เป็นปกติที่วงการลูกหนังมีนักเตะที่ทำผลงานดีร่วมกับต้นสังกัดตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ได้ลงเล่น บางคนไม่ต้องใช้ในการเวลาปรับตัวเรียกฟอร์มเก่ง รวมถึงบางคนไม่ได้เป็นตัวหลักลงช่วยทีมแต่กลับมาระเบิดฟอร์มเก่งภายในซีซันถัดไป และนี่คือบรรดาผู้เล่นจากเวทีลีกสูงสุดแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง เจลีก ที่แม้ซีซันก่อนหน้าจะไม่ได้มีผลงานเด่นปรากฏออกมาให้เห็น แต่กลับมาพิสูจน์ฟอร์มเก่งในฤดูกาลถัดมา
กด Next เพื่ออ่าน
1. คาซุกิ นาคาซาวา - อุราวะ เรดส์
มิดฟิลด์วัย 26 ปี เคยมีดีกรีผ่านประสบการณ์ค้าแข้งในลีกยุโรปมาแล้วกับเอฟซี โคโลญจน์ ในบุนเดสลีกา เป็นเวลาถึง 3 ฤดูกาล ช่วงปี 2013-2015 ก่อนจะตัดสินใจกลับมาเล่นในลีกบ้านเกิดกับอุราวะ เรดส์ ในปี 2016 ซึ่งช่วงแรกกับทีมปีศาจแดงแห่งเอเชีย นาคาซาวายังไม่ได้โอกาสสวมเสื้อทีมลงสนามทันที เขาถูกปล่อยให้เจฟ ยูไนเต็ด ชิบะ ทีมในบ้านเกิดยืมตัวก่อน
แม้จะได้โอกาสคัมแบ็คสู่ทีมอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว แต่โดยรวมผลงานร่วมกับทีมจากไซตามะก็ยังมีน้อย หลังจบเจ1ลีกซีซันก่อน เจ้าตัวมีชื่อลงสนามในลีกเพียง 8 เกม แต่สิ่งนี้กลับเป็นโอกาสที่ทำให้แข้งเบอร์ 15 พิสูจน์ตัวเองให้เห็น และกลายเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้ในขณะนี้เขากลายเป็นตัวหลักของเรดส์ที่จำนวนลงเล่นในฤดูกาล 2018 ครบทุกนัด แถมยังเป็นโอกาสเล่นตัวจริงมากถึง 9 เกม
2. โชตะ คาเนโกะ - ชิมิสุ เอสพัลส์
แม้โอกาสลงสนามของโชตะ คาเนโกะ ในฐานะเด็กสร้างของชิมิสุ เอส พัลส์จะโดดเด่นมาตั้งแต่ฤดูกาลก่อน ภายหลังที่เขามีชื่อลงเล่นในเกมลีกมากถึง 26 นัด ทว่ากับโอกาสในฐานะผู้เล่นศูนย์หน้า เจ้าตัวมีชื่อใส่สกอร์ให้ทีมบ้านเกิดเพียง 4 ประตูกับ 2 แอสซิสต์เท่านั้น แถมยังมีส่วนไม่น้อยที่ทำให้ทีมทำสถิติยิงน้อยสุดในลีกเป็นอันดับที่ 4 และต้องลุ้นหนีตกชั้นจนถึงช่วงโค้งสุดท้าย กระทั่งในฤดูกาลปัจจุบัน ดูเหมือนว่าในเจ1ลีก ปีที่สองของแข้งวัย 22 จะเริ่มเฉิดฉายเต็มตัว เพราะในขณะนี้เขามีชื่อทำประตูให้ทีมไปแล้ว 5 ลูกกับ 2 แอสซิสต์ หลังผ่านไปเพียง 10 นัดเท่านั้น
3. โช อินางากิ - ซานเฟรชเช ฮิโรชิมา
ภายหลังที่อยู่รับใช้เวนท์โฟเรต์ โคฟุ ทีมที่ปลุกปั้นมาตั้งแต่สมัยเล่นอาชีพหนแรกเป็นเวลาถึง 3 ฤดูกาล อินากากิตัดสินใจโยกมาหาประสบการณ์ลูกหนังกับพลพรรคพลธนูม่วงในฤดูกาล 2017 แต่กลับไม่ได้เป็นตัวเลือกแรกในแผงกลางของทีม จากสถิติมีชื่อลงเล่นในลีกเพียง 14 เกม ทำไป 2 ประตูกับ 1 แอสซิสต์เท่านั้น มิหนำซ้ำ ทีมยังต้องมาลุ้นสถานการณ์หนีตกชั้นชนิดที่ลุ้นเหนื่อยจนถึงช่วงโค้งสุดท้าย แต่พอปีถัดมา ภายใต้การคุมทีมของฮิโรชิ โจฟุคุ เทรนเนอร์ป้ายแดง อินางากิกลับพิสูจน์ตัวเองออกมาให้เห็น และถูกเลือกให้เป็นตัวเลือกแรกของทีมมากถึง 9 จาก 10 เกม แถมยังมีชื่อใส่สกอร์ไปแล้วถึง 2 ลูก กลายเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ช่วยทีมรั้งจ่าฝูง
