ฟุตบอลไทย ทีมชาติไทย

THE CANDIDATES: 5 ตัวแทนกุนซือช้างศึกU23

หลังจากผลงานอันน่าผิดหวังของทีมชาติไทย U23  ในฟุตบอลรายการ เอเอฟซี ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย ด้วยการกระเด็นตกรอบแบบไม่มีคะแนนติดมือ ในขณะที่ทีมในอาเซียนที่เคยพ่ายให้ไทยอย่าง มาเลเซีย สามารถผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ และเวียดนาม ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในรายการนี้ ทำให้สถานะของ โซรัน ยานโควิช กุนซือชาวเซอร์เบีย ไม่แน่นอน และมีโอกาสไม่น้อยที่จะถูกถอดออกจากตำแหน่ง จากการให้สัมภาษณ์ของ วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคของ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ต้องการได้กุนซือชาวไทยที่เพิ่งจบการอบรมในระดับโปรไลเซ่น และนี่คือ 5 ทางเลือกที่เป็นไปได้ของกุนซือช้างศึกU23 คนใหม่

 

กด NEXT เพื่อร่วมติดตามไปกับเราได้เลย

วรวุธ ศรีมะฆะ

อดีตกุนซือทีมชาติไทยชุด U23 ที่ลดบทบาทของตัวเองลงไปเป็นเพียงแค่ผู้ช่วยของ โซรัน ยานโควิช ในรายการ M-150 Cup และรายการชิงแชมป์เอเชีย ที่ผ่านมา แม้ว่าจะทำผลงานคว้าเหรียญทองซีเกมส์ที่ประเทศมาเลเซียได้ หากเทียบกับตัวเลือกคนอื่นๆ หรือแม้กระทั่งตัว โซรัน เอง วรวุธ ศรีมะฆะ น่าจะเป็นคนที่รู้จักนักเตะในทีมไม่น้อยไปกว่าใคร เป็นคนเป็นที่ทำงานกับนักเตะในกลุ่มอายุเท่านี้มานาน และหลายคนเขาและทีมงานเป็นตัดสินใจเลือกนักเตะเข้ามาติดทีม ส่วนประสบการณ์การคุมทีมที่ผ่านมาก็ถือว่าไม่น้อย ทั้งในฐานะสต๊าฟฟ์โค้ช หรือกุนซือที่เคยผ่านการคุมทีมอย่าง สุพรรณบุรี เอฟซี, สงขลา ยูไนเต็ด หรือการอยู่ในทีมสต๊าฟฟ์ของ ชลบุรี เอฟซี มาแล้ว ทำให้ อดีตกองหน้าร่างโย่งทีมชาติไทยเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ

เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

คงไม่ต้องพูดถึงกิตติศัพท์ของอดีตกุนซือทีมชาติไทยรายนี้ แม้ว่าผลงานในระดับสโมสรที่เคยคุมทีมอย่าง จุฬา ยูไนเต็ด (บีบีซียู เอฟซี), ชลบุรี เอฟซี, บางกอก เอฟซี และ การท่าเรือ จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก แต่ในระดับทีมชาติ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธกับผลงานการพาทีมคว้าเหรียญทองซีเกมส์, อันดับที่ 4 เอเชี่ยนส์เกม และ แชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ อีก 2 สมัย ซึ่ง อดีตกองหน้าจอมตีลังการเคยทำงานทั้งกับทีมชาติไทยชุดใหญ่ และชุดอายุ 23 ปี แถมมีผลงานที่เป็นเครื่องจับต้องได้ รวมไปถึงมีประสบการณ์ทั้งการคุมทีมชิงแชมป์เอเชีย ที่กาตาร์ และ เอเชี่ยนส์เกมส์ ที่เกาหลีใต้มาแล้ว ทำให้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจและยิ่งอัพเลเวลของตัวเองด้วยการผ่านการอบรมในระดับโปรไลเซ่น และยังว่างงานอยู่ด้วย

ทรงยศ กลิ่นศรีสุข

อีกหนึ่งกุนซือชาวไทยที่มีประสบการณ์ในการคุมทีมอย่างโชกโชน และเคยปั้นนักเตะดาวรุ่งขึ้นมาประดับวงการหลายคน ปัจจุบันขยับตัวเองไปช่วยงานด้านเทคนิคของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในตำแหน่ง วิทยากรอบรมผู้ฝึกสอนของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่มีหน้าที่ในการเปิดอบรมผู้ฝึกสอนชาวไทย ในคอร์ส AFC 'C' Certificate Coaching Course โดยกุนซือผู้นี้ผ่านการคุมทีม ศรีราชา เอฟซี, พีทีที ระยอง, ระยอง เอฟซี, ภูเก็ต เอฟซี และ พัทยา ยูไนเต็ด เพราะฉะนั้นหมดห่วงเรื่องประสบการณ์

 

จักรพันธ์ ปั่นปี

อดีตปราการหลังทีมชาติไทย ที่เข้ามารับงานอยู่ในทีมสต๊าฟฟ์โค้ชของ ชลบุรี เอฟซี และเป็นคนใกล้ชิดกับ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพราะเคยทำหน้าที่เป็นมือขวามาก่อน สมัยที่ “โค้ชเฮง” คุมทัพฉลามชล และยังทำหน้าที่ต่อเนื่องแม้ว่าทีมชลบุรี เอฟซี จะทำการเปลี่ยนแปลงตัวหัวหน้าผู้ฝึกสอนไปกี่คนก็ตาม ซึ่งนอกจากทำหน้าที่ผู้ช่วยแล้ว “โค้ชโบ้” ยังใช้เวลาว่างในการอบรมเพิ่มเติมความรู้และความสามารถของตัวเองอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งจบการอบรมในระดับโปรไลเซ่น

จเด็จ มีลาภ

แม้ว่า กุนซืออารมณ์ดีรายนี้จะติดรับงานคุม การท่าเรืออยู่ แต่ด้วยสายสัมพันธ์ อันที่ระหว่างตัวกุนซือเอง ที่เคยร่วมงานกับ วิทยา เลาหกุล มาแล้วในการคุมทีมชลบุรี เอฟซี ตอนที่ โค้ชเฮง ทำหน้าที่เป็นประธานเทคนิคของสโมสร รวมไปถึงความใกล้ชิดของ นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรท่าเรือ ที่ดูแลทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยอยู่ หากว่าสมาคมต้องการให้ เซอร์เด็จ มาคุมทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก ในส่วนของประสบการณ์ของ จเด็จ มีลาภ คงไม่ต้องพูดถึงเพราะเคยพาชลบุรี เอฟซ คว้าแชมป์ไทยลีก 2008 มาแล้ว และรับงานคุมทีมสโมสรมาแล้วหลายทีมอาทิ วัวชน ยูไนเต็ด (สงขลา ยูไนเต็ด), ชัยนาท ฮอร์นบิล, พัทยา ยูไนเต็ด,พีทีที ระยอง และการท่าเรือ เอฟซี ทีมปัจจุบัน เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าประสบการณ์และบารมีของเขาก็ไม่เป็นรองใครเหมือนกัน