วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานกรรมการบริหารบริษัท วาร์ริกซ์สปอร์ต จำกัด เปิดเผยเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ใช่ผลิตชุดแข่งขันของ สุพรรณบุรี เอฟซี ทั้งเส้นใยและเนื้อผ้าที่เน้นผิวสัมผัสที่ดี นอกจากนี้ยังมี เลเซอร์ คัท บริเวณด้านข้าง รวมไปถึงการทำให้ผ้าเป็นสองสีทั้งด้านหน้าและด้านหลังที่สโมสรชั้นนำในทวีปยุโรปนิยมใช้กันในปัจจุบัน
“เรื่องของการผลิตสิ่งดีๆให้กับสโมสร โดยเสื้อแข่งทั้งเหย้าและเยือนปีนี้ เราได้นำเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับเส้นใยและเนื้อผ้า การถักทอ ที่ใส่คุณภาพ และเทคโนโลยีเข้าไปอย่างเต็มที่ เราได้เลือกเส้นใยที่ทำหน้าที่ดูดซับเหงื่อและระบายอากาศ เป็นสิ่งที่พัฒนาต่อยอดจากสองปีที่ผ่านมา ซึ่งในปีที่ 3 นี้ เราก็เน้นเรื่องผิวสัมผัสที่ดี และลวดลายในเนื้อผ้าที่เป็นสิ่งที่ทำยากขึ้นไปอีก จึงคิดว่าแฟนบอลทุกคนน่าจะอยากสะสมเอาไว้ โดยตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา เราคิดว่าทำให้เสื้อของ สุพรรณบุรี เอฟซี เป็นที่ยอมรับในวงการฟุตบอลลีก”
“สำหรับโจทย์ปีนี้ยากนิดหนึ่ง ตรงที่ข้อแรก เสื้อเป็นสไตล์ย้อนยุค แต่เราต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ ในการทำริปที่แขน และปกคอเสื้อ โดยใช้เส้นด้ายที่มีความคงทน แต่ยังคงสวมใส่สบายอยู่ นำเอาความทันสมัยใส่ลงไปในสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ก็ถือว่าเป็นโจทย์ที่ยากและท้าทายทีเดียว”
“เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับเส้นใยและการทอผ้าของปีนี้ แปลกใหม่กว่าสองปีที่ผ่านมา เราจะมีเส้นใยที่ทำให้ผิวสัมผัสดีขึ้น และยังคงคุณสมบัติเรื่องการดูดซับเหงื่อและระบายอากาศ ทำให้นักกีฬาที่สวมใส่รู้สึกสบายและระบายความร้อนได้ดีเหมือนเดิม”
“อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ยังไม่เคยปรากฏบนเสื้อของ สุพรรณบุรี เอฟซี มาก่อน คือเทคโนโลยีที่เรียกว่า เลเซอร์ คัท เรานำมาใช้บริเวณด้านข้างของเสื้อ เพื่อให้เกิดดีไซน์ที่ดูดีและสามารถระบายอากาศได้ดีด้วย และการทำให้ผ้าเป็นสองสีทั้งด้านหน้าและด้านหลังบนชุดเหย้าของทีม ด้านหน้าเป็นสีดำ และด้านในเป็นสีกรมท่า เราเรียกว่าเทคนิคการย้อมโดยเส้นด้ายทำให้เกิดการจับสีด้านหน้าหนึ่งสี และด้านหลังอีกหนึ่งสี ซึ่งถือว่าใหม่มากในวงการฟุตบอล สิ่งเหล่านี้มันถูกใช้อยู่ในฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ, สเปน, เยอรมัน”
“แต่ผมเชื่อว่าในวงการฟุตบอลไทย สุพรรณบุรี เป็นสโมสรแรกที่ใช้เทคนิคนี้มาทำผ้าในการตัดเย็บ” นายใหญ่แห่ง วาร์ริกซ์ อธิบายเกี่ยวกับเสื้อแข่งสุพรรณบุรี 2017 อย่างละเอียด
นอกจากนี้ วาร์ริกซ์ ที่ได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนเสื้อผ้ากีฬา และชุดแข่งขันให้กับ “ช้างศึกยุทธหัตถี” ไปแล้ว 2 ฤดูกาล ตั้งแต่ปี 2015 – 2016 และต่างเป็นที่พอใจกันและกันของทั้งสองฝ่าย ทำให้ทั้งสองจับมือเดินหน้าร่วมงานกันต่อไปอีก 4 ปี ภายใต้มูลค่าการสนับสนุนครั้งนี้ถึง 120 ล้านบาท
ด้าน วราวุธ ศิลปอาชา ประธานสโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี กล่าวถึงการรตัดสินใจขยายสัญญากับวาร์ริกซ์ครั้งนี้ว่า “หลังจากที่เราได้ร่วมงานกับทางวาร์ริกซ์มาเป็นเวลา 2 ปี เรารู้สึกได้ถึงความตั้งใจและทุ่มเท ที่ทางวาร์ริกซ์มีให้กับวงการฟุตบอลไทย” นาย วราวุธ เริ่มกล่าว
“ยิ่งจากการที่พวกเขาได้รับเลือกเข้าไปเป็นผู้ดูแลชุดแข่งของทีมชาติไทย ทำให้เรามั่นใจว่าทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องมองเห็นศักยภาพของทางบริษัท เช่นเดียวกับเราที่มองเห็นแบบนั้นเช่นกัน จึงได้ตัดสินใจเลือก ‘วาร์ริกซ์’ ผมคิดว่าถ้าพวกเขามีดีพอที่จะดูแลทีมชาติได้ ก็ดีพอที่จะดูแลสุพรรณบุรี เอฟซี เช่นกัน”
“เรายินดีที่เซ็นสัญญายาวถึง 4 ปี เพราะเชื่อมั่นว่าทาง วาร์ริกซ์ เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะเสริมสร้างศักยภาพนักเตะ เพราะทั้งชุดและอุปกรณ์การแข่งที่ทำให้กับสโมสร ล้วนแต่เป็นคุณภาพชั้นหนึ่ง ทั้งคุณภาพผ้า, การตัดเย็บ, และความเอาใจใส่ในการผลิต ทำให้นักเตะทุกคนสามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่ ดูดีทั้งในและนอกสนาม” บิ๊กท็อป กล่าวทิ้งท้าย