ปัจจุบันแต่ละสโมสรในลีกสูงสุดของไทยมักจะให้โอกาสเหล่าแข้งเยาวชนของทีมสำหรับโอกาสลงสนามในนามทีมชุดใหญ่ เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ลูกหนังบนสนามแข่งขันจริงที่มีแรงกดดันมหาศาลรอต้อนรับ หลายคนได้โอกาสและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้ จนก้าวยึดขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวหลักของทีม จนมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดเล็กในหลายรุ่น และนี่คือ 10 ดาวรุ่งฟอร์มเด่นแห่งศึกโตโยต้าไทยลีก 2017
คลิกลูกศรที่ด้านขวาเพื่ออ่านหัวข้อถัดไป
1. อภิสิทธิ์ โสรฎา (บางกอกกล๊าส เอฟซี)
แบ็คซ้ายความหวังใหม่ของเดอะ แรบบิท โยกมาเล่นในถิ่นลีโอ สเตเดียมเมื่อช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา หลังทำผลงานโดดเด่นในแผงแนวรับให้ แอร์ฟอร์ซ เซนทรัล เอฟซี แม้จะอยู่ในวัย 19 ปี (ในขณะนั้น) แต่เขากลับยึดตำแหน่งตัวจริงให้อินทรีทัพฟ้าในเวทีลีกรองได้
ภายใต้การเล่นบนลีกสูงสุดของประเทศ อีกทั้งตำแหน่งแบ็คซ้ายของบางกอกกล๊าส มีแข้งรุ่นพี่อย่าง ศุภชัย คมศิลป์ หรือแม้แต่ มงคล นามนวด ลงเล่นในพื้นที่นี้ แน่นอนว่าบทพิสูจน์สำคัญของเด็กจากสมุทรสาครคือต้องเล่นให้เต็มที่ ซึ่ง “เจมส์” ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผลงานการลงสนามช่วยทีมรวมทุกรายการ 8 เกม กับอีก 3 ประตู 2 แอสซิสต์ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าแข้งวัย 20 ปี ที่มีจุดเด่นที่ความเร็ว ขึ้นมาเติมเกมรุกได้บ่อยหน พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นความหวังใหม่ทางริมเส้นด้านซ้ายของทีมอย่างไม่ต้องสงสัย
2. กฤษฎา กาแมน (ชลบุรี เอฟซี)
ครั้งหนึ่งอดีตแนวรับกัปตันทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี เกือบจะไม่ได้ไปต่อในอคาเดมีของฉลามชล แต่ด้วยใจที่ฮึดสู้ ต้องการก้าวขึ้นมาในเส้นทางลูกหนัง “และห์” ค่อยๆพิสูจน์ผลงานและศักยภาพออกมาให้เห็นเรื่อยๆ จนกลายเป็นหนึ่งในยอดแข้งของทีมเยาวชนชลบุรี ก่อนจะได้เล่นเกมระดับอาชีพหนแรกกับ “บ้านบึง ยูไนเต็ด” เมื่อปีก่อน กระทั่งถูกดึงสู่ทีมชลบุรี เอฟซี ชุดใหญ่ในการสู้ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2017 ด้วยวัยเพียง 18 ปี
กับโอกาสในทีมชุดใหญ่ กฤษฎาได้รับโอกาสลงสนามตัวจริงในเกม "เอล กลาซิโก้ เมืองไทย" นัดดวลกับเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จนเทิดศักดิ์ ใจมั่นถึงกับออกอาการชมว่าเจ้าตัวมีดีพอที่ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของต้นสังกัดได้ในอนาคต แถมล่าสุด เขายังถูกทีมในระดับเจทู แสดงความสนใจเชิญให้ไปทดสอบฝีเท้า จากการเปิดเผยของวิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯอีกด้วย
3. ศศลักษณ์ ไหประโคน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
เด็กสร้างจากโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ที่ครึ่งหนึ่งเคยเป็นเทพฟุซอล คว้าแชมป์กีฬาโต๊ะเล็กระดับนักเรียนมามากมาย ก่อนจะมีโอกาสลงวาดลวดลายเกมลูกหนังในรายการฟุตบอลโค้กคัพ จนถูกแบงค็อก ยูไนเต็ด คว้าไปร่วมทีมในปี 2014 และมีโอกาสติดทีมชุดใหญ่ของแข้งเทพมาโดยตลอด จนมีโอกาสติดทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี
ด้วยความสามารถเฉพาะตัวที่โดดเด่น กอปรกับความขยัน วิ่งไม่มีหมด ทำให้ “พี” ได้รับโอกาสร่วมทดสอบฝีเท้ากับ เอฟซี โตเกียว ร่วมกับจักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ก่อนที่เลก 2 ของไทยลีก 2017 เจ้าตัวจะถูกสโมสรจากจังหวัดบ้านเกิดอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยืมตัวมาร่วมทีมพร้อมสัญญาซื้อขาด และค่อยๆก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมไปแล้ว นอกจากนี้ เด็กหนุ่มจากอำเภอประโคนชัยยังมีโอกาสคว้าเหรียญทองร่วมกับทีมชาติไทยชุดลุยซีเกมส์ที่มาเลเซียมาแล้ว
4. นิรันดร์ ฮานส์สัน มีมาก (บีอีซี เทโร ศาสน)
ดาวเตะชาวไทยเติบโตบนเส้นทางค้าแข้งที่ประเทศสวีเดนตั้งแต่อายุ 14 ปี กับบรอมมาพอจคาร์นา หนึ่งในทีมที่มีอะคาเดมีใหญ่ที่สุดบนลีกไวกิ้ง และเคยมีโอกาสเรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังในตำแหน่งปราการหลังผ่านการถ่ายทอดให้โดย โอลอฟ เมลเบิร์ก อดีตแนวรับระดับตำนานทีมชาติสวีเดน เมื่อครั้งเป็นกุนซือของทีมมาแล้ว
ทว่าเมื่อไม่ได้รับโอกาสยึดตัวจริงบนแผ่นดินสแกนดิเนเวีย ส่งผลให้นิรันดร์ตัดสินใจดยกมาหาประสบการณ์ใหม่บนแผ่นดินเกิดแท้จริงกับสโมสรการท่าเรือในฤดูกาล 2017 แต่สุดท้ายเขาก็ยังไม่ได้รับโอกาสลงสนามเช่นเดิม ก่อนที่จะเป็นบีอีซี เทโร ศาสน ที่ตัดสินใจดึงมาเสริมทีมเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และได้รับโอกาสจากไมค์ มัลวีย์ลงสนามเป็นตัวหลักในแนวรับทั้งเซนเตอร์แบ็ค และ แบ็คขวาตั้งแต่แมตช์แรกกับทีม และด้วยความสามารถเฉพาะตัว กอปรกับประสบการณ์ที่เด่นเกินวัย 21 ปี ทำให้เขากลายเป็นกำลังสำคัญในแนวรับ จนมีชื่อติดทีมชาติไทยชุด U23 และยังมีลุ้นติดทีมลุยฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียที่จีนต้นปีหน้าอีกด้วย
5. พิชา อุทรา (พัทยา ยูไนเต็ด)
เด็กหนุ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ ที่ครั้งหนึ่งเคยได้โอกาสไปฝึกฟุตบอลกับ แอตเลติโก มาดริด มาแล้วเมื่อปี 2013 ก่อนจะกลับมาเป็นนักเตะเยาวชนของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ชุดคว้าแชมป์โค้กคัพ 2014 พ่วงรางวัลส่วนตัวอย่างดาวซัลโว และนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์มาแล้ว ก่อนจะถูกปล่อยให้พัทยา ยูไนเต็ด ยืมไปร่วมทีมสู้ศึกลีกรองในปี 2015 และถูกกิเลนผยองเรียกกลับมาติดทีมลุยไทยลีกเมื่อปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ภายใต้โอกาสในถิ่นเอสซีจี สเตเดียม “เคน” แทบไม่ได้โอกาสลงสนามช่วยทีมมากนัก เนื่องจากมีแข้งรุ่นพี่ที่เป็นซูเปอร์สตาร์ รวมทั้งนักเตะต่างชาติฝีเท้าดีอยู่เต็มทีม อย่างมากก็แค่ได้ลงสนามเป็นตัวสำรองเท่านั้น และได้ลงเล่นไป 14 เกมด้วยกัน ก่อนจะกลับมาเล่นให้โลมามหาภัยอีกครั้งในไทยลีก 2017 ภายใต้การคุมทีมของสุรพงษ์ คงเทพ พิชาได้โอกาสลงสนามในฐานะแนวรุกริมเส้นตัวเลือกแรกๆ และทำไปแล้วถึง 5 ประตูด้วยกัน
