ฟุตบอลไทย ไทยลีก

TRIBE BEST : 5 ทีมน้องใหม่ผลงานเด่นไทยลีก

เวทีลูกหนังระดับลีกสูงสุดของประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งลีกฟุตบอลอาชีพที่การแข่งขันลุ้นทำอันดับจบในตำแหน่งที่พอใจของแต่ละสโมสรนั้น มีการดวลกันอย่างสนุกและไม่มีใครยอมใคร และบรรดาทีมที่ลงทำการแข่งขันในแต่ละฤดูกาลล้วนแต่มีความหลากหลาย บ้างก็เป็นสโมสรใหญ่ยักษ์ที่ต่างก็ตั้งเป้าหมายในแต่ละฤดูกาลเอาไว้สูง บางทีมมีงบประมาณพอจะติดอันดับกลางตารางได้ แต่ก็เคยไปไกลถึงอันดับที่สูงกว่าที่ตั้ง

และยังไม่รวมถึงเหล่าสโมสรน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นมายังลีกสูงสุดได้เพียง 1 ฤดูกาล แต่กลับสร้างความฮือฮาก้าวไปถึงแชมป์ ทำอันดับจบเลขตัวเดียวเหนือกว่าทีมที่งบประมาณสูง หรือแม้แต่มีน้องใหม่บางสโมสรก้าวไปไกลถึงคว้าสิทธิ์ลงเตะฟุตบอลเอเชีย และนี่คือ 5 ทีมน้องใหม่ของศึกไทยลีก ที่เคยก้าวไปถึงความสำเร็จดังกล่าว และกลายเป็นที่จดจำมาจนปัจจุบัน

กดลูกศรด้านขวาเพื่ออ่านหัวข้อถัดไป

1. นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี (อันดับ 8 - โตโยต้า ไทยลีก 2015)

ขุนพลสวาทแคท ก้าวขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดอย่างโตโยต้าไทยลีก ฤดูกาล 2015 ในฐานะแชมป์ยามาฮ่าลีกวัน ซีซัน 2014 (ชื่อในขณะนั้น) ภายใต้การนำทัพของซูกาโอะ คัมเบะ เทรนเนอร์เลือดซามูไรที่ยังคงได้โอกาสคุมทัพต่อเนื่องจากเวทีลีกรอง

ยอดทีมจากภาคอีสานออกสตาร์ทลีกสูงสุดไม่สวยนักในเวทีลีกสูงสุดแดนสยาม หลังทำผลงานพ่ายไปถึง 3 จาก 5 เกม และจากนั้นฟอร์มก็ยังมีผลการแข่งขันออกได้ 3 หน้าเรื่อยมา จนกระทั่งถึงช่วงเวลาของเดือนกันยายนและตุลาคม พวกเขาทำสถิติไม่แพ้ใครในลีกถึง 10 เกมติดต่อกัน ดีพอที่จะทำให้คัมเบะผงาดคว้าโค้ชยอดเยี่ยมทั้ง 2 เดืิอนดังกล่าว และส่งผลให้โคราชจบอันดับ 8 ในฤดูกาลนี้ ด้วยผลงาน ชนะ 13 เสมอ 10 แพ้ 11 มี 49 คะแนนจาก 34 เกม

นอกจากนี้ นครราชสีมายังสร้างสถิติมีคนดูเยอะที่สุดในศึกไทยลีก ในเกมอีสานดาร์บีแมทช์เจอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยในสนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาหนนั้น มีแฟนบอลเข้าให้กำลังใจทั้งสองทีมสูงถึง 34,649 คนเลยทีเดียว

 

2. สมุทรสงคราม เอฟซี (อันดับ 7 - ไทย พรีเมียร์ลีก 2008)