4. ฮวาง อุย โจ - กัมบะ โอซากา
ศูนย์หน้าชาวเกาหลีใต้เลือกออกมาหาประสบการณ์ลงเล่นในต่างแดนหนแรกกับทัพเด็กสายฟ้าเมื่อช่วงเลกสองของปีที่แล้ว แต่กลับยังต้องรอโอกาสพิสูจน์ตัวเองในเวทีลีกสูงสุดแดนปลาดิบ เพราะทันทีที่จบฤดูกาล ฮวางมีชื่อลงเล่นให้กัมบะเพียง 12 เกม ทำได้ 3 ประตูกับ 2 แอสซิสต์เท่านั้น ทว่าในฤดูกาลต่อมา เมื่อทีมหันมาใช้บริการ เลเวียร์ คัลปิ เทรนเนอร์ป้ายแดงชาวบราซิล หอกพลังโสมรายนี้เริ่มได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองแบบเต็มตัว จากผลงานลงสนามในลีกจนถึงขณะนี้ (นัดที่ 10 ของฤดูกาล) หอกวัยเบญจเพสมีชือลงเล่นครบทุกเกม และยิงไปถึง 6 ประตู รั้งตำแหน่งรองดาวซัลโวในขณะนี้
5. โคจิ มิโยชิ - คอนซาโดเล ซัปโปโร
ถึงแม้ว่าตัวรุกดาวโรจน์ทีมชาติญี่ปุ่นชุดเตรียมทีมสู่โอลิมปิกเกม 2020 จะมีชื่อลงเล่นในเจลีกร่วมกับสโมสรที่ปลุกปั้นมาอย่างคาวาซากิ ฟรอนทาเลมาตั้งแต่ปี 2015 แต่ด้วยอายุที่ยังต้องเสริมกระดูกหากหวังจะลงเล่นในแดนกลางให้ทีมที่มีแข้งรุ่นพี่ชื่อดังทั้ง เคงโงะ นาคามูระ, ฮิโรยุกิ อาเบะ หรือแม้แต่ ยู โคบายาชิ คอยขวางอยู่ ทำให้สถิติลงสนามในลีกตลอดช่วงก่อนหน้าถูกส่งต่อมาให้คอนซาโดเล ซัปโปโร ด้วยสัญญายืมในปี 2018
แข้งวัย 21 กะรัตได้รับความไว้วางใจจากมิไฮโล เปโตรวิชลงสนามเป็นทำเกมรุกอยู่หลังกองหน้ามากถึง 9 จาก 10 เกม และในฐานะผู้เล่นตัวจริง ซึ่งขณะนี้มิโยชิมีชื่อทำแอสซิสต์ให้เพื่อนทำประตูไปแล้วถึง 3 ครั้งด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือจังหวะครอสบอลเข้าในให้ชนาธิป สรงกระสินธ์ ทำประตูแรกในเจลีก
6. จาง ฮยุน โซ - เอฟซี โตเกียว
กองหลังพลังโสมเจ้าของส่วนสูง 187 เซนติเมตรโยกกลับมาเล่นในเวทีลีกสูงสุดแดนซามูไรกับเอฟซี โตเกียวอีกครั้งในช่วงเลกสองของฤดูกาล 2017 ภายหลังที่ออกไปเก็บประสบการณ์ในลีกจีนกับทีมกวางโจว อาร์แอนด์เอฟ แม้ครึ่งหนึ่งจะเคยลงสนามให้โตเกียวมาแล้วเมื่อปี 2012-2013 แต่ภายใต้โอกาสหนสองกับทีมจากเมืองหลวงของญี่ปุ่น แข้งวัย 26 ปีกลับมีชื่อลงเล่นเพียง 11 เกม ยังไม่ได้รับการการันตีลงเล่นเป็นตัวจริงสม่ำเสมอ กระทั่งเข้าสู่ฤดูกาลล่าสุด (2018) จางกลายเป็นกัปตันทีมให้โตเกียวแทนที่มาซาโตะ โมริชิเกะ ตั้งแต่เกมประเดิมซีซัน และในขณะนี้เขาได้ลงเล่นไปมากถึง 9 จาก 10 เกมชนิดที่ไม่เคยโดนเปลี่ยนตัวออกเลย ทั้งยังมีส่วนช่วยให้ทีมรั้งรองจ่าฝูงของซีซันอย่างสง่าผ่าเผย
7. ฮูโก วิเอรา - โยโกฮามา เอฟ มารินอส
ดาวยิงชาวโปรตุเกสย้ายมาค้าแข้งในผืนแผ่นดินเอเชียครั้งแรกกับสโมสรโยโกฮามา เอฟ มารินอส เมื่อต้นปีที่แล้ว และแม้จะมีโอกาสลงสนามช่วยทีมมากถึง 28 เกม เขากลับทำประตูให้ทีมเพียง 10 ลูกเท่านั้น ทว่าพอเริ่มฤดูกาล 2018 เขายังคงมีชื่อเป็นผู้เล่นโควตาต่างชาติลงช่วยทีมเช่นเคยเฉก ก่อนจะตอบแทนโอกาสภายใต้หัวหน้าโค้ชคนใหม่อย่างอันเก ปอสเตโคกลูชนิดที่ร้อนแรงถึงขั้นรั้งตำแหน่งดาวยิงสูงสุดร่วมในเจลีกหลังผ่าน 10 เกม จากสถิติลงสนาม 9 จาก 10 นัด และซัดไปถึง 9 ประตู พร้อมการประเดิมแฮตทริคแรกในลีกญี่ปุ่นได้แล้วในเกมเสมอโชนัน เบลมาเร 4-4
