ฟุตบอลไทย ไทยลีก

TRIBE TALK : บอย ฉัตรชัย “ผมขอเป็นแข้งชุดคว้าแชมป์แรกของเชียงราย ยูไนเต็ด”

ได้คู่ชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยสำหรับฟุตบอลถ้วยรายการ ช้าง เอฟเอ คัพ 2017 ที่เป็นเส้นทางลัดในการคว้าโควตาการเข้าไปเล่นฟุตบอลระดับเอเชียอย่างเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก

ทีมแรกก็เป็นไปตามคาดหมายอย่างแบงค็อก ยูไนเต็ด ที่สามารถเอาชนะเจแอล เชียงใหม่ไปได้ถึง 3-0 ลิ่วเข้ารอบไปได้แบบสบายๆ และเป็นครั้งแรกของสโมสรที่ผ่านทะลุเข้ามถึงในรอบนี้

ส่วนอีกคู่ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เชียงราย ยูไนเต็ด พบกับเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่สู้กันได้มันหยดสมกับราคาตั๋วเปิดเกมบุกกันใส่ไม่พัก จนต้องไปตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ และเป็นเชียงราย ยูไนเต็ดที่ดวงเฮงกว่า เอาชนะได้ด้วยสกอร์รวม 6-5 เข้ารอบตามแข้งเทพไปติดๆ

ซึ่งในเกมสนามราชมังฯนั้น ถ้ามองตามศักยภาพนักเตะของทั้งสองทีม ฝั่งเมืองทองที่มีนักเตะดีกรีทัพช้างศึกหลายราย ส่วนกว่างโซ้งนั้นขุนกำลังตัวหลักแทบจะเป็นเด็กเก่ากิเลนทั้งสิ้น เรียกว่าสูสีและมันมากจนยกเป็นเกมระดับห้าดาวเลยก็ว่าได้

แต่แมน ออฟเดอะแมตช์เกมนี้จริงๆ คงต้องเป็น “บอย” ฉัตรชัย บุตรพรม ที่สลัดเดี้ยงและคัมแบ็คช่วยต้นสังกัดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สามารถเซฟจังหวะสำคัญ และจุดโทษจนสามารถพาทีมทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

วันนี้ทีมงานฟุตบอลไทรบ์ได้พูดคุยกับ นายด่านกว่างโซ้ง เผยถึงความรู้สึกในช่วงที่หายจากไปจากทีมเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ จนกลับมาช่วยทีมลุ้นแชมป์บอลถ้วยสองรายการ ณ ตอนนี้

คลิกลูกศรที่ด้านขวาเพื่ออ่านหัวข้อถัดไป

เมื่อช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมา ฉัตรชัย บุตรพรม ได้ตัดสินใจลาทีมเดอะพาวเวอร์ มาซบกับทัพกว่างโซ้ง ทว่าโชคร้ายที่ดันเจ็บในช่วงระกว่างการฝึกซ้อม ก่อนที่แพทย์จะตัดสินใจผ่าตัดและหายไปจากสารบบทีมไปพักใหญ่

“เราเสียใจกับตัวเองด้วยนะ แฟนเชียงรายก็เหมือนกัน เพราะทีมเชียงรายเป็นสายเลือดใหม่ เป็นความหวังใหม่เลย พอเราเจ็บกระแสออกมาไม่ดีบ้าง ซื้อมาก็เจ็บ ไม่มีใครอยากเจ็บ  พอเจ็บแถมเราเจ็บหนักด้วย มันอึดอัดไปหมด” นายด่านกว่างโซ้งเผยความรู้สึกในช่วงที่เจ็บหนัก

หลังจากนั้นฉัตรชัยพยายามรักษาตัวเองฟื้นฟูให้กลับมาฟิตพร้อมเปอร์เซ็นอีกครั้ง เจ้าตัวถึงกับเอ่ยปากว่านี่ท้อมาก แต่สุดท้ายก็หายเจ็บและเริ่มคัมแบ็คสนามอีกครั้งในศึกยูโรเค้ก ลีก กับทีมเชียงราย ยูไนเต็ด บี

“ตอนแรกกลับมาลงให้กับ T4 ก็ลงไปเล่นแบบไม่มีใครสนใจเลยนะ แต่สำหรับเราไม่ใช่ เรามีเป้าหมายชัดเจน กว่าเราจะหายเจ็บ เราเหนื่อยที่จะต้องมากรุงเทพขับรถมารักษา หนึ่งเดือนในช่วงเรียกความฟิต บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อยมากๆ เจ็บจนท้อ ไม่รู้ว่าถ้ามีเจ็บหนักอีกครั้ง จะเรียกฟอร์มกลับมาได้อีกหรือเปล่า”

