เอเชีย เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก

FIVE SWEET SPOTS: 5 บทเรียนหลังเกมค้างคาวไฟบุกโดนเซียงไฮ้ถล่ม

สุโขทัย เอฟซี ตัวแทนจากไทย ทำได้ดีที่สุดคือรอบเพลย์ออฟรอบที่สามด่านสุดท้ายของ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม หลังจากบุกไปพ่าย เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี แบบขาดลอย 3-0 และนี่คือ บทเรียนที่พวกเขาได้จากเกมนี้

 

พวกเขาสู้ได้ดีเกินคาด

แน่นอนว่าการออกไปเล่นด้วยการเป็นตัวแทนประเทศ ไม่ว่าคุณจะไปเล่นในสภาพไหน หรือได้สิทธิ์ไปเพราะอะไร คุณย่อมแบกหน้าตาของคนไทยทั้งประเทศเอาไว้ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า สุโขทัย เอฟซี ยังไม่เตรียมความพร้อมในเรื่องของการเดินทาง อาจจะเพราะการเป็นมือใหม่ ในรายการนี้ แต่สุดท้ายก็ขอวีซ่าผ่านฉลุย และเมื่อมองคุณภาพตัวผู้เล่นแล้ว แค่งบประมาณการทำทีมทั้งปีอาจจะยังไม่พอจ่ายค่าเหนื่อยของออสการ์เพียงแค่คนเดียว  รวมไปถึงสภาพอากาศหนาวที่ผู้เล่นไทยไม่ค่อยคุ้นหลายคนคิดว่าสุโขทัย จะเอาอะไรไปสู้

บางคนอาจจะคิดว่าพวกเขามีสิทธิ์ทำลายสถิติของ ชลบุรี เอฟซี ที่บุกไปถูก เอฟซี โตเกียว ถล่ม 9-0 ก็เป็นได้ แต่เกมนี้ต้องขอคาราวะว่าเหล่าขุนพลค้างคาวไฟ สามารถสู้กับทีมระดับบิ๊กของทวีปเอเชียได้ดีกว่าที่คาดคิด แม้สกอร์จะดูเหมือนขาดลอยที่ 3-0 แต่หากดูที่รูปเกมแล้ว โดยเฉพาะครึ่งแรก ตัวแทนจากไทยสามารถเปิดเกมรุกขึ้นมาใส่ทีมเยือนแบบไม่เกรงกลัว แม้จะเสียไป 2 ประตู และรูปเกมครึ่งหลังจะดูแย่เพราะนักเตะเริ่มเสียสมาธิ แต่โดยรวมแล้วพวกเขาทำได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้มาก

 

ถูกลงโทษจากความผิดพลาด

เกมนี้ช่วง 20 นาทีแรก รูปเกมของสุโขทัย เอฟซี ในการบุกไปต่กรกับทีมยักษ์ใหญ่ในทวีปเอเชียอย่าง เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี  ออกมาดูดีทีเดียว ในการไล่กระชับพื้นที่ในแดนกลางของตัวเอง และตัดเกมของสุโขทัย เอฟซี ตั้งแต่ตรงกลางสนาม จะเห็นได้ว่าเกมในช่วงแรกมีจังหวะที่ลูกบอลตายและเกมหยุดอย่างบ่อย ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อ ทีมที่เป็นต่อและต้องการเกมบุกที่ต่อเนื่องแบบเซี่ยงไฮ้  

และเมื่อพวกเขาเริ่มทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ค่อยๆย่ามใจและขึ้นไปเปิดเกมบุกใส่ จนถูกสวนกลับเร็ว แถม คาตาโนะ ฮิโรมิชิ ที่เป็นมิดฟิลด์ตัวตัดเกม ของพวกเขายังได้รับบาดเจ็บในจังหวะดังกล่าวทำให้ไม่มีใครเข้าไปชะลอเกมรุก และถ้าสังเกตุให้ดีว่า จอห์น บาจโจ้ เจ้าของส่วนสูง 158 เซนติเมตรพยายามจะเข้าไปตัดเกมแล้วแต่หยุดไม่อยู่ จนเป็นเหตุให้ ออสการ์ ซัดประตูแรกได้ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีบทบาทอะไรกับเกม

และประตูที่สองก็มาจากความผิดพลาดของ ศักดรินทร์ มิ่งสมร ที่ไปเสียบอล ตรงพื้นที่อันตรายให้ ฮัล์ค ฉกเอาไปเปิดบอลเข้ามาตรงกลาง และพาให้แนวรับไม่สามารถจัดระเบียบได้ จนร่วมไปหมด และเสียประตูที่ 2 ปิดท้ายที่ประตูที่สาม กิตติศักดิ์ ธูปขุนทด หากมีสถิติในจังหวะสกัดบอลทิ้งแล้วพาตัวเองขึ้นไปเช็กล้ำหน้า อาจจะไม่เสียประตูที่ 3 เพราะฉะนั้นพูดได้ว่า ทุกประตูที่เสียไป มาจากความผิดพลาดของพวกเขาเองทั้งนั้น แต่มันคือประสบการณ์ชั้นดีที่ได้เรียนรู้

 

