ถือว่าเป็นข่าวที่ช่วงชิงกระแสบนพื้นที่สื่อกีฬาในประเทศไทยและในอาเซียนรวมถึงทวีปเอเชีย ได้ไม่น้อยสำหรับการที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ทำการหาเฮดโค้ชทีมช้างศึกคนใหม่หลังจากที่ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ประกาศยุติหน้าที่
เป็นระยะเวลาเกือบ 1 เดือนเต็ม ที่ทีมช้างศึกกลายเป็นข่าวกับกุนซือชื่อดังหลายคน บ้างเป็นข่าวลวง บ้างก็เป็นข่าวจริง และมีถึง 8 คนที่มีดีกรีไม่ธรรมดา และได้แสดงความตั้งใจจริงด้วยการเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อขอเข้าพบ นายกสมาคมฯ เพื่อเสนอตัวชิงตำแหน่งนี้
จนในที่สุดช้างศึกประกาศ แต่งตั้ง มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบีย ที่มีผลงานชิ้นโบว์แดงคือการพาทีม กานา ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศบราซิล ก่อนพ่ายแพ้ต่อ อุรุกวัย แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวนี้อยู่ในสายตาของ “พอล เมอร์ฟี่” ผู้สื่อข่าวของ สื่อดังระดับโลกอย่าง ESPN ที่ประจำการอยู่ที่ประเทศไทย และคอยเกาะติดความเคลื่อนไหวของลูกหนังไทย ไปรายงานสู่สายตาชาวโลกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แน่นอนว่าแฟนบอลชาวไทยย่อมคุ้นชื่อของเขาเป็นอย่างดี
“จริงๆผมคิดว่ามันค่อนข้างเซอร์ไพรซ์นะ ที่ทีมชาติไทยประกาศแต่งตั้ง ราเยวัช แม้ว่าความสำเร็จของเขาในการพาทีมกานาเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก ถือเป็นอะไรที่น่าประทับใจ” พอล เมอร์ฟี่ กล่าวเริ่มกับ Football Tribe
“แต่ผลงานที่ว่ามันก็ผ่านมา 7 ปีได้แล้ว หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายนัก และหลังจากนั้นเขาก็รับงานคุมทีมชาติแอลจีเรียสองนัด”
หลังจากผ่านช่วงสูงสุดกับการพา กานา ไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010 ราเยวัช เลือกที่จะไปคุมทีม อัล อาห์ลี ในตะวันออกกลาง และทีมชาติกาตาร์ รวมไปถึง รูดาร์ วาเลนเย่ ในลีกสโลวีเนีย และ แอลจีเรีย เป็นทีมสุดท้ายก่อนมาคุมทีมชาติไทย
ซึ่งกว่าที่ กุนซือชาวเซิร์บวัย 63 ปีจะได้รับเลือกก็ต้องเอาชนะตัวเลือกอีกมากมายที่เป็นข่าวกับทีมช้างศึก อาทิ วินฟรีด เชเฟอร์ อดีตกุนซือคนเก่า ,เรเน่ มูเลนสตีน อดีตมือขวาเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, มาซาฮิโระ ชิโมดะ อดีตผู้อำนวยการเทคนิคของญี่ปุ่น, จอร์แวน วิเอเร่า อดีตกุนซือที่เคยพาอิรัก คว้าแชมป์เอเชี่ยนส์คัพเมื่อปี 2007 รวมไปถึง อแลง แปร์กแรง อดีตกุนซือโอลิมปิก ลียง และเฮดโค้ชระดับโลกอีกหลายคนที่ยื่นโปรไฟล์เข้ามารวมไปถึงเป็นข่าวทีมทีมชาติไทยตลอดระยะเวลา
“เรื่องที่ทีมชาติไทย มีโค้ชระดับโลกให้ความสนใจมากมายผมไม่ได้ประหลาดใจเลยนะ เพราะงานนี้ถือว่ามีความดึงดูด ที่จะได้ร่วมงานกับนักเตะที่มีคุณภาพ และมีโอกาสพัฒนาต่อได้ ความหวังสูงสุดคือการไปลุยฟุตบอลโลกดึงดูดโค้ชได้หลายคน แต่ผมก็ประหลาดใจอยู่บ้างนะกับบิ๊กเนมอย่าง ดุงก้า หรือ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด”
แน่นอนว่า การที่ มิโลวาน ราเยวัช เข้ามารับงานต่อจาก เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ย่อมเกิดการเปรียบเทียบในเรื่องของผลงานการคุมทีมอย่าง ยากที่จะหลีกเลี่ยง ซึ่ง พอล เมอร์ฟี่ ได้แสดงทัศนะถึงจุดนี้
“ราเยวัช ยังมีอีกหลายอย่างที่จะต้องพิสูจน์ แน่นอนว่าคุณสามารถเปรียบเทียบเขากับ ซิโก้ได้ เฮดโค้ชทีมชาติไทยคนก่อน สร้างทีมที่มีสปิริตยอดเยี่ยมขึ้นมา และพาทีมขึ้นมาจากจุดที่เลวร้ายที่สุดของฟุตบอลไทยให้กลายเป็นช่วงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งราเยวัช จะต้องทำงานโดยเร็ว และทำให้ผลการแข่งขันออกมาดี เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราควรค่าแก่การที่จะมาสานงานต่อจากซิโก้”
กุนซือชาวเซิร์บได้รับสัญญาเบื้องต้น 1 ปี ซึ่งคอลัมนิสต์คนดังแห่ง ESPN ได้แสดงทัศนะถึงงานของเขาต่อไปนี้และสิ่งที่เขาจะเขามาเปลี่ยนแปลงจากช้างหลังได้รับโอกาส
“ราเยวัช อาจจะสามารถพาทีมไปยังอีกระดับได้ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเวลาของเขาจะเพียงพอหรือไม่ เพราะเขาได้สัญญาแค่ 1 ปี ดูเหมือน สมาคมฟุตบอลฯ ยังเปิดประตูเอาไว้ให้กับโค้ชคนอื่นๆที่อาจจะเข้ามาทำทีมในการแข่งขันฟุตบอลเอเชี่ยนส์คัพ 2019 รอบสุดท้าย มันยากทีเดียวที่จะอะไรคือสิ่งที่ราเยวัชจะต้องแสดงให้เห็นเพื่อให้ได้รับการต่อสัญญา”
“ถ้าหากเขาสามารถสื่อสารออกมาได้ดี ราเยวัชอาจจะสามารถทำให้ทีมเล่นตามแท็คติกรวมไปถึงการฝึกฝนตามแบบของเขาได้ เขาต้องแสดงให้เห็นถึงความอดทน เพราะมันจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่งให้นักเตะได้ปรับตัวในการเปลี่ยนแปลงโค้ช เพราะว่าซิโก้ค่อนข้างได้รับความนิยมในหมู่นักเตะ ราเยวัช จะต้องได้รับการยอมรับในห้องแต่งตัวเสียก่อน จึงจะสามารถนำแนวทางของเขามาใช้ได้”
สำหรับ มิโลวาน ราเยวัช จะประเดิมงานแรกในการอุ่นเครื่องกับ อุซเบกิสถาน ในวันที่ 6 มิถุนายน และ ลงเล่นฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกกับยูเออี ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานในวันที่ 13 มิถุนายน