ธชตวัน ศรีปาน กุนซือเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เผยถึงแท็คติคในการส่ง เจนรบ สำเภาดี กองหน้าดาวรุ่งลงมาเป็นซูเปอร์ซับช่วยทีมบุกชนะ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 2-3 ในเกมโตโยต้า ไทยลีก 2018 นัดแรก
กิเลนผยอง ตามหลังก่อนถึง 2-0 จากนั้นครึ่งหลังส่ง เจนรบ สำเภาดี ลงมาก่อนยิงคนเดียว 3 ประตู ช่วยทีมรักษาสถิติไม่แพ้ใครในเกมประเดิมสนามโตโยต้า ไทยลีก เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน
“ตั้งแต่ที่รู้ว่าเจอ แบงค็อก นัดแรก ก็คิดว่ายากอยู่แล้ว อย่างที่เห็นเขาแข็งแกร่งทุกปี อีกอย่างการไม่มี มุ้ย และ อุ้ม ทำให้เรากังวลพอสมควร แต่ก็พยายามสร้างความเชื่อมั่นให้ทีม”
“ครึ่งแรกเราเล่นได้ไม่ดีจริงๆ มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเยอะ เสียบอลง่าย ความสัมพันธ์ในการเล่นก็ไม่ดี พอครึ่งหลังเราเปลี่ยนแท็คติค ให้น้องๆแก้ไขข้อผิดพลาด ไม่เชื่อว่าจะกลับมาได้ ต้องขอบคุณน้องๆที่มุ่งมั่นตลอดเวลา”
โค้ชแบน ยังพูดถึงการส่งกองหน้ารุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีลงมาเป็นซูเปอร์ซับว่า “เรารู้อยู่แล้วว่าสภาพทีมเราเป็นรอง ทำให้เราเตรียมแท็คติคไว้แก้ไขสถานการณ์แบบนี้อยู่แล้ว แน่นอนว่าเราวาง เจนรบ ไว้เป็นซูเปอร์ซับ แต่ลงไปแล้วจะทำได้ไหม เป็นอีกเรื่อง สุดท้ายเขาทำได้ ยอมรับว่าเซอร์ไพรส์เหมือนกัน”
กุนซือกิเลนผยองยังพูดถึงสิ่งที่เขาบอกกับเจนรบก่อนลงสนามว่า “เราเปลี่ยนแท็คติคจากที่เล่นหน้าตัวเดียวครึ่งแรก เป็นเล่นหน้าคู่ ให้เขาไปอยู่ในเขตโทษกับ ชาชา พอเกมรับก็ลงมาช่วยริมเส้น แต่หลักๆให้เขาพยายามเข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษ ต้องชื่นชมเขาที่ทำได้”
ขณะที่ มาโน โพลกิง กุนซือทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กล่าวว่า “มันไม่ใช่ผลการแข่งขันที่เราต้องการ แน่นอนว่าเราผิดหวังที่แพ้ ทั้งที่นำก่อนถึง 2-0”
“นี่เป็นเกมที่ดีของทั้งสองทีม เราต่างมีโอกาสทำประตูพอๆกัน แต่เกมแรกไม่ง่ายเสมอ และในเมื่อผลออกมาแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเรา จากนี้เรามีเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่จะแก้ไขข้อผิดพลาด”
“ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าผู้เล่นเราไม่ฟิตด้วย ต่างจาก เมืองทอง ที่เล่นเอเอฟซีมา ผู้เล่นหลายคนเราพยายามขอเปลี่ยนออก เพราะเป็นตะคริว” เฮดโค้ชชาวเยอรมัน ปิดท้ายถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในเกมนี้