พลพรรคปลาทูคะนองก้าวขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดแดนสยามในฤดูกาล 2008 ร่วมกันกับ จุฬา-สินธนา, โค้ก-บางพระ, ศุลกากร ยูไนเต็ด หลังทำอันดับจบตำแหน่งรองชนะเลิศในการแข่งขันระดับดิวิชัน 1 ของกลุ่มบี ก่อนจะทำผลงานร้อนแรงในรายการไทยลีกเหนือบรรดาทีมที่เพิ่งขึ้นมาพร้อมกัน
ทีมจากลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ภายใต้การทำทีมของ “น้าฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม พร้อมแข้งคู่บุญอย่าง ชุมพล บัวงาม, ทรงวุฒิ บัวเพชร, อภินันท์ แก้วปีลา, จีรวัฒน์ แก้วโบราณ นำทัพ และสร้างประวัติศาสตร์ได้ทันทีด้วยการจบอันดับ 7 ของตาราง จากผลงาน ชนะ 11 เสมอ 10 และแพ้ 9 นัด มี 43 คะแนนจาก 30 เกม นับเป็นปีที่สโมสรฟุตบอลสมุทรสงคราม จบซีซั่นด้วยอันดับที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ที่ก่อตั้งทีมเมื่อปี 2005

 

3. สุโขทัย เอฟซี (อันดับ 7 - โตโยต้า ไทยลีก 2016)

หลังสิ้นสุดแมตช์มหากาพย์เส้นทางการเลื่อนชั้นของค้างคาวไฟที่มีชัยเหนือนครปฐม ยูไนเต็ด 1-0 ส่งผลให้สโมสรจากราชธานีเก่าของไทยผงาดเลื่อนชั้นสู่ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2016 อย่างเต็มภาคภูมิในระยะเวลา 8 ปี นับแต่ก่อตั้งสโมสร

สุโขทัย เอฟซี ตัดสินใจดึงสมชาย ชวยบุญชุม เทรนเนอร์มากประสบการณ์เข้ามาคุมทีมเพื่อลุยลีกสูงสุดหนแรก โดยภายใต้การคุมทัพของ “น้าฉ่วย” มีแข้งจอมเก๋าที่เคยผ่านการลงเล่นบนลีกสูงสุดมากหน้าหลายตา อย่าง ยุทธพงษ์ ศรีละคร, เรนาน มาร์เกวซ, คาตาโนะ ฮิโรมิชิ, จอห์น บาจโจ้ รวมถึงดิยุฟ บิรัม แนวรุกคู่บุญน้าฉ่วยที่ดึงมาเสริมทีมตั้งแต่แมตช์เจอนครปฐมฯ ส่งผลให้สุโขทัยเสริมทัพแบบไม่ได้น้อยหน้าทีมร่วมลีกแม้แต่น้อย

ตลอดเกมการแข่งขัน 31 นัดของสโมสร พวกเขามีแฟนบอลเข้ามาให้กำลังใจที่ทุ่งทะเลหลวงเต็มแทบทุกแมตช์ และเก็บชัยชนะทั้งเกมเหย้าเยือนมากถึง 13 เสมอ 6 และแพ้ 12 นัด มี 45 คะแนน ห่างจากทีมตกชั้นลำดับสุดท้ายอย่างอาร์มี ยูไนเต็ด ถึง 15 คะแนนเลยทีเดียว โดยมีเรนาน มีชื่อติดลิสต์ดาวซัลโวอันดับที่ 8 ร่วม หลังกด 15 ประตู ขณะที่จอห์น บาจโจ้ ผงาดเป็นจอมแอสซิสต์ประจำลีกที่จำนวน 13 แอสซิสต์

ขณะเดียวกัน พวกเขายังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ผ่านผลงานคว้าสิทธิ์ลงเตะเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2017 รอบคัดเลือก รอบสอง หลังคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ผ่านผลการจับสลากเหนือชลบุรี เอฟซี, ราชบุรี เอฟซี และชัยนาท ฮอร์นบิล

4. สุพรรณบุรี เอฟซี (อันดับ 4 - โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก 2013)