ซึ่งจากประสบการณ์บนลีกสูงสุด ทำให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติไทย U23 กับการคว้าเหรียญทองซีเกมส์ในดินแดนเสือเหลือง และในขณะนี้ดาวเตะหมายเลข 37 ยังคงเป็นแกนหลักของยอดทีมจากภาคตะวันออกในการลุ้นอันดับจบเลขตัวเดียวให้ได้
6. เควิน ดีรมรัมย์ (ราชบุรี มิตรผล เอฟซี)
อดีตเด็กสร้างของสโมสรเยอร์กาเดนส์ ในลีกสวีเดน และแวร์เดอร์ เบรเมน มีโอกาสย้ายมาเล่นในเมืองไทยหนแรกหลังเอเยนต์ชี้ให้เห็นถึงความเติบโตของวงการลูกหนังแผ่นดินเกิดของมารดาที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด และเป็นราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่ประสบความสำเร็จด้วยการดึงมาเสริมกราบซ้าย
เพียงซีซันแรกบนไทยลีก เควินงัดประสบการณ์จากต่างแดน ผ่านการเรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังสมัยทดสอบฝีเท้ากับเบรเมน หรือโรมา ตลอดจนสโมสรยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิดจนก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักในแผงเกมรับฝั่งซ้ายของทัพราชันมังกร แถมยังมีโอกาสเบิกสกอร์แรกให้ทีมได้ในเกมถล่มซุปเปอร์ พาวเวอร์ 6-2 จนถูกมิโลวาน ราเยวัช เรียกขึ้นไปติดทีมชาติชุดใหญ่มาแล้ว นอกจากนี้ เจ้าตัวยังเป็นหนึ่งในขุนพลช้างศึก U23 คว้าเหรียญทองซีเกมส์ครั้งที่ 29 มาครองได้อีกด้วย
7. ชินภัทร ลีเอาะ (เชียงราย ยูไนเต็ด)
อีกหนึ่งดาวเตะชุดคว้าแชมป์ซีเกมส์บนแผ่นดินมาเลเซีย ฉายแววเด่นมาตั้งแต่การเป็นสตาร์ดังของรั้วอัสสัมชัญธนบุรี หลังมีส่วนสำคัญพาทีมคว้าแชมป์ระดับนักเรียนมากมาย อาทิ แชมป์กีฬา 7 สี, ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษา รุ่น 18 ปี ประเภท ก, ไพรม์มินิสเตอร์ ฯลฯ จนมีโอกาสเซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มาแล้ว
จากนั้นเขาถูกปล่อยให้พัทยา ยูไนเต็ด ยืมไปใช้งาน เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่กลับยังไม่ได้รับการการันตีเป็นตัวจริงให้กับโลมามหาภัย กระทั่งช่วงก่อนเข้าสู่ซีซัน 2017 “บอมบ์” ตัดสินใจโยกมาหาประสบการณ์บนแผ่นดินล้านนากับเชียงราย ยูไนเต็ด และแม้แผงเกมรับของทีมจะอุดมไปด้วยแข้งประสบการณ์สูงทั้งไทยและเทศ ทว่าปราการหลังหมายเลข 36 กลับพิสูจน์ตัวเองจนก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมไปแล้ว แน่นอนว่าหากยังรักษามาตรฐานการดักบอลที่วางใจได้ ไม่แน่ว่าเส้นทางสู่ทีมชาติชุดใหญ่คงจะรอเจ้าตัวอยู่ในไม่ช้า
8. รัตนากร ใหม่คามิ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
ผลผลิตลูกหนังอีกรายของจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกับทัพอคาเดมีปราสาทสายฟ้า รุ่นเดียวกับศุภโชค สารชาติ และอานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ที่พาทีมซิวแชมป์ระดับเยาวชนเป็นว่าเล่น ก่อนจะมีโอกาสรับใช้ต้นสังกัดชุดใหญ่เมื่อช่วงเลกสองของฤดูกาลที่ผ่านมา
