เชื่อว่าคนวัยใกล้เคียงจะมีเลขสามนำหน้าในอีกแค่ไม่กี่เดือน เหมือนอย่างผม จะต้องคุ้นเคยกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น มากกว่าวัฒนธรรมเกาหลี เพราะเติบโตมากับ การ์ตูน, ของเล่น, วงดนตรี, ภาพยนต์ สำหรับเด็ก และผู้ใหญ่ เรียกว่าซึบซับไปแบบไม่รู้ตัว แม้ว่าตอนนี้จะเป็นแฟนเกิรลกรุ๊ปจากเกาหลี แต่ก็ไม่เคยลืมว่าวัยเด็ก ได้เติบโตมากับอะไรที่เป็นญี่ปุ่น แต่ถึงกระนั่น แดนซามูไรกับผมก็ยังเป็นแค่เส้นขนาน
จวบจนกระทั่ง…..ชนาธิป สรงกระสินธ์ สร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักเตะชาวไทยคนแรกที่จะได้ย้ายมาเล่นในเจลีก ซึ่งด้วยความบังเอิญ หรือโชคชะตาอะไรบางอย่าง ออฟฟิศใหญ่ของ Football Tribe ที่มีสาขาในหลายประเทศ มีที่ตั้งอยู่ในเมือง ซัปโปโร ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เป็นเมืองเดียวกันกับที่ดาวเตะร่างเล็กทีมชาติไทย จะต้องมาฝังตัว เพื่อลิ้มลองความท้าทายใหม่ๆในการค้าแข้งเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปีครึ่งตามสัญญายืมตัว กับคอนซาโดเล ซัปโปโร เหมือนกันอย่างพอดิบพอดี
แม้ว่าแผนการเดินทางร่วมทัพ จะมีกำหนดการออกมานานแล้ว แต่วันเดินทางอย่างแท้จริงเพิ่งจะถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแค่ไม่นาน นั้นทำให้ผมมีเวลาไม่ถึงสัปดาห์ในการเตรียมตัวเพื่อเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกในชีวิต หลังได้รับมอบหมายงานจากเบื้องบน เพื่อเกาะติดวินาทีประวัติศาสตร์ของนักเตะไทยในเจลีก
แต่เมื่อโอกาสมาถึงมือเราคงไม่ปล่อยให้มันหลุดลอยไป หลังจากทราบวันเวลาเดินทางที่แน่นอนผมก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินทันที และเมื่อไล่สายตาดูไฟลท์บินตรงจาก กรุงเทพยังซัปโปโร นั้นพอมีผู้ให้บริการ คือ การบินไทย และสายการบิน ANA ก็มีบริการบินตรงเช่นกันแต่จ่ายใช้จ่ายค่อนข้างแพง ราวๆ 35,000 บาท ไปกลับใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง
เลยหันมาใช้บริการเว็บไซต์ที่ช่วยหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกให้อย่าง skyscanner ที่ช่วยหาไฟลท์บิน สองต่อมายัง โตเกียว และเปลี่ยนเครื่องมาซัปโปโรให้ ค่าใช้จ่ายก็ลดลงเหลือเพียงแค่ 19,000 บาท ด้วยการเดินทาง 4 สายการบินแบบไม่ซ้ำ
และเพียงแค่6 ชั่วโมงเศษๆ นกเหล็กลำยักษ์ก็พาผมและผู้โดยสายเหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ที่ ท่าอากาศยานนาริตะ โดยมีภารกิจแรกคือการหาทางต่อเครื่องไปยัง ซัปโปโร ซึ่งจากสายการบินนก Scoot จะเปลี่ยนไปใช้ jetstar japan ต้องย้ายจาก เทอร์มินอล 3 ไปยัง 2 ซึ่งต้องเดินทางด้วยชัตเตอร์บัสในสนามบิน กว่าจะมาถึงเกทเพื่อรอต่อเครื่องเล่นเอาเหงื่อตก จากนั้นอีก 2 ชั่วโมงเศษๆ ผมพบตัวเองอยู่ที่ท่าอากาศยานชิโตเสะ ฮอกไกโด เป็นที่เรียบร้อย
แต่ผมเดินทางไปถึงก่อนชนาธิป ที่ออกเดินทางในช่วงเช้าเลยต้องใช้เวลาเตร็ดเตร่รอเวลา แต่ที่สนามบินแห่งนี้ก็มีหลายอย่างให้ทำ เหมือนห้างสรรพสินค้า ที่มีทั้งโรงหนังกระทั่งออนเซนก็ยังมี