วรวุฒิ ศรีมะฆะ นำทัพช้างศึกยุทธหัตถีคัมแบ็คสู่เกมลูกหนังระดับลีกสูงสุดของไทยอีกครั้ง หลังโลดแล่นอยู่ในลีกล่างเป็นเวลาถึง 5 ปีเต็ม ด้วยการจบตำแหน่งรองแชมป์ยามาฮ่า ลีกวัน ประจำฤดูกาล 2012

แต่เมื่อก้าวขึ้นสู่ลีกสูงสุดของประเทศ สุพรรณฯปรับทัพเอาอ.พยงค์ ขุนเณร เข้ามาคุมทีม หอบหิ้วนักเตะเก่าคู่บุญมาด้วยหลายคน ไม่ว่าจะเป็น สุชนม์ สงวนดี, พิชิตย์ ใจบุญ, มิก้า ชูนวลศรี ตลอดจนการปิดดีลคว้า ดราแกน บอสโควิช และดิยุฟ บิรัม เข้ามาเสริมทีมลุยซีซัน 2013 ก่อนจะสานผลงานสุดยอดต่อเนื่องจากเวทีลีกรอง ผ่านผลงานจบอันดับ 4 ของฤดูกาลด้วยการเก็บ 51 คะแนน แบ่งเป็นชนะ 14 เสมอ 9 แพ้ 9 จาก 32 เกม

อีกทั้ง ดราแกน บอสโควิช แนวรุกมอนเตเนโกยังมีชื่อเป็นดาวซัลโวร่วมอันดับ 10 จากการยิง 10 ประตู ส่วนโค้ชพยงค์เคยได้รางวัลโค้ชยอดเยี่ยมในพฤษภาคม รวมถึงวุฒิชัย ทาทอง ก็ซิวรางวัลแข้งยอดเยี่ยมประจำเดือนมิถุนายน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จอย่างล้มหลามที่สร้างความประทับใจแฟนบอลเมืองเหน่อไม่น้อย

 

5. เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด (แชมป์ - ไทย พรีเมียร์ ลีก 2009)

ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับฟุตบอลลีกไทยที่ยังคงได้รับจารึกมาจนปัจจุบัน สำหรับทัพกิเลนผยองเดินหน้ากวาดสามแชมป์จากสามดิวิชัน ไล่มาตั้งแต่การซิวแชมป์ดิวิชันสอง เมื่อฤดูกาล 2007 ต่อด้วยการคว้าแชมป์ลีกวันในปี 2008 จนมาถึงการผงาดคว้าแชมป์ไทย พรีเมียร์ ลีก 2009

ยอดทีมแห่งย่านแจ้งวัฒนะที่มี “โค้ชแต๊ก” อรรถพล ปุษปาคม เฮดโค้ชผู้ล่วงลับทำหน้าที่คุมทีมบนเวทีลีกสูงสุดแดนสยามหนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร โดยใช้แกนหลักเป็น 2 นักเตะทีมชาติไทยในยุคนั้น อย่าง เจษฎา จิตสวัสดิ์ (กัปตันทีม), ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ รวมถึง พิชิตพงษ์ เฉยฉิว ผนึกกับธีรศิลป์ แดงดา, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ 2 สายเลือดใหม่ว่าที่ตำนานของทีม อีกทั้งยังมี 2 สตาร์ต่างชาติอย่างดานโญ เซียก้า รวมถึงซูมาโฮโร ยาย่า ที่ช่วยกันซัดประตูรวมให้ทีมได้ถึง 19 ลูก พาทีมกวาดความสำเร็จด้วยการเก็บแต้มได้ถึง 65 คะแนนจาก 30 เกม แบ่งเป็น ชนะ 19 เสมอ 8 แพ้ 3 มีคะแนนนำทีมอันดับสองและสามอย่างชลบุรี เอฟซี รวมถึงบางกอกกล๊าส เอฟซี อยู่ 3 และ 9 แต้ม ตามลำดับ

พร้อมกันนี้ โค้ชแต๊ก ยังซิวรางวัลเกียรติยศด้วยผลงานโค้ชยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล ส่วนกัปตันเจษซิวรางวัลกองหลังยอดเยี่ยมมาครองเป็นเกียรติประวัติส่วนตัว