กับโอกาสในทีมชุดใหญ่ “เกม” ใช้เวลาไม่นานในการยึดตำแหน่งตัวจริงให้กับทีม เขาสามารถเบียดรุ่นพี่ร่วมสโมสรในการยืดหยัดทั้งแผงเกมตรงกลาง และบางครั้งกับตำแหน่งเกมรับตามแต่แผนของโค้ชได้อย่างไร้ที่ติ และด้วยโอกาสการลงเล่นบ่อยครั้งในลีก ทำให้วรวุธ ศรีมะฆะ ไม่รอช้าที่จะหนีบเจ้าตัวสวมเสื้อช้างศึก U23 คว้าเหรียญทองมาครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ แน่นอนว่าโค้งสุดท้ายของศึกไทยลีกนี้ สตาร์สารพัดประโยชน์ยังคงเป็นหนึ่งในแกนหลักลุ้นสร้างเกียรติประวัติให้กับตัวเองผ่านการช่วยทีมลุ้นแชมป์ลีกอย่างไม่ต้องสงสัย
9. นนท์ ม่วงงาม (เชียงราย ยูไนเต็ด)
ท่ามกลางนายทวารมากประสบการณ์รุ่นพี่ในถิ่นยูไนเต็ด สเตเดียม ไม่ว่าจะเป็นฉัตรชัย บุตรพรม และ ภัทร ปิยภัทร์กิติ รวมไปถึง สราวุธ กองลาภ (ในขณะนั้น) ทำให้หลายฝ่ายมองว่า นนท์ ซึ่งเคยมีดีกรีเป็นถึงนายทวารทีมชาติฝรั่งเศสรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี น่าจะถูกดองยาวไปอีก 1 ฤดูกาล
ทว่าเขากลับถูกอเล็กซานเดร กามา ให้โอกาสลงทำหน้าที่ในฐานะนายด่านมือหนึ่งของทีม หลังภัทรถูกวิจารณ์ฟอร์มการเล่น รวมถึงฉัตรชัยเองก็ยังไม่หายจากการบาดเจ็บ ขณะที่สราวุธก็ถูกปล่อยให้ศรีสะเกษดึงไปเสริมทีม ก่อนที่เด็กหนุ่มชาวจังหวัดอ่างทองจะตอบแทนผลงานได้อย่างไร้ที่ติ โชวืช็อตป้องกันประตูแบบมหัศจรรย์หลายหน และไม่ยอมให้ใคร ยิงในเกมโอเพ่นเพลย์ผ่านเขาไปได้ง่ายๆ อีกทั้งประสบการณ์น่าจดจำในซีเกมส์ 2017 ที่เขาทำสถิติเสียแค่ 1 ประตูจากจุดโทษตลอดทัวร์นาเม้นท์ ยิ่งการันตีถึงความโดดเด่นที่เกินวัย
ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉัตรชัย จะหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว ทว่ากามายังคงวางใจให้นายด่านรุ่นน้องรายนี้เป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม และได้โอกาสลงเฝ้าเสาในเกมลีกเช่มเดิม
10. ศุภโชค สารชาติ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
แนวรุกลูกหม้อของทัพปราสาทสายฟ้า เริ่มไต่เต้าและพัฒนาฝีเท้าจนมีชื่อติดทีมชุดใหญ่พร้อมทำสถิติเป็นหนึ่งในผู้เล่นดาวรุ่งที่ประสบความสำเร็จกวาดไปแล้ว 6 แชมป์กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในวัยเพียง 19 ปี ซึ่งในฤดูกาลปัจจุบัน “เช็ค” ยังคงมีชื่อลงสนามเป็น 11 ติดทีมชุดใหญ่ของบุรีรัมย์อย่างต่อเนื่อง
ความร้อนแรงของดาวเตะหมายเลข 19 ยังคงฉายมาให้เห็นในฤดูกาล 2017 เพราะเพียงไทยลีกเปิดฤดูกาลมาไม่กี่เดือน ศุภโชคกลับขยับขึ้นไปเป็นดาวซัลโวได้จากการทำ 3 ประตูในเกมบุกถล่มไทยฮอนด้า 5-1 เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา และในขณะนี้ที่เป็นช่วงโค้ชสุดท้ายก่อนปิดซีซัน เขาเบิกสกอร์ให้ปราสาทสายฟ้าไปแล้วถึง 7 ประตูด้วยกัน แน่นอนว่าจากผลงานที่เด่นเกินอายุ ทำให้เด็กจากจังหวัดศรีสะเกษถูกมิโลวาน ราเยวัช กุนซือช้างศึกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ในเกมคัดบอลโลกกับอิรัก รวมถึงออสเตรเลียมาแล้ว และหากไม่มีอะไรผิดพลาด ศุภโชคจะเป็นหนึ่งในแกนหลักในการทำเกมรุกในนามทีมชาติไทยชุด U23 ที่จะลงทำการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียต้นปีหน้าอย่างแน่นอน