จนใกล้เวลาที่ ชนาธิปจะเดินทางมาถึง จากสนามบินที่เงียบเหงา ค่อยๆคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยจำนวนสื่อมวลชน และ แฟนบอลที่มีตั้งแต่เด็กไปยันผู้สูงอายุที่ทราบข่าวมารอต้อนรับว่าที่นักเตะคนใหม่ของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีทีมของเจลีก ที่เดินทางมาเกาะติดด้วยการไลฟ์ ซึ่งตอนนี้เชื่อว่า พิธีกรสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น อย่าง มากิ น่าจะเข้าไปอยู่ในใจแฟนบอลหลายคนที่ติดตามผ่านไลฟ์ไปแล้ว
บรรยากาศที่เคยเงียบง่วงกลับคึกคักอย่างไม่น่าเชื่อ และแม้ว่าตัวผมจะอดหลับอดนอนมาหลายชั่วโมง เพื่อเดินทางยังพลอยคึกคักไปด้วย และปลื้มใจไปด้วยไม่น้อย เมื่อเห็นบรรยากาศในการต้อนรับนักเตะตัวเล็กๆจากไทยจากสื่อและแฟนบอลที่นี่
และเมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับแฟนบอลที่มารอรับผ่านทางล่าม พวกเขาต่างอยากที่จะเห็น ชนาธิป ลงเล่นให้กับทีมเร็วๆ และเชื่อว่าเขาจะเข้ามาช่วยยกระดับทีมได้ หลังจากที่เคยเห็นฝีเท้ามาบ้างในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก และในนามทีมชาติ
“รู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข และ รู้สึกดีใจมากๆที่ลงเครื่องมาและมีคนต้อนรับเยอะขนาดนี้ ก็เหนื่อยบ้าง แต่ดีใจมากกว่า ครั้งนี้ผมไม่ได้มาเที่ยวแล้ว ผมมาแข่งเพื่อช่วยให้ทีมอยู่ในอันดับที่ดีขึ้น” คือคำกล่าวแรกของชนาธิป หลังเหยียบซัปโปโร
“ผมมา ผมก็พยายามรักษาสภาพร่างกาย พรุ่งนี้ผมไม่ได้เข้าไปดูพวกเขาซ้อม แต่ผมจะได้ไปซ้อมร่วมกับพวกเขา มันเป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นมาก”
“ก็ต้องขอบคุณแฟนบอลชาวไทยทุกคน ก่อนจะมาเมื่อเช้าที่เมืองไทยมีคนมาส่งเยอะมากไม่ว่าจะเป็นครอบครัว แฟนบอล หรือพี่ๆนักข่าว ผมก็จะทำให้ที่ของผมให้ทุกคนยอมรับในตัวผมให้ได้”
“ฮาจิเมะมาชิเตะวาตาชิวะ เจเดส โดโซะ โยโรชิคุ โอเนไกชิมัส (แนะนำตัวเป็นภาษาญี่ปุ่น) แต่ตอนนี้ โดคิ โดคิ (รู้สึกตื่นเต้น)” และดาวเตะร่างเล็กไม่ลืมที่จะทักทายตัวเองเป็นภาษาญี่ปุ่นตามที่ได้ซักซ้อมมาบ้าง
ราวๆ 40 นาทีหลังการต้อนรับเสร็จสิ้นเจ้าของฉายา เมสซี่เจ ได้เปิดใจและแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งกับสื่อญี่ปุ่น
ซึ่งอุณหภูมิของเมือง ซัปโปโร ที่มักจะเฉลี่ยค่อนข้างหนาวเย็นตลอดทั้งปีในตอนที่ ดาวเตะวัย 23 ปีเดินทางมาถึงค่อนข้างอุ่นสบายผิดกับสถานการณ์ของทีมในตอนนี้ ที่แพ้ติดๆกัน 5 เกมติด จนหล่นลงมาห่างจากโซนตกชั้นแค่ 1 คะแนนเท่านั้น
และเมื่อเสร็จพิธีการต้อนรับจากสนามบิน เท่ากับว่า การเรียนรู้โลกใบใหม่ ในการค้าแข้งของตัวแทนจากไทย ก็ได้เริ่มต้นขึ้น อย่างเป็นทางการ จากนั้นเราก็แยกย้าย ไปตามทาง ชนาธิป สรงกระสินธ์ เข้าที่พักที่สโมสรจัดเอาไว้ให้ เพื่อเตรียมลงทำการฝึกซ้อมซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณ 1 เดือนเศษๆก่อนที่เขาจะสามารถลงสนามช่วยทีมได้ คงต้องติดตามกันต่อไป สำหรับโอกาสของ ชนาคุง เมื่อถึงเวลานั้นจะเป็นอย่างไร รวมไปถึงสถานการณ์ของทีม
สำหรับในตอนต่อไป Football Tribe Thailand จะแนะนำวิธีการเดินทางเพื่อชมการฝึกซ้อมของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ รวมไปถึงการเดินทางไปยังสนามแข่งขัน และ สถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดหากมาซัปโปโร