ฟุตบอลไทย ทีมชาติไทย

5 สิ่งที่เรารู้จากนัด “ช้างศึก” เสมอ ทีมชาติเวียดนาม 0-0 ศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก กลุ่ม จี นัดที่ 5

5 ประเด็นสำคัญที่เราเรียนรู้จากเกม ทีมชาติไทย บุกเสมอ ทีมชาติเวียดนาม ณ สนาม มีดินห์ สเตเดี้ยม ศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซน เอเชีย กลุ่ม จี นัดที่ 5

จบเกมทัพ "ช้างศึก" ของ อากิระ นิชิโนะ หล่นมาอันดับ 3 มี 8 คะแนนจาก 5 เกม ในขณะที่ทัพ "ดาวทอง" รักษาสถิติไม่แพ้ใครในกลุ่ม จี ยึดตำแหน่งจ่าฝูงต่อไป มีทั้งหมด 11 คะแนนจาก 5 เกม

ธีราทร คุณภาพคับแก้ว!

แม้จะพลาดจุดโทษลูกสำคัญ (ซึ่งนานๆ ทีจะเห็นพลาด) แต่ ธีราทร บุญมาทัน ยังสามารถจบเกมในฐานะหนึ่งในแข้ง “ช้างศึก” ที่โชว์ฟอร์มได้เข้าตาที่สุด แบ็คซ้ายจาก โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส พ้นโทษแบนกลับมาเป็นกุญแจในการขึ้นเกมจากด้านหลัง ช่วยต่อบอลแก้เกมเพรสซิ่ง หนีการกดดันจากทีมชาติเวียดนามได้หลายครั้ง

เท่านั้นยังไม่พอ ธีราทร ยังสามารถสร้างโอกาสลุ้นจากลูกตั้งเตะ และในส่วนของเกมรับ ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับแข้งวัย 29 ปีอยู่แล้ว พูดได้คำเดียวว่านาทีนี้ ขาด "โก๋อุ้ม" ไม่ได้จริงๆ

อย่าลืมว่า สุภโชค และ เอกนิษฐ์ ยังคงเป็นดาวรุ่ง 

สุภโชค สารชาติ คือหนึ่งในผู้เล่นไทยที่โดนเด่นที่สุดจากนัดที่ทีมชาติเวียดนามบุกมาเสมอไทย ณ สนามธรรมศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ตัวรุกวัย 21 ปีแผลงฤทธิ์ไม่ออกเลยที่ กรุงฮานอย เขาถูกเข้าสกัดหนักตอนต้นเกม และถูกจับตาย ไม่ให้เล่นด้วยเท้าขวาข้างถนัดตลอด 90 นาที

ในส่วนของดาวรุ่งอีกรายอย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา ก็ไม่สามารถงัดทีเด็ดออกมาโชว์ได้เช่นกัน ปกติเด็กสร้างจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ถือเป็นกองกลางที่จบสกอร์ได้คมกริบที่สุดคนหนึ่ง การันตีด้วยตำแหน่งนักเตะไทยที่ยิงประตูในลีกได้มากสุดฤดูกาลที่ผ่านมา ทว่า “บุ๊ค” กลับทำโอกาสทองหลุดมือ ยิงวืด 2 ครั้งจะๆ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าบรรยากาศ ความสำคัญของผลการแข่งขัน และเสียงเชียร์จากแฟนบอลเจ้าถิ่นส่งผล (ไม่มากก็น้อย) ต่อผลงานของ สุภโชค และ เอกนิษฐ์ ซึ่งไม่แปลกสำหรับนักเตะดาวรุ่ง ที่ปกติส่วนใหญ่ก็มักจะเล่นได้ไม่สม่ำเสมออยู่แล้ว

แม้ทั้งคู่จะมีดีกรีเป็นถึงแชมป์ไทยลีก ผ่านเกมใหญ่ๆ มาแล้วมากมาย แต่อย่าลืมว่านี่คือทีมชาติไทยชุดใหญ่

พวกเขาอาจจะมีฟอร์มหลุดไปบ้าง แต่จะยอมแพ้กับพวกเขา แล้วตัดชื่อออกจากโผทีมชาติเลย ก็เกินเหตุไปหน่อย คำวิจารณ์ต่างๆ มีได้ แต่ก็ควรเป็นไปในเชิงบวก (เชื่อว่านักเตะทั้ง 2 คงไม่พอใจกับผลงานส่วนตัวเช่นกัน) และโฟกัสไปที่การหาวิธีแก้ไข ว่าจะทำอย่างไรให้ทั้ง 2 ระเบิดฟอร์มเทพได้ต่อเนื่องดีกว่า

เหงียน เตียน ลินห์ หัวหอกความหวัง (คนต่อไป) แห่งทัพดาวทอง

เหงียน อันห์ ดุก กองหน้ามากประสบการณ์วัย 34 ปีประกาศอำลาทีมชาติหลังจบเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกับทีมชาตไทย และโดยปกติ แฟนบอลทั้งประเทศคงต้องมีกังวลกันบ้าง เมื่อทีมชาติต้องเสียตัวจบสกอร์ในเขตโทษที่เด็ดขาดอย่าง อันห์ ดุก ไป

ทว่าการแจ้งเกิดบนเวทีระดับทีมชาติของ เหงียน เตียน ลินห์ กองหน้าวัย 22 ปี ทำให้แฟนบอลเวียดนามไม่เครียดเรื่องการโบกมือลาทีมชาติของ อันห์ ดุก เสียเท่าไหร่

