5-3-2 Defence
สำหรับ ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งแม้ชื่อชั้นจะไม่แข็งแกร่งเหมือนกับ ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย ที่ไทยเจอมาก่อนหน้านี้ แต่อย่าลืมว่าตอนนี้พวกเขาเป็นจ่าฝูงงของกลุ่ม ที่อุดมไปด้วยทีมที่แข็งแกร่ง แถมยังเป็นทีมที่สถิติเหนือกว่าไทยยามพบกันอยู่ไม่น้อย เพราะช้างศึกเอาชนะได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้น จากการพบกันทั้งหมด 17 ครั้ง แถมชัยชนะครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปถึงปี 1984 ซึ่งตรงนี้ช้างศึกก็อาจจะไม่กล้าที่จะผลีผลามลุยแหลกเพราะทางฝั่งทีมเยือนนั้นก็มีทีเด็ดเหมือนกัน และไม่ใช่ทีมที่ไทยจะผ่านได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นเกมนี้ รับแน่นแล้วรอโต้กลับเพื่อเอาอย่างน้อย 1 คะแนนก็อาจจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจแม้ว่าแฟนบอลจะไม่อยากเห็น
ในระบบนี้หากไม่มีอะไรผิดพลาด กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ จะยังคงได้ลงสนามเป็นมือหนึ่งเหมือนเดิม แนวรับเริ่มจากสามเซนเตอร์ ใร ธนบูรณ์ เกษารัตน์ เป็นหัวใจในแดนหลังยืนตรงกลางขนาบข้างด้วย อดิศร พรหมรักษ์ ที่รักษาฟอร์มเก่งต่อเนื่องในสโมสรเมือทอง และ ประทุม ชูทอง ที่ทำผลงานกับเชียงราย ได้ดี และมีลุ้นได้ลงสนามก่อน ส่วนแบ็กขวา ก็เป็น ทริสตอง โด และ แบ็กซ้าย เป็น พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา
แดนกลาง ใช้งานจักรพันธ์ แก้วพรม ที่ถูกเรียกมาติดทีมอีกครั้ง ยืนทำเกมร่วมกับ ปกเกล้า อนันต์ ที่เรียกได้ว่ากองกลางแกนหลักของทีมชาติชุดนี้ในวันที่ไม่มีสารัช อยู่เย็น และขยับเอา ธีราทร บุญมาทัน ขึ้นมาเล่นตำแหน่งกองกลางคล้ายๆแท็คติกของ ธชตวัน ศรีปาน กุนซือเมืองทอง ในการบริหารจัดการให้ ธีราทร และ พีระพัฒน์ ลงสนามร่วมกันได้
ส่วนตู่กองหน้าจำใจต้องถอด สิโรจน์ ฉัตรทอง ออกไปนั่งดูก่อน แล้วใช้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ในบทบาทหน้าต่ำ และให้ ธีรศิลป์ แดงดา ยืนค้ำในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า