีกรีทีมชาติไทยรายนี้ ตั้งแต่ต้นเกมที่ออกมาตัดบอลช้าทำให้ทีมเสียจุดโทษ จากนั้นดูเหมือนว่า กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล จะลงเล่นด้วยความมั่นใจที่หดหาย และมาพลาดเสียประตูง่ายๆเพิ่มอีก จบเกมสัปดาห์นี้เขาโดนเจาะตาข่ายไปถึง 5 ลูก

BEST GOAL : ชาคสัน โคเอลโญ

ประตูยอดเยี่ยมในสัปดาห์นี้ เป็นจังหวะโต้กลับสุดสวย และการจบสกอร์ที่เหนือชั้นของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในเกมที่บุกไปเอาชนะ แบงค็อก ยูไนเต็ด จากจังหวะโต้กลับที่ สุภโชค สารชาติ ได้บอลกระชากผ่านแนวรับบียู ก่อนที่จะแทงบอลต่อให้ ชาคสัน โคเอลโญ ยกบอลข้ามหัว กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก ที่ออกมาจากประตูไกล ทำให้บอลลอยข้ามหัวเข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างพอเหมาะพอเจาะ

WORST GOAL : กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล

นายทวารมังกรไฟ มีส่วนรับผิดชอบเต็มๆกับการ เสียประตูที่ 3 ของทีมในเกมที่พวกเขาโดน ชลบุรี เอฟซี เปิดบ้านถล่ม เมื่อออกบอลด้วยเท้าที่เพื่อนร่วมทีมคืนหลังมาให้ไม่ดี ทำให้ถูก เรียวทาโร นากาโนะ  ตัดได้ ก่อนที่ จะเป็น วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ที่ได้บอลแล้วดึงจังหวะในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะซัดเข้าไปง่ายๆ  

BEST MATCH :  ราชนาวี - สุพรรณบุรี เอฟซี

อีกเกมที่แม้ว่าจะไม่มีความหมายแล้ว สำหรับทั้งสองทีม แต่ยังต้องเล่นเพื่อศักดิ์ศรี หากดูชื่อทีมหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเกมที่ไม่สนุก เพราะไม่ได้เป็นการเจอกันของสองทีมยักษ์ใหญ่ แต่ว่าทั้งสองทีมกลับต่อสู่กันอย่างสูสี ตลอดทั้งเกม ทำให้แฟนๆได้ลุ้นตลอด อันที่จริงน่าจะมีประตูเกิดขึ้นมากกว่า 1 ลูกในเกมนี้  แต่เป็นผลงานของนายทวารทั้งสองฝั่งที่ออกแรงเซฟสวยๆหลายลูกรวมไปถึงจังหวะชนเสาชนคาน

WORST MATCH : นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี - บางกอกกล๊าส เอฟซี

แฟนบอลสวาทแคทที่เคยเหนียวแน่น บางตาลงไปแบบน่าใจหายทำให้บรรยากาศในรังเหย้าของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไปทางหงอยเหงา ในสัปดาห์นี้ พวกเขา รับมือบางกอกกล๊าส เกมในครึ่งแรกยังสู้กันได้ อย่างสนุก แต่ครึ่งหลังโอกาสของทั้งสองทีมมีน้อยจนแทบจะไมมีลุ้นอะไรเลยทำเอาแฟนบอลที่เงียบเหงาอยู่แล้ว ยิ่งเหงาไปกันใหญ่ ก็ได้แต่หวังว่า บรรยากาศที่ยอดเยี่ยมจะกลับมาที่เมืองย่าโมอีกครั้งในฤดูกาลหน้า

BEST TEAM : เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

กิเลนผยองแม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันแชมป์ไทยลีกได้ แต่พวกเขาก็ยังสามารถการันตี โควตาไปเล่นฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ จากฟอร์มอันยอดเยี่ยมในสัปดาห์นี้ ที่บุกไปเฉือนเอาชนะ เชียงราย ยูไนเต็ด ได้อย่างสนุก 0-1 ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์นี้

WORST TEAM : บีอีซี เทโรศาสน

มังกรไฟมาฟอร์มแผ่วเอาในช่วงท้ายฤดูกาล โดยฟอร์ม 5 นัดหลังสุดไม่ชนะใครเลย และเกมในสัปดาห์นี้พวกเขาโดนชลบุรี เอฟซี เปิดรังถล่มยับด้วยสกอร์ขาดลอย ถือว่าเป็นฟอร์มการเล่นที่น่าผิดหวัง โชคยังดีที่พวกเขาเก็บแต้มสะสมไว้ก่อนหน้านี้ มิเช่นกัน แฟนบอลบีอีซี อาจจะต้องมาเห็นทีมหนีตกชั้นอีกครั้งก็เป็นได้