8. พาทริค โอลิเวียรา - ซานเฟรชเช ฮิโรชิมา
อดีตกองหน้าดีกรีแชมป์เจลีกและ MVP 1 สมัยในปี 2014 กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งในการเล่นในลีกสูงสุดแดนลูกพระอาทิตย์ หลังฮิโรชิ โจฟุคุ เทรนเนอร์ป้ายแดงของซานเฟรชเช ฮิโรชิมา ตัดสินใจขอยืมตัวต่อมาจากซัลเกโร ทีมในบ้านเกิดของเจ้าตัว แม้ช่วงปีที่แล้ว (2017) พาทริคจะลงเล่นให้ทีมเพียง 16 นัด กับ 4 ประตูเท่านั้น ซึ่งโอกาสลงสนามในนามทีมหมีมหาภัยในปีที่สอง อดีตแข้งกัมบะ โอซากาเริ่มมาระเบิดฟอร์มในเกมการแข่งขันนัดที่ 5 ของฤดูกาล จากการซัดประตูในเจลีกในรอบ 5 เดือน ถึงตอนนี้เขายังคงได้รับโอกาสเล่นเป็นกองหน้าเบอร์หนึ่งช่วยทีมรั้งจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้ พร้อมสถิติหรูลงสนามครบทั้ง 10 นัด และยิงมากถึง 6 ประตู
9. ลูคัส โพดอลสกี - วิสเซล โกเบ
อดีตดาวเตะดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ในนามทีมชาติเยอรมัน เลือกโยกมาเล่นฟุตบอลอาชีพบนแผ่นดินเอเชียหนแรกกับวิสเซล โกเบ ท่ามกลางความสนใจของสื่อกีฬาในหลายประเทศ และแม้ช่วงแรกโพลดีจะประเดิมลงเล่นให้ทีมจากจังหวัดเฮียวโงะเมื่อช่วงเลกสอง เขาระเบิดฟอร์มซัดสองประตูในเกมประเดิมสนามใส่โอมิยะ อาดิจา แต่หลังจากนั้นอดีตดาวยิงอาร์เซนอลเริ่มมีบทบาทผลิตสกอร์ให้ทีมน้อยลง ท้ายสุดแข้งประสบการณ์สูงก็ช่วยทีมทำอันดับจบแค่กลางตารางเท่านั้น พร้อมฝากสถิติลงเล่น 15 เกมทำ 5 ประตูกับ 1 แอสซิสต์เท่านั้น
ทว่าพอเข้าสู่ฤดูกาล 2018 โกเบตัดสินใจให้เขาสวมปลอกแขนกัปตันทีมลุ้นอันดับจบซีซันติดโควตาไปเล่นบอลเอเชีย พร้อมมอบโอกาสใหม่ในตำแหน่งแนวรุกตัวปั้นเกมอยู่หลังศูนย์หน้า ก่อนจะงัดศักยภาพ แสดงประสบการณ์ช่วยทีมทั้งลูกนิ่ง คอนโทรลบอล ขับเคลื่อนเกมรุกชนิดที่โดดเด่นกว่าปีก่อนอย่างชัดเจน จากสถิติลงเล่น 9 จาก 10 นัดพร้อมการทำ 3 ประตูกับ 2 แอสซิสต์
10. ชนาธิป สรงกระสินธ์ - คอนซาโดเล ซัปโปโร
อดีตดาวเตะบีอีซี เทโร ศาสน (ในยุคนั้น) และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดย้ายมาค้าแข้งในลีกสูงสุดของญี่ปุ่นหนแรกกับคอนซาโดเล ซัปโปโร กลายเป็นนักเตะไทยคนแรกบนลีกสูงสุดในนามเจลีก และได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงตั้งแต่เกมแรก และแม้จะมีชื่อลงสนามมากถึง 16 เกม แต่กลับเปลี่ยนผลให้ทีมได้เพียง 1 แอสซิสต์เท่านั้น ทว่าพอเข้าสู่ฤดูกาล 2018 ที่นกเค้าแมวเมืองเหนือเลือกเปลี่ยนแปลงนายใหญ่จากชูเฮ โยโมดะ เป็น มิไฮโล เปโตรวิช ชนาคุงเริ่มได้โอกาสจบสกอร์มากขึ้นในตำแหน่งขับเคลื่อนเกมหลังกองหน้า เห็นได้ชัดจากการลงเล่นในลีก 9 นัด ยิงไป 2 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ แถมยังเคยมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์ที่ 6 เป็นหนแรกนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นในต่างแดน