แข้งนอกถือว่าสอบผ่าน

ในเกมนี้ของสุโขทัย เอฟซี แม้ว่าจะพ่ายแพ้ แต่บรรดานักเตะต่างชาติของพวกเขาหลายคนสอบผ่านในการเล่นในระดับนี้ได้ ยกเว้นเพียงแค่ คาตาโนะ ฮิโรมิชิ เท่านั้นที่มีเวลาอยู่ในสนามน้อยเกินไปเพราะบาดเจ็บ และอาจจะต้องพักถึง 1 หรือ 2 สัปดาห์

ส่วนคนอื่นๆที่อยู่ในสนามถือว่าสอบผ่านเลยทีเดียว โดยเฉพาะ ดิยุฟ บิรัม ที่ใช้ความแข็งแกร่ง ช่วยทีมเก็บบอลได้ดี และสามารถสู้กับแนวรับเจ้าบ้านได้ แถมยังมีลูกขยันลงมาช่วยเกมรับ ด้าน จอห์น บาจโจ้  ที่แม้จะเริ่มต้นได้ไม่ค่อยดี แต่เมื่อปรับจังหวะของตัวเองได้ ก็ทำผลงานได้ดีขึ้นและป่วนริมเส้นทางขวาได้เรื่อยๆ และมีจังหวะได้เปิดมากดดันหลายครั้ง

ส่วน อัดเมียร์ อโดรวิช ที่เหมือนจะถูกตัดออกจากเกมไปเพราะทีมเน้นตั้งรับ แต่ทุกครั้งที่ได้บอลก็สามารถทำประโยชน์ให้ทีมได้ ซึ่งทั้งหมดน่าจะเป็นกำลังสำคัญของสุโขทัย ในฤดูกาลนี้ได้

 

เพลย์ออฟรอบสามปราการด่านหินของทีมไทย

ระบบการให้โควตาและการเล่นเพลย์ออฟของ เอเอฟซี ที่ให้ทีมเล็กๆ เจอกันแล้วหาผู้ชนะไปเจอกับทีมยักษ์ใหญ่ จากลีกชั้นนำอย่าง เจลีก,เคลี , เอลีก และ ไชนีสซูเปอร์ลีก เปรียบไปก็เหมือนกับปลาใหญ่กินปลาเล็ก

เพราะสุดท้ายแล้วทีมที่เข้ารอบก็คือทีมใหญ่ที่รอในรอบสุดท้าย ทั้งความได้เปรียบหลายอย่างทั้งคงามเหนื่อยล้าที่ไม่ต้องผ่านเกมมาก่อน และการได้เล่นในบ้านในเกมตัดสินที่เล่นกันเพียงแค่นัดเดียว

ทำให้หลายปีมานี้ทีมตัวแทนจากไทยมีเพียงแค่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมเดียวที่สามารถผ่านรอบนี้เข้าไปสู่รอบแบ่งกลุ่มได้ ด้วยการเอาชนะ จุดโทษ บริสเบน โรว์ ที่เดินทางมาแข่งขันที่ไอโมบายสเตเดี้ยม เพราะสนามของพวกเขาไม่พร้อม นอกจากนั้นไม่ว่าจะเป็น ชลบุรี เอฟซี, บางกอกกล๊าส เอฟซี และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็ไม่เคยผ่านรอบนี้ไปถึงรอบแบ่งกลุ่มได้ เช่นกันกับสุโขทัย เอฟซี

 

มาไกล

จากทีมระดับลีกรากหญ้าของประเทศไทยที่ในปี 2014 พวกเขายังเล่นในดิวิชั่น 2 ลีกกึ่งอาชีพ และจากนั้นเลื่อนขึ้นมาเล่นลีกรองในปี 2015 กว่าจะได้ขึ้นมาเล่นไทยลีกได้ ก็ต้องลงเล่นนัดตกค้างกับ นครปฐม ยูไนเต็ด เพื่อชิงตั๋วใบสุดท้ายเลื่อนชั้น

ปีแรกเกจิหลายคนมองว่าพวกเขาแค่อยู่รอดก็เก่งแล้ว แต่ที่ไหนได้ค้างคาวไหขยับขึ้นมาจบอันดับที่เลขตัวเดียวจนทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมยังแอบมองค้อน แถมผ่านเข้าถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลช้างเอฟเอคัพ แม้จะได้โควต้าจากการจับฉลากแต่พวกเขาก็มีการเตรียมความพร้อมที่ดี เพราะสามารถทำให้สนามทุ่งทะเลหลวงผ่านการรับรองจากเอเอฟซี และได้เล่นในรังเหย้าในรอบที่ผ่านมา

จนสามารถมอบความสุขสมหวังให้แฟนๆได้ ด้วยการถล่มเอาชนะ ยาดานาร์บอน ในการเปิดตัวในทัวร์นาเม้นท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ทั้งๆที่สองปีที่แล้วพวกเขายังต้องเจอทีมอย่าง น่าน เอฟซี, แพร่ เอฟซี หรือ อุตรดิตถ์ เอฟซี อยู่เพราะ เพราะฉะนั้นการก้าวไปชนกับยักษ์ใหญ่ระดับทวีปที่มี กุนซือออย่าง อังเดร วิลลาส โบอาส และนักเตะอย่าง ออสการ์ และ ฮัล์ค ถือว่าพวกเขามาไกลมากๆแล้ว