ทีมชาติไทย คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ สมัยที่ 15 และ ป้องกันแชมป์ไว้ได้ หลังจากที่ ดวลจุดโทษเอาชนะ เบลารุส ไปด้วยสกอร์ 5-4 หลังจากที่เสมอกันในเวลา 0-0 และนี่คือการคว้าแชมป์แรกของ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบีย หลังจากเข้ามาคุมทีมชาติไทยอีกด้วย และนี่คือคะแนนความสามารถของนักเตะทุกคนในเกมนี้
ตัวจริง
กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ 8 : ต้องออกแรงเซฟบ้างในช่วงต้นเกม แต่ก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ และยังสั่งการแผงหลังได้ดีเหมือนเดิม ยังมีสมาธิกับเกมอยู่ตลอด งัดเซฟสำคัญมาช่วยไทยในช่วงท้าย และยังเป็นคนเซฟสองจุดโทษช่วยให้ทีมชาติไทยป้องกันแชมป์ไว้ได้ในเกมนี้
อดิศร พรหมรักษ์ 6 : รับผิดรอบเกมรับทางขวาของตัวเองได้ดี มีจังหวะเติมเกมรุกขึ้นมาหลายครั้ง แต่จังหวะเกมรุกสุดท้ายยังทำได้ไม่ดี ทั้งๆที่หลายครั้งมีจังหวะลุยขึ้นมาได้ดี
พรรษา เหมวิบูลย์ 8 : ยังคงเล่นได้แข็งแกร่ง เข้าเบียดปะทะกับ แนวรุกที่รูปร่างใหญ่ของ เบลารุส ได้อย่างไม่กลัว พึ่งพาได้ในจังหวะลูกกลางอากาศ และสกัดลูกอันตรายได้หลายครั้ง
เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว 7: จับคู่กับพรรรษาบัญชาการเกมรับของไทยอย่างต่อเนื่อง ยังรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองได้ดี เล่นได้สุขุมไม่ค่อยเข้าบอลหรือสกัดบอลทิ้งแบบโฉ่งฉาง
พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา 6: ยังคงได้เล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายต่อไป เกมรับยังปล่อยให้ ผู้เล่นริมเส้นของ เบลารุส ก่อกวนได้บ้าง มีจังหวะเติมเกมจากลูกโต้กลับเร็วจนทำให้ไทยได้ลุ้น
ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ 7: ยังคงเป็นนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยพลังเหมือนเดิม มีจังหวะไล่อัดหนักๆใส่ เบลารุส หลายครั้งในช่วงต้นเกมต้นหวาดเสียวจะถูกใบเหลือง ยังขยันและวิ่งเชื่อมเกมไปทั่วสนามเหมือนเดิม และยิงจุดโทษในช่วงตัดสินได้ดี
ธนบูรณ์ เกษารัตน์7 : มีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้นกว่าเกมแรก ถอยตัวเองลงมาเชื่อมบอล จากแผงหลังได้ดี ประสานงานกับ ฐิติพันธ์ ได้ลงตัวมากขึ้น และช่วยตัดบอลในแดนกลางได้ดีในหลายจังหวะ
มงคล ทศไกร 5 : ยังคงไร้บทบาทในเกมรุกเหมือนกับเกมแรก แต่ก็ยังมีข้อดีที่ความขยัน สามารถลงมาช่วยเกมรับได้ แต่โดยรวมแล้วแทบจะไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลยแม้แต่น้อยในเกมนี้ ถือว่าน่าผิดหวัง
สรรวัชญ์ เดชมิตร 5 : มุ่งมั่นมากกว่าเกมแรกอย่างเห็นได้ชัด มีบทบาทกับเกมรุกพอสมควรในช่วงต้นเกม แต่บอลสุดท้ายทีเด็ดทีขาดจากเท้ายังไม่แม่นยำพอ และถูกแทนที่ด้วย ธีรเทพ วิโนทัย
ธีราทร บุญมาทัน7 : ยังได้เล่นในตำแหน่งเดิมจากเกมแรก แต่ดูเหมือนจะปรับตัวกับการยืนในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายได้ดี เป็นคนเชื่อมบอลที่ดีอีกคนในแดนกลาง แต่ครึ่งหลังบทบาทยังน้อยไปยิงจุดโทษได้อย่างเฉียบขาดในช่วงตัดสินเกม
อดิศักดิ์ ไกรษร 5 : ถูกมอบหมายให้เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ทำให้ต้องเก็บบอลและคอยชนกับเซนเตอร์ของ เบลารุส ที่แข็งแกร่งกว่า จนถูกเบียดจนเสียหลักไปหลายครั้ง แต่ยังหาโอกาสให้ตัวเองได้บ้าง และก็ถูกแทนที่ด้วย สิโรจน์ ฉัตรทอง
ตัวสำรอง
สิโรจน์ ฉัตรทอง 6 : มีเวลาค่อนข้างเยอะ ในการลงสนามมาแทนที่ของ อดิศักดิ์ ไกรษร ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง ใช้ความเร็วและความแข็งแกร่ง เรียกฟาว์ลให้กับทีมได้ เป็นคนยิงจุดโทษเป็นประตูชัยให้ทีม
ธีรเทพ วิโนทัย 6 : ได้โอกาสลงมาเป็นตัวสำรองให้กับทีมอีกครั้ง แทนที่ของ สรรวัชญ์ เดชมิตร พยายามใช้ความขยัน แต่จังหวะประสานกับเพื่อนร่วมทีมยังขาดความเข้าใจ เอาชนะความกดดันในการยิงจุดโทษได้ดี
ฟิลิป โรลเลอร์ 6 : ได้โอกาสลงสนามอีกครั้งแทนที่ของ มงคล ทศไกร เล่นตำแหน่งปีกขวา มีความเร็วและความกล้าที่จะพาบอลไปเอง ยิงลูกโทษให้ทีมได้เยือกเย็น