วันที่ 7 มีนาคม 2561 เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 4 อาคารการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มีการประชุมเสวนาระหว่างสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และตัวแทนจากสโมสรในไทยลีก 1 และไทยลีก 2 ประจำเดือนมีนาคม 2561
โดยภายในการประชุมมี พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานพร้อมด้วย คุณกรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด และคุณพัณณิภา คำนึง หัวหน้าฝ่ายพัฒนาผู้ตัดสินสมาคมฯ ร่วมเป็นตัวแทนเสวนาในหัวข้อ การอบรมการขอใบอนุญาตสโมสร คลับไลเซนซิง, มาตรฐานของสถานที่จัดการแข่งขัน, สนามฝึกซ้อมสำหรับทีมเยือน และเรื่อง VAR และ AAR ให้กับตัวแทนจากสโมสรในไทยลีก 1 และไทยลีก 2 ได้รับฟัง ก่อนจะมีการเปิดให้ตัวแทนสโมสรได้ซักถามข้อสงสัย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบการแข่งขันให้มีมาตรฐานสูงขึ้นไปกว่าเดิม
ภายหลังจากการประชุม พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “วันนี้เรามีการประชุมตัวแทนจากสโมสรในไทยลีก 1 และไทยลีก 2 ประจำเดือนมีนาคม เพื่ออัพเดทการเปลี่ยนแปลง แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ระหว่างสมาคมฯ และสโมสรสมาชิก เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมเป็นการเปิดเวทีให้สมาคมฯ ได้ชี้แจงและตัดสินใจการทำงาน รวมทั้งเป็นการรับข้อมูล ความคิดเห็นของสโมสร เพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยร่วมกัน”
“วันนี้เราได้ชี้แจงถึงการนำระบบ VAR และ AAR มาอธิบายให้กับสโมสรได้เข้าใจถึงความแตกต่างของสองระบบนี้ ตอนนี้เรายังไม่แน่ใจว่าทางฟีฟ่าหรือเอเอฟซี จะรองรับสองระบบนี้หรือไม่ แต่การแข่งขันฟุตบอลโลกที่รัสเซียฟีฟ่ายืนยันที่จะใช้ระบบ VAR ทำให้เราต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ และเตรียมบุคลากรไว้สำหรับรองรับกับทั้งสองระบบในอนาคตครับ”
“ตั้งแต่เปิดฤดูกาลเป็นต้นมาเราพยายามให้ทุกสโมสรได้สัมผัสการตัดสินทั้งสองระบบ แต่หลังจากวันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป เราจะหยุดใช้ทั้งสองระบบ ทั้ง VAR และ AAR จนกว่าจะได้รับความชัดเจนและรับรองจากทางฟีฟ่าและเอเอฟซี ซึ่งเราได้รับผลตอบรับที่ดีจากทั้งสองระบบ โดยเฉพาะ VAR ที่มีความชัดเจน ยุติธรรม และมีหลักฐานสำหรับสโมสร ซึ่งหากสโมสร มีความประสงค์ที่จะขอใช้ VAR เพิ่มเติมก็ให้ทำเรื่องมาที่สมาคมฯ และจะใช้เสียค่าส่วนต่างในการใช้เอง ซึ่งค่าใช้จ่ายประมาณ 3-4 หมื่นบาทต่อเกม”
“นอกจากนี้เรายังเปิดโอกาสให้ผู้ตัดสินรุ่นใหม่ได้ทำหน้าที่ตัดสินในไทยลีก เพราะว่าตอนนี้ผู้ตัดสินในไทยลีกมีเพียง 50 คน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการทำหน้าที่ ซึ่งหากเราไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ทำหน้าที่ และเพิ่มประสมการณ์ เราก็จะขาดผู้ตัดสินรุ่นใหม่ต่อไปในอนาคต”