เตียน ลินห์ คือหนึ่งในผู้เล่นที่ออกสตาร์ทตัวจริงนัดพบทีมชาติไทย ณ สนามธรรมศาสตร์ แถมเกือบซัดประตูขึ้นนำตั้งแต่ช่วงต้นเกมอีกด้วย โดยเกมก่อนหน้านี้หัวหอกจาก บีคาเม็กซ์ บินห์ เดือง เพิ่งซัดประตูโทนปราบ ยูเออี 1-0 และกับทีมชาติไทย ก็ใช้ความขยัน วิ่งสู้ฟัด กัดไม่ปล่อย ป่วนแนวรับเราไม่ให้ออกบอลได้ง่ายๆ น่าเสียดายที่ลูกยิงด้วยซ้ายของเขาถูกจับล้ำหน้าไปเสียดก่อน

นิชิโนะ ยังตัดใจเลือกแบ็คขวาตัวจริงไม่ได้

อากิระ นิชิโนะ ดูเหมือนยังเลือกแบ็คขวาเบอร์หนึ่งในใจเขาไม่ได้ และตัดสินใจโดยการส่งคนที่ตอบโจทย์แทคติกกับคู่แข่งแต่ละนัดเสียมากกว่า 

ทริสตอง โด คือผู้เล่นที่มีข้อด้อยเกมรับมากที่สุดจากแบ็คขวาทั้ง 3 ของทีม แต่ในขณะเดียวกันแข้ง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ก็เติมเกมรุกได้ดุดัน และมีสไตล์คล้ายปีกธรรมชาติ สามารถสร้างประโยชน์จากพื้นที่ริมเส้นได้ดีกว่าใคร

ในส่วน นิติพงษ์ เสลานนท์ รับผิดชอบเกมรับได้เหนียวแน่น มีจุดเด่นในการขยับเข้าด้านในของสนาม ช่วยอุดรอยรั่วแดนกลางเมื่อมิดฟิลด์เติมเกมสูง ป้องกันเกมโต้กลับคู่ต่อสู้ได้บ่อยๆ และที่สำคัญ นิติพงษ์ ยังเปิดบอลจากแนวลึกได้แม่นยำ (อย่างที่เห็นในนัดเจอ ยูเออี)

สำหรับ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ผู้ได้ประเดิมลงสนามนัดแรกในยุค นิชิโนะ คือตัวเลือกที่มีความครบเครื่องทั้งรุก และรับมากที่สุด ซึ่งแข้ง “ปราสาทสายฟ้า” ถือว่าสอบผ่านจากสนาม มีดินห์ สเตเดี้ยม

คำถามที่น่าสนใจคือ โค้ช นิชิโนะ อยากจะมีแบ็คขวาเบอร์หนึ่งประจำทีมไหม? หรือเขาพอใจกับการให้นักเตะได้แข่งขัน และค่อยเลือกคนที่เหมาะกับแทคติกแตละนัดลงสนาม?

นิชิโนะ ยังไม่มั่นใจในม้านั้งสำรอง

ในเกมกับทีมชาติมาเลเซีย และ เวียดนาม หากไม่ใช่ สารัช อยู่เย็น ที่ถูกเปลี่ยนออกในนาทีที่ 55 ทุกการสลับผู้เล่นของ อากิระ นิชิโนะ ล้วนเกิดขึ้นในช่วง 10 นาทีสุดท้ายทั้งนั้น

ปัจจัยหลักที่เราเดาว่าทำไม นิชิโนะ ถึงรอนานเหลือเกินกว่าจะขยับสักที อาจจะเป็นเพราะเขาเพิ่งเขามาคุมทีมไม่นาน เพิ่งมีเกมอุ่นเครื่องได้ทดลองทางเลือกแก้เกมต่างๆ แค่นัดเดียว นั่นคือเกมพบ คองโก ทำให้ยังไม่ได้รู้จักนักเตะลึกพอ จะให้ลองเสี่ยงในเกมใหญ่ทั้งที่ตัวเองยังไม่มั่นใจว่าผลจะออกมาทางไหน ถ้าเกิดพลาดมาใครจะรับผิดชอบ? 

แล้วใช่ว่า นิชิโนะ จะไม่ให้โอกาสนักเตะเลย เพราะผู้เล่นอย่าง นิติพงษ์ เสลานนท์ หรือ ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่เล่นเข้าตานัดพบ คองโก ก็ได้โอกาสลงเล่นนัดชนะ ยูเออี เช่นกันกับคนที่โชว์ฟอร์มไม่ออก และต้องถอยไปเป็นตัวเลือกหลังๆ

แน่นอนการไม่ใช้ หรือใช้ตัวสำรองช้าไป อาจมองว่าเป็นการขาดทุนเล็กๆ แต่การทะเล่อทะล่าเพียงเพื่อจะเปลี่ยนเฉยๆ ก็อาจทำทีมเสียสูญได้ 

บางที่เราอาจจะต้องใจเย็นกับ นิชิโนะ สักนิด ให้โอกาสเขาได้อุ่นเครื่อง ทดลองรูปแบบการเล่นอื่นๆ หลังจากนั้น มาดูกันซิว่ากุนซือชาวญี่ปุ่นจะใจเย็น เปลี่ยนตัวช้าอีกหรือเปล่า