“พอเราได้มีโอกาสกลับลงในสนาม เราก็ไม่ได้ตื่นสนามนะ แค่ประคองให้ไม่เจ็บเพิ่มเท่านั้นเอง และเต็มที่กับทุกเกม ใน T4 เขาก็แสดงผลงานได้ออกมาเต็มที่เช่นกัน เรากพยายามแสดงให้เห็นว่า เรากลับมาแล้ว เราเต็มที่พร้อมที่จะลงสนามเท่านั้นเอง”

จากความพยายามที่มือกาววัย 30 กะรัต พยายามพิสูจน์หลังจากสลัดเดี้ยงมาได้นั้น ก็เริ่มได้รับโอกาสจากอเล็กซานเดร กามา เฮดโค้ชของทีม ให้ลงเฝ้าเสาในเกมโตโยต้า ลีกคัพ รอบ 16 ทีม พบกับ ระยอง เอฟซี และก็สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีเยี่ยม รักษาคลีตชีตผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ

“เกมแรกที่ลงอย่างเป็นทางการให้กับชุดใหญ่ คิดว่าทำให้ดีที่สุด เราต้องไม่เสียประตู และต้องเข้ารอบด้วย ซึ่งนัดนั้นเราชนะ 4-0 ส่วนตัวก็พอใจกับฟอร์มตัวเองด้วยเช่นกัน ความรู้สึกตอนนั้นคิดว่ามันถึงเวลาที่เราต้องตอบแทนสโมสร เพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลแล้ว”

พอได้รับโอกาสลงเกมแรกให้กับชุดใหญ่ที่รอคอยถึง 8 เดือนด้วยกัน กามาก็ยังคงให้ฉัตรชัยลงอย่างต่อเนื่องในเกมบอลถ้วย กระทั่งในเกมล่าสุด ช้าง เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่จะต้องพบกับเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ถือว่าเป็นงานหนักพอสมควรเพราะรายการนี้จะเป็นเส้นทางลัดในการเข้าไปเล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือก รอบสอง ทำให้ความคาดหวังนั้นมีสูงจากทั้งทีม และแฟนบอล ซึ่งบอยได้เผยว่าในเกมดังกว่าตัวเองไม่ได้มีความมั่นใจมาก แต่ส่วนตัวเองมั่นใจกับเพื่อนร่วมทีมที่จะสามารถโชว์ผลงานออกมาได้ดี และจะช่วยพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศให้ได้มากกว่า

แต่แล้วในเกมการแข่งขันกลับไม่เป็นเช่นนั้น แม้จะเป็นฝั่งเชียงราย ยูไนเต็ดที่ออกนำไปก่อน แต่สุดท้ายก็โดนกิเลนไล่ตีเสมอมา จนต้องต่อเวลาพิเศษ และสุดท้ายก็ต้องมาตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ

“ตอนถึงการดวลจุดโทษ ก็คิดนะเราก็มีดวงเหมือนกัน นำไปก่อนถึง 2-0 ที่จริงในช่วงต่อเวลาพิเศษเราต้องป็นผู้ชนะแล้ว แต่โมเมนตัมในช่วงนั้นกลับกลายเป็นของฝั่งเมืองทอง เพราะเขาสามารถตีเสมอมาเป็น 2-2 ได้ ทำให้ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ว่า ตอนนี้เริ่ม 0-0 ใหม่ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และพยายามไม่ให้เสียประตู”

“ยอมรับเลยว่าตอนนั้นทีมเราเป็นรอง อยากดึงให้ช้าที่สุด และไปตัดสินที่จุดโทษ ถ้าถึงตรงนั้นมั่นใจมาก เพราะเราซ้อมจุดโทษเยอะเหมือนกัน เราเล่นดีมากในเกมนี้ เราไม่สมควรที่จะเป็นผู้แพ้”

 

เกมนี้ในช่วงเวลาการแข่งขันที่ว่าเดือดระอุแล้ว ดวลจุดโทษเรียกว่าลุ้นหนักมากกว่าหลายเท่า จากการที่ทั้งสองทีมต่างยิงพลาดและเซฟได้ทั้งคู่ และฉัตรชัยเองตัดสินใจยิงปิดท้ายให้กับเชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งเจ้าตัวบอกว่านี่เป็นการยิงจุดโทษครั้งแรกในชีวิตการค้าแข้งของเขาอีกเช่นกัน

“ตอนยิงจุดโทษก่อนจะยิงอ่ะ คิดว่าถ้าราฟาเอลยิงเข้าเราชนะแน่ และเราไปยิงคนสุดท้าย ยังไงก็เข้าแน่ มั่นใจว่าชนะแน่ แต่พอราฟาเอลยิงออก กลายเป็นแรงกดดันมาที่เราทันที และถ้าเอาความจริงตัวเองไม่เคยยิงจุดโทษเลยนะในชีวิตการค้าแข้ง แต่ก็มั่นใจคิดว่าเราต้องเข้ารอบ และเราต้องเป็นผู้ชนะ”

หลังจากนั้นสกอร์รวม 5-5 จนต้องดวลซัตตันเดธ แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญมาอยู่ที่นายด่านกว่างโซ้งปฏิเสธลูกโทษของสิโรจน์ ฉัตรทองได้ และยังคล้ายกับจังหวะที่เจอร์ซี่ ดูเด็ค ประตูของลิเวอร์พูลเซฟได้ในเกมรอบชิงชนะเลิศฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เมื่อปี 2005 ก่อนที่หงส์แดงจะคว้าแชมป์ยุโรปไปครอง จนเจ้าตัวที่เป็นสาวกเดอะค็อปตัวยงขอตัวไปดูคลิปไฮไลต์และไม่คิดว่าจะคล้ายกับช็อตนั้น “ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลยนะ ไม่รู้ด้วยว่าเหมือน แต่จำได้ว่าเกมรอบชิงในในวันนั้น ผมก็ดูอยู่ ถ้ามองแล้วว่าเหมือนจริงๆคงเป็นไปตามฟิลลิ่งเดอะคอปแหละครับ เพราะตัวผมเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลด้วย”

สุดท้ายคนที่ชี้ชะตาเกมนี้กลายเป็นชัยวัฒน์ บุราญ ที่รับหน้าที่สังหาร ผ่านมือกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เข้าไปเป็นการการันตีว่าเชียงรายสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการผ่านเข้าชิงชนะเลิศรายการนี้เป็นครั้งแรก

ส่วนตัวเซฟจุดโทษไม่ได้ติวเข้มเป็นพิเศษนะ แต่เราซ้อมกันทุกวัน ซ้อมเยอะจนขี้เกียจรับเหมือนกันนะ แต่กลายเป็นว่าจากความเคยชินที่เราซ้อมทำให้เรารู้ทางและจับจุดคู่แข่งได้ แต่ถ้าเอาจริงๆดวลจุดโทษนี่อยูที่ใจล้วนๆเลยนะ ใจต้องมาก่อน”

“และช็อตที่ชัยวัฒน์ยิงคนสุดท้าย เดินมาบอกว่า  “เหยิน มึงเห็นมั้ยว่าวันนี้เป็นของเรา มึงเชื่อพี่ มึงยิงเข้า เราต้องชนะ” และมั่นใจมากว่ายิงเข้าเพราะตอนซ้อมเหยินยิงดี และน้องก็ทำได้จริง”

 

นอกจากจะพาทีมเชียงราย ยูไนเต็ดเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จแล้วนั้น ยังมีความพิเศษอีกอย่างที่แฝงอยู่ นั่นคือเป็นของขวัญครบรอบวันแต่งงานให้แฟนสาวที่ตั้งครรภ์ลูกคนที่สองอยู่ ณ ตอนนี้ เรียกว่าเป็นผู้ที่คอยสนับสนุน และให้กำลังใจ และเป็นแรงผลักดันของฉัตรชัยมาจนถึงทุกวันนี้อีกด้วย

“เกมนัดนี้ก็ถือว่าเป็นของขวัญให้แฟนด้วย ตอนก่อนแข่งไม่คิดนะ แต่พอกรรมการเป่าจบเกม เราน้ำตาไหลเลย เหมือนกับว่าเราผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ ในช่วงที่เจ็บหนัก และเก็สามารถทำสำเร็จ โดยมีแฟนกับลูกสาวขออยู่ข้างหลังเรา แถมเป็นวันครบรอบแต่งงานด้วยมันพิเศษมากๆเลยนะ”

ในส่วนของเป้าหมายที่เหลือในตอนนี้ทั้งเกมลีกคัพ รอบรองชนะเลิศที่จะมีโปรแกรมแข่งขันพบกับราชบุรี มิตรผล เอฟซี ในวันเสาร์นี้ (4 พฤศจิกายน) รวมไปถึงเกมลีกอีก 4 นัดที่เหลือ และรอบชิงชนะเลิศฟุตบอล ช้าง เอฟเอคัพ เจ้าตัวได้วางเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าอย่างน้อยต้องขอสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้สโมสรในการคว้าแชมป์ และการได้ไปเล่นในรายการเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ที่ยังไม่เคยสัมผัสเลยตั้งแต่เป็นนักเตะอาชีพ

“ก่อนจะย้ายมาเชียงราย ก็คิดไว้ก่อนนะ ว่าอยากมาสร้างความสำเร็จกับเชียงราย ถ้าวันหนึ่งเลิกเล่นไป สโมสรเขาก็จะจารึกไว้ว่าเราเป็นรุ่นแรกที่สามารถคว้าแชมป์ให้กับสโมสรได้ อยากให้เชียงรายเป็นเมืองฟุตบอลที่ดี อยากให้ประสบความสำเร็จ และเป้าหมายหลักคือต้องการไปเล่นในถ้วยเอเชีย มันตรงกับเป้าหมายของตัวเองด้วย เพราะเราอยากไปเล่นรายการนี้มาก ตอนนี้เป้าหมายในชีวิตที่อยากทำมากที่สุดคือคว้าแชมป์ไทยลีกกับไปเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก พอๆกับการติดทีมชาติเหมือนกัน”

“ตอนนี้ในเกมที่เหลือเป็นเรื่องของสมาธิล้วนๆ ทุกอย่างดีหมด แต่เรายังไม่ได้แชมป์ เก็คงต้องทำงานกันต่อ อย่างน้อยในวันเสาร์นี้ก็ขอให้ชนะและเข้าชิง เพราะแมตช์สุดท้ายยังไงเราก็ต้องไปเจอทีมที่ดีในไทยอีกเช่นกัน เพราะแชมป์ไม่ได้อะไรมาง่ายๆ อยู่แล้ว ขอตั้งเป้าเป็นนัดต่อนัดไปดีกว่าจนกว่าจะได้ถือถ้วยแชมป์จริงๆ”

 

สุดท้าย ฉัตรชัย ฝากถึงแฟนบอลที่ให้กำลังใจกับตัวเองและทีมกว่างโซ้งว่า “เราทำงานกันมาหนัก แม้ในเกมลีกเราจะหมดลุ้นแชมป์แล้ว แต่ก็ยังมีบอลถ้วยอีกสองรายการ ไม่ส่าจะแชมป์ถ้วยไหน สัญญาว่าจะทำให้ได้แน่นอน ขอให้แฟนบอลรออีกนิด ต้องอดทน”

“เราไม่ใช่ทีมใหญ่ แต่เราเป็นทีมที่มีสปิริตที่ดี เรามีผู้เล่นที่ดีจะได้แชมป์ มันไม่ใช่ เราต้องอดทนเพื่อทำงานกันอย่างหนักและจะได้แชมป์มา ขอให้แฟนบอลให้กำลังใจเยอะๆ เชียร์บอลให้สนุก และจะช่วยคว้าแชมป์ทุกปีครับ” บอย กล่าวปิดท้าย

ทั้งนี้ในส่วนโปรแกรมบอลโตโยต้า ไทยลีกนั้น ในวันที่ 8 พฤศจิกายน เปิดบ้านพบ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, 12 พฤศจิกายน เปิดบ้านพบ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, 15 พฤศจิกายน ออกไปเยือนนัดตกค้างพบ บีอีซี เทโรศาสน และนัดสุดท้ายของฤดูกาล วันที่ 18 พฤศจิกายน ออกไปเยือนซุปเปอร์ พาวเวอร์ สมุทรปราการ

และโปรแกรมบอลถ้วยโตโยต้า ลีกคัพ จะพบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี จะแข่งขันในวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน ที่สนามศุภชลาศัย และรอบชิงชนะเลิศฟุตบอล ช้าง เอฟเอ คัพ พบกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ในวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน ที่สนามศุภชลาศัย เวลา 